ไม่ได้อยากจะดีด้วย
หวาจิ้งอ๋องสาวเท้าเข้ามา ในจวนหวาเซียงอ๋อง
“น้องสาม เพิ่งจะแต่งชายารอง ข้ามีเรื่องหารือจึงจะต้องมาถึงนี่ คาดว่าน้องสามคงไม่ไปไหนแน่”องค์ชายรองหวาจิ้งอ๋องทักขึ้น เมื่อเห็นหวาเซียงอ๋องนั่งอ่านตำราอยู่ ในศาลาริมน้ำ
“พี่รอง มาถึงนี่ต้องมีเรื่องสำคัญ”
รอฟังคำตอบ
“ไม่ไม่ไม่ แค่อยากจะมาดูว่าชายารองของเจ้าอยู่สบายดีไหม”
หวาเซียงอ๋องขมวดคิ้วนึกโมโหอู่หงถิง คิดว่านางปากโป้งเล่าเรื่องเมื่อคืนวันเข้าหอให้คนอื่นฟัง
“ทำไมพี่รองถามแบบนั้น”
“555ชายารอง งามล่มเมืองอีกทั้งหวาเซียงอ๋องของเรารู้ๆ กันอยู่ชายาเอกล้มป่วยเสียนานขาดการปรนนิบัติ พี่รองเลยอยากรู้ว่าชายารอง... ป่านนี้มิโดนสูบลมปราณจนหมดตัวแล้วหรือ555”
อารมณ์ขันของหวาจิ้งอ๋องมีมากมายจนบางที คนที่เขาคุยด้วยตามไม่ทัน หวาเซียงอ๋องได้แต่ยิ้มบางๆ
“นางยังอยู่เรี่ยวแรงยังเหลือเฟือ ข้ายังไม่ได้แตะต้องนาง”
องค์ชายรองเลิกคิ้วสูง
“ไม่ดีแน่แบบนี้ เจ้าปล่อยตัวเองเสียนาน มิใช่จะตายด้านไปแล้วหรือข้ามียาดี หลายขนาน ไว้จะแบ่งมาให้เจ้าหรือว่าจะให้เสี่ยวกุนไปรับมาเคี่ยวให้เจ้าดื่มเสียทันทีทิ้งไว้นานอาการย่อมกำเริบ”
หวาเซียงอ๋องส่ายหน้าไปมา
“พี่รองไม่ต้องกังวลข้ากับนาง ยังต้องใช้เวลานางเองไม่ได้เต็มใจแต่งเป็นเมียข้าอย่างที่รู้ๆกัน ส่วนข้าเองไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็ยังมีซ่างเซี่ยนในใจเสมอ”
“เฮ้อ เป็นสามีภรรยากัน แต่เจ้ากับพูดแบบนี้เกรงว่าหากชายารองของเจ้ามาได้ยินนางคงเสียใจไม่น้อย”
หวาเซียงอ๋องได้แต่ยิ้มหยัน อยากจะบอกเหลือเกินว่านางถึงกับจะสังหารเขานางคงไม่มีสักนิดที่จะเสียใจในคำพูดของเขา
องค์ชายใหญ่หวาซงอ๋องก้าวข้าเข้ามาในตำหนักท่าทีองอาจ แต่แทนที่เขาจะเข้าไปหาหวาเซียงอ๋องเขากลับเดินลัดเลาะไปเมียงมองยังที่พำนักของอู่หงถิง
“ท่านอ๋องลมอะไรหอบมาถึงนี่”
ซ่างเซี่ยนเอ่ยปากทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ชายาเอกหวาเซียงอ๋องวันนี้หน้าตาสดชื่น อาการป่วยคาดว่าจะเป็นปกติแล้วใช่หรือไม่”
ยิ้มด้วยสีหน้าเป็นมิตร
“ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องทำงาน เชิญท่านที่นั่นจะดีกว่าที่นี่เป็นที่พำนักของข้ากับท่านอ๋อง”
