ตอนที่ 1 แก้วตาดวงใจ สายใจแห่งรัก
ตอนนี้เด็กหญิงชมพู่อยู่ในวัยสองขวบครึ่งซึ่งเป็นที่รักดั่งแก้วตาดวงใจของเธอ ถึงแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน แต่เธอกลับไม่มีเวลาดูแลนัก หน้าที่หลักจึงตกเป็นของมารดาวัยชรา ต่อเมื่อต้องย้ายไปแคนาดาพร้อมคู่ชีวิตคนใหม่ เธอจึงคิดว่า มรุตจะดูแลและให้ความรักแก่เด็กหญิงได้ดี บางทีอาจจะดียิ่งกว่าเธอซึ่งเป็นแม่แท้ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมให้ความสำคัญกับชมพู่เป็นอันดับหนึ่งเสมอ” มรุตยืนยันให้คลายกังวล ก่อนเบือนมองด้านนอก แล้วบอกกับหญิงสาว “ฝนตกหนัก แอ้คงจะกลับลำบาก วันนี้มีธุระต้องไปทำอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีจ้ะ วันนี้แอ้ออกมาเตรียมเอกสารเดินทางให้คุณภูมิ เสร็จก็มานั่งรอรุตที่นี่ ต่อจากนี้ก็กลับบ้านเลย”
มรุตพยักหน้า มองนัยน์ตาเรียวรีที่อยู่หลังเลนส์ใสซึ่งยังคงทอความอบอุ่นมาให้เห็นอย่างเจนตา
“แอ้อยู่ที่โน่นก็ดูแลสุขภาพด้วยนะ ทำงานให้มีความสุข ไม่ต้องห่วงชมพู่ที่อยู่ทางนี้ ถ้ากลับเมืองไทยก็แวะไปพักที่รีสอร์ตได้เสมอ”
“ได้สิ แต่แอ้ยังไม่รู้นะว่าไปโตรอนโตครั้งนี้ จะได้กลับอีกทีเมื่อไร เพราะงานถูกเตรียมรอไว้หลายชิ้น พอไปถึงคงต้องเร่งกันเลย” รานีพูดพลางปรายตามองคนตรงหน้า แล้วถามอย่างสนใจ “เห็นว่ารุตเริ่มโครงการสร้างศูนย์การค้าอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ แอ้รู้ได้ยังไง”
“ข่าวนักธุรกิจใหญ่มีคนสนใจเสมอ” รานีแย้มรอยยิ้ม เธอยินดีกับความสำเร็จของเขา
“โครงการนี้ผมทำร่วมกับวิศรุต เพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่อยู่อเมริกา”
“เป็นเพื่อนวัยเด็กกันเลยสิ” หญิงสาวถามย้ำ รู้ว่ามรุตเคยใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นอยู่ในเมืองใหญ่ของอเมริกา หลายสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเขา ทำให้เธอทึ่งว่าช่างเป็นนักสู้ที่น่าชื่นชม
“คงอย่างงั้น”
ทั้งสองคนสนทนากันสักพัก เสียงโทรศัพท์ของมรุตก็ดังขัดจังหวะ ชายหนุ่มพยักหน้าเชิงขออนุญาตก่อนกดรับสาย เมื่อพูดคุยกับคนปลายสายจบลง เขาก็เอ่ยคำลากับหญิงสาว
“ผมต้องไปแล้วนะ พอดีมีธุระ”
“จ้ะ อาทิตย์หน้ารุตไปที่บ้านสายหน่อยนะ แอ้ไม่อยากให้ชมพู่ต้องตื่นเช้ามากไป เดี๋ยวแกจะงอแง”
รานีบอกถึงนัดหมายเพื่อเตรียมการย้ายบ้านหลังใหม่ให้กับคนสำคัญของพวกเขา มรุตรับปากก่อนเร่งฝีเท้าออกจากร้านอาหารไม่ต่างจากเข้ามา
มรุตวิ่งผ่านสายฝนไปยังรถคันใหญ่ซึ่งจอดอยู่ตรงลานนอกร้านที่ไม่มีแม้หลังคากั้น พลางคิดว่าถ้ารู้ว่าฝนจะตกหนัก คงใจเย็นหาที่จอดรถด้านในจะได้ไม่เปียกฝน มือแข็งแรงเอื้อมเปิดประตูรถแล้วผลุบกายเข้าไปนั่งข้างใน ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“ลืมนัดได้ยังไง แล้วจะงอนอีกหรือเปล่า”
