แค่ขยับเอวเจ้าก็ทุบ
“หลังจากที่ตรวจดูแล้วการได้ยินก็ยังใช้ได้ อีกทั้งลิ้นไก่ของนางก็ปกติ แต่...ชายารองนางไม่ยอมเปล่งเสียง กระหม่อมเองก็จนปัญญา มีเพียงตัวชายารองเท้านั้นจึงจะรู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ยอมพูด และอีกวิธีคือหากข้าน้อยรู้สาเหตุอาจแก้ไขได้ในไม่ช้า”
ซ่างเซี่ยนได้แต่เพียงโบกมือให้หมอหลวงไปเสีย
“ชายาเอก ท่านคิดว่านางเป็นอะไร”
“ข้าคิดว่านางเพียงแค่ไม่อยากพูด อาจมีบางอย่างที่ทำให้นาง หวาดกลัวหรือตกใจ”
คิดไปถึงสิ่งที่หวาเซียงอ๋องทำกับ อู่หงถิง
เย็นมากแล้วหวาเซียงอ๋องเดินกลับเข้ามาที่พำนักพร้อมด้วยเสี่ยวกุน เหอซ่างเซี่ยนยืนรออยู่ที่หน้าห้อง พยุงซ่างเซี่ยนเข้าไปข้างใน
“หวางเฟยอากาศเริ่มเย็นออกมายืนรอข้า จะไม่สบายเอาได้”
“ท่านอ๋องเจ้าหรู นางๆๆ ”
หวาเซียงอ๋องขมวดคิ้ว
“นางแผลงฤทธิ์กับเจ้าหรือไร ข้าเห็นจะต้องลงทัณฑ์นางอีกแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างที่ท่านอ๋องคิด แต่นางตอนนี้ไม่ยอมปริปากวันๆส่งภาษามือเหมือนคนเป็นใบ้ เกรงว่าใต้เท้ากวงรู้เข้าอาจไม่พอใจที่ท่านอ๋องแต่งนางเข้ามาไม่ทันไรนางกลับป่วยไข้”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรนาง มีแต่นางที่คิดสังหารข้า”
“ท่านพี่ ท่านดีกับนางมากหน่อย ข้าคิดว่าไม่นานนางจะพูดได้วันนี้ข้าให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการของนางหวาซงอ๋องก็อยู่ที่นี่”
มือใหญ่กำมัดแน่น
“หวาซงอ๋อง นึกแล้วไม่ผิดข่าวลือนั่น”
“ข่าวลือใดกัน เซี่ยนเซี่ยนไม่เคยได้ยิน”
“ข่าวรือเรื่องความสัมพันธ์ของ หวาซงกับกวงเจ้าหรูก่อนหน้านั้น นี่คงอดอยากได้ไม่นานจึงคิดมาเริงรักกันให้หายคิดถึงไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ามาถึงจวนของข้า”
“ท่านพี่ข้ามองนางไม่ผิด นางยังพิสุทธิ์เช่นไรท่านถึงคิดว่านาง…”
“เซี่ยนเซี่ยนเจ้าเป็นคนจิตใจดีเพียงนี้ คงยังไม่รู้ว่าในวังหลวงล้วนมีเรื่องคาวโลกีย์มากมาย”
“ท่านอ๋อง หากจะปรักปรำนางคงไม่เหมาะ”
ยิ้มหยันที่ใบหน้า
“เจ้ารอดูว่าสิ่งที่ข้าพูดจะจริงเท็จแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อช้าก็ได้”
เหอซ่างเซี่ยนถอนหายใจหากเป็นเช่นที่หวาเซียงอ๋องพูดแสดงว่าซ่างเซี่ยนมองคนผิดไป หวาเซียงอ๋องก้าวขายาวๆ ตรงไปยังห้องของอู่หงถิงผลักประตูเข้าไป โบกมือไล่ฟางหลุน อู่หงถิงกับนอนขดตัวนิ่งบนแท่นนอน เมื่อเห้นว่าคนที่มาเป็นใครก็ใช้มือสองข้างกอดรอบเข่าไว้แน่นไม่แม้แต่จะหันมอง ในเมื่อตอนนี้กำลังวางแผนและกำลังหาทางที่จะหลุดพ้นความคิดของตัวเองที่ห่วงใยมารดาและน้องไหนจะเรื่องที่ต้องลงมือฆ่าหวาเซียงอ๋องจึงรู้สึกว่าตัวเองเศร้าสร้อยอย่างประหลาด