“แล้วชายารองของหวาซียงอ๋องเล่าพำนักที่ใด”
“อ๋อนางอยู่ห้องทางซ้ายมือ ไม่ทราบว่าหวาซงอยากพบนางใช่หรือไม่”
“ข้าหาต้องการพบนาง แค่เพียงสงสัยเพราะชายาท่านบอกว่าเป็นที่พำนักของหวาเซียงอ๋องกับเจ้า เกรงว่านางเป็นชายารองอาจมีที่พำนักอยู่ที่อื่นเป็นแน่”
อู่หงถิงก้าวขาออกมาข้างนอกพร้อมด้วยฟางหลุน หวาซงอ๋องชายาตามองอู่หงถิงเพียงแว็บเดียว ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก้มหัวลงช้าๆ อู่หงถิงเองก็ย่อตัวให้ด้วยความเกรงใจ
“สบายดีไหม”
อู่หงถิงเลิกคิ้วก่อนจะส่งภาษามือหวาซงขมวดคิ้ว
“นายหญิง พูดไม่ได้เจ้าค่ะ”ฟางฟลุนตอบแทน
“ตามหมอหลวงหรือยังมีสิ่งใดผิดปกติกันน้องหญิงถึงไม่พูด”
ซ่างเซี่ยนทำสีหน้าตกใจไม่น้อย
“ตั้งแต่ ข้าน้อยอยู่กับนายหญิงนายหญิงก็ไม่เคยปริปาก ใช้แต่ภาษามือ”
“เจ้าไปตามหมอหลวงมาดูอาการของนาง”
หวาซงออกคำสั่ง อู่หงถิงส่ายหน้าไปมาเหมือนจะบอกว่าไม่ต้อง ทำให้ฟางหลุนลังเล
“รีบไปเดี๋ยวนี้เลย หากชายารองเป็นอะไรมากไปกว่านี้เกรงว่าเจ้านั่นล่ะที่จะมีความผิด”คราวนี้เป็น ฟางหลุนที่รีบวิ่งออกไปทันที
“ซ่างเซี่ยนรีบดึงแขน อู่หงถิงให้เข้าไปในห้องนั่งลงบนแท่นนอนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ หวาซงได้แต่อยู่ด้านนอกมองเข้าไป
“เป็นอะไรไปท่านอ๋องทำอะไรเจ้า เจ้าจึงพูดไม่ได้เช่นนี้บอกข้ามาเถิด”
ช่างเซี่ยนสงสัยว่าจะเป็นหวาเซียงอ๋องที่ทำให้อู่หงถิงพูดไม่ได้ แต่อู่หงถิงไม่เข้าใจคำถามด้วยความห่วงใยของซ่างเซียน จึงส่ายหน้าไปมาเสีย
“บอกข้ามาข้ายินดีปกป้องเจ้า แต่อย่าได้บอกกับคนอื่นว่าท่านอ๋องกักขังและทำร้ายเจ้าเช่นนั้นเรื่องนี้หากแพร่ออกไปเกรงว่าจะไม่เป็นการดีต่อท่านอ๋อง”
อู่หงถิงยังคงส่ายหน้าซ่างเซี่ยนถอนหายใจ ท่านหมอเข้ามาพอดี
“ท่านหมอตรวจดูให้ถ้วนถี่ทำไมชายารองจึงไม่ยอมปริปาก มีสิ่งใดผิดปกติกัน”หมอหลวงประสานมือ ทำการตรวจดูทั้งหูคอและปากก่อนจะถอยออกมาตรงหน้าเหอซ่างเซี่ยนและหวาซงที่ยืนรอข้างนอก
“พระชายา ชายารองไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ แต่กระหม่อมเกรงว่าจะมีเรื่องใดที่กระทบจิตใจนางอย่างมากจึงไม่ยอมปริปาก”
“กระทบจิตใจ”หวาซงอ๋องทวนคำช้าๆ แววตาครุ่นคิด