มรุตบ่นขณะบังคับรถแทรกเข้าสู่ช่องจราจรที่มีรถหลายคันเคลื่อนตามกันช้าๆ ตามภาวะฝนตกหนักหนาตา ชายหนุ่มถอดเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่เปียกชื้นแล้วเหวี่ยงทางด้านหลัง พลันต้องนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นอีก แต่พอเห็นว่าไม่ใช่คนที่ตามตัวเขาอยู่ก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
“ว่าไง วันนี้เข้ากรุงเทพเหรอ” เสียงถามดังทันทีที่กดรับสาย มรุตยิ้มอย่างนึกขัน วิศรุตผู้เป็นเพื่อนสนิทมักจับสัญญาณได้ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว
“ข่าวไวจริง ถ้านายเป็นเมีย ฉันคงประสาทเข้าสักวัน
สิ้นคำพูด จึงได้ยินเสียงหัวเราะเต็มเสียง ก่อนฝ่ายนั้นจะถามต่อ
“คืนนี้ว่างหรือเปล่า”
“ไม่ว่าง” มรุตปฏิเสธทันควัน เขามีนัดสำคัญต้องไปให้ทันในครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นคงหาโอกาสปลีกตัวออกมาได้ยากแล้ว
“นายมีธุระหรือเปล่า”
“จะชวนไปนั่งดื่มด้วยกัน ฉันนัดสรณ์ไว้ด้วย”
มรุตนึกถึงอนุสรณ์เพื่อนสนิทอีกคนซึ่งไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ หลังจากเขาไปหมกตัวลุยงานสร้างรีสอร์ตอยู่ที่หัวหิน กระทั่งรีสอร์ตได้เสร็จสิ้นอย่างน่าภาคภูมิใจเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
“ไว้วันหลัง วันนี้ฉันไม่สะดวก”
“งั้นแค่นี้นะ”
เมื่อจบบทสนทนา มรุตกลับมาตั้งใจขับรถเข้าสู่กลางเมืองในเส้นทางที่ยังคุ้นเคย แม้ไม่ได้แวะเวียนมานานหลายเดือน จนมาถึงคอนโดมิเนียมระดับดีในย่านธุรกิจ จึงวนรถขึ้นไปในชั้นจอดรถ พลันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เห็นเป็นสายของคนที่รออยู่ในห้องพักชั้นบน ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา บางเวลาหล่อนก็ทำให้เหนื่อยหน่ายใจ หากเจ้าของมือถือก็ไม่ใส่ใจจะรับสาย คงปล่อยให้เสียงเรียกนั้นเงียบไปเอง
ร่างสูงใหญ่เดินลงบันไดมายังชั้นล่างสุดตามระบบรักษาความปลอดภัยแล้วก้าวผ่านล็อบบี ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าประตูลิฟต์เพื่อขึ้นสู่ห้องพัก พอถึงชั้นเป้าหมายจึงก้าวออกมา เดินไปทางขวามือ ผ่านไปไม่กี่ห้องก็หยุดมองอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าเป็นห้องพักที่ซื้อไว้เมื่อปีที่แล้วหรือเปล่า
“พี่รุตขา”
เสียงเรียกดังขึ้นหลังจากประตูถูกเปิดผลัวะ คนร่างกลมกลึงยืนยิ้มรอรับ ก่อนออกแรงฉุดจนเขาหลุดเข้าไปข้างใน สายตาคมเหลือบมองรอบตัว เขากำลังเรียกความคุ้นเคยให้คืนมา
ใบหน้าคมสันเบือนมาหาหญิงสาวในชุดฟอร์มพนักงานของสถาบันการเงินย่านสีลมที่ส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่โทร.เร่งเขาถึงสองครั้งก่อนมาถึง ชายหนุ่มขยับเท้าเดินไปนั่งบนโซฟาในมุมห้องนั่งเล่น ก่อนเอ่ยถาม
“เพิ่งเลิกงานเหรอ”
“ใช่ค่ะ” คนเสียงหวานตอบอย่างกระตือรือร้น “แป้งคิดถึงพี่รุตจังเลย เอ...พี่รุตหิวหรือเปล่าคะ แป้งทำอาหารรอไว้ อุ่นอีกนิดก็กินได้ หรือพี่รุตจะอาบน้ำก่อนดีคะ”
หญิงสาวตรงรี่มาบริการ แต่อีกฝ่ายกลับเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเวียนหัวมากกว่า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
สิ้นคำปฏิเสธ เธอก็ผละออกอย่างว่าง่ายเพื่อเขาจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง มรุตเอนกายบนโซฟา เขากำลังนึกถึงชมพู่ นางฟ้าน้อยที่ไม่เจอกันเกือบหกเดือน ไม่รู้ว่าเด็กหญิงจะโตขึ้นสักแค่ไหน การย้ายไปอยู่ด้วยกันในครั้งนี้เขาได้เตรียมความพร้อมไว้ให้อย่างสมบูรณ์ ชดเชยในสิ่งที่เด็กหญิงขาดหายไป แม้จะรู้ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ก็ตาม
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง มรุตจึงรู้สึกถึงร่างอวบอิ่มหอมกรุ่นขยับเบียดมาหา เขาปรายตามองจึงเห็นว่าหญิงสาวอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว
“คิดอะไรอยู่คะ นั่งเงียบตั้งนาน” เสียงฉอเลาะดังอยู่ริมหู เธอเอื้อมมือหยิบแก้วทรงสูงที่เพิ่งยกมาวาง ขึ้นจ่อริมฝีปากเขา
“ดื่มหน่อยนะคะ ไวน์รสดีที่พี่รุตซื้อเก็บไว้ไงคะ”
“ไหนแป้งบอกว่ามีธุระสำคัญ” มรุตรับแก้วไวน์มาถือ ก่อนทวงถาม
“ธุระของแป้งเหรอ...ก็คิดถึงพี่รุตไงคะ” บอกเสียงหวานเติมจริตจะก้านแพรวพราว ชายหนุ่มหัวเราะอย่างยอมรับในความขี้เล่นของเธอ ก่อนได้ยินเสียงบ่นกระเง้ากระงอด “พี่รุตหายไปตั้งหกเดือน รู้ไหมว่าถ้านานกว่านี้อีกแค่เดือนเดียวแป้งจะหาแฟนใหม่”
“วันนี้พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของหลายคน” มรุตเปรย
“ใครคะ บอกได้หรือเปล่า” หล่อนถามพร้อมปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม แม้อยากรู้แค่ไหนแต่ไม่ต้องการแสดงกิริยาน่าเบื่อหน่ายให้เขาเห็น มือบางนุ่มไล้ตามสันกรามแข็งแรง ทอดมองใบหน้าหล่อเหลานิ่งนาน
ทั้งหล่อ รวย และเจ้าบุญทุ่มอย่างนี้ จะหาจากที่ไหนได้อีก แป้งไม่ปล่อยให้พี่หลุดมือไปง่ายๆ หรอก
“นางฟ้า ผู้หญิงที่สวยที่สุดกำลังต้องการพี่” ชายหนุ่มบอกทีเล่นทีจริงให้คนอยากรู้คาใจเสียอย่างนั้น
“พี่รุตจะพูดถึงนางฟ้าที่ไหนแป้งไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะคืนนี้พี่รุตต้องอยู่กับแป้งทั้งคืน อย่าคิดว่าจะหนีหลุดรอดไปได้เชียว” หล่อนทำเสียงขู่ได้อย่างน่ารัญจวนใจ จนเขาต้องหัวเราะ ลืมความยุ่งยากไปชั่วขณะ
ทุกอย่างที่เป็นอยู่มันคงดีที่สุดสำหรับเขา การใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่ดีอย่างอดีตภรรยานั้นกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่พอคบหาคนที่มีหลายอย่างคล้ายกันได้ไม่นาน เขาก็เบื่อ ชายหนุ่มหลุบตามองคนที่ซุกอกกว้าง เขาพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ที่จะวางตัวเองและคนที่เข้ามาข้องเกี่ยวไม่ให้ล้ำเส้นกัน แค่ต่างเข้าใจว่าคบหากันด้วยเหตุผลอะไรก็พอ