“ลุกขึ้น”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ อู่หงถิงยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นงอตัวให้คุ้ดคู้กว่าเดิม
"ข้าบอกให้ลุกขึ้น"
กระชากแขนที่กอดหัวเข่าไว้แน่น ร่างบางบัดนี้เป็นเพียงก้อนเนื้อกลมๆ ที่มองเพียงแว๊บแรกเหมือนไร้ซึ่งชีวิตหากไม่ติดที่ใบหน้างดงามนั้น
“เสี่ยวกุนปิดประตู”
หันไปสั่งเสี่ยวกุน อู๋หงถิงยังนอนนิ่งไม่ไหวติงคิดว่าจะขู่ได้แต่ไม่เป็นผล
“แสร้งป่วยไข้เรียกร้องความสนใจ ข้าจะดูว่าเจ้าจะไม่ยอมปริปากได้นานแค่ไหน”ลากร่างบางลงไปกองกับพื้นอ้อมแขนเล็กหลุดออกจากหัวเข่า เจ็บจนจุกแต่ก็ยังไม่เปล่งเสียง ยิ่งยั่วโทสะของอีกคน
“ซ่างเซี่ยนบอกให้ดีกับเจ้าหน่อย แต่ข้าว่าคงไม่เป็นผล”
ขึ้นคร่อมร่างบาง มือแข็งแรงจับมือบางทั้งสองข้างให้กางออกขาแกร่งกดทับหน้าขาของอู๋หงถิงจนเจ็บ อู๋หงถิงดิ้นรนกระเสือกกระสนแต่ถูกรวบลงไปนอนใต้ร่างของหวาเซียง
“จะทนได้กี่น้ำ”
มือใหญ่อีกข้างดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจนออกเกือบจะเปล่าเปลือย อู่หงถิงแม้จะมีแววตาตื่นตระหนกแต่กับไม่มีเสียงร้อง ขยับตัวหนีความกักขฬะของอีกคน หวาเซียงกดเอวแนบกับเอวของอู๋หงถิงยิ้มหยันเมื่ออู่หงถิงไม่อาจขยับตัวได้ แต่หันหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าเขา เขาจ้องมองเนินเนื้ออวบอิ่มตรงหน้าที่เขาเพิ่งจะดึงอาภรณ์ออกไป กลืนน้ำลายลงคอ
“ช่างเก่งเสียจริง ข้าน่ารังเกียจมากถึงกลับอยากให้ตายเลยหรือไร”
ดวงตาของอู่หงถิงเป็นประกายวาววับ หากฆ่าเขาตอนนี้ก็จะมีคนเป็นพยานทั้งเสี่ยวคุนและฟางหลุนที่อยู่ด้านอกคงได้ยินว่าหวาเซียงอ๋องข่มเหงอู่หงถิง
ตาเหลือบมองแจกันบนโต๊ะข้างแท่นนอนอันไม่เล็กนักหยุดดิ้นพักเอาแรงหันหน้ามาเผชิญหน้ากับอีกคนที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วตากลมเปล่งประกายวาวโรจน์ กับตาคมของหวาเซียงอ๋องที่มองอู่หงถิง
“หมดฤทธิ์แล้วหรือไร”
ตาจ้องมองริมฝีปากสีชมพูระเรื่อตาไม่กะพริบ บางอย่างในกายที่ห่างหายมานานเริ่มตื่นตัว พยายามหักห้ามใจแต่ไม่เป็นอย่างที่ใจต้องการร่างกายหาบังคับได้ไม่ หวาเซียงอ๋องขยับเอวกดกระแทกทั้งๆ ที่ยังมีอาภรณ์เหมือนตั้งใจแกล้งอู่หงถิง ยิ้มหยันที่อู่หงถิงไม่อยากเห็น ลอยอยู่ตรงหน้า
“จะดูว่าจะไม่พูดได้นานแค่ไหน ร้องสิหากไม่ชอบก็ร้องหากเจ้าไม่ร้องข้าจะถือว่าเจ้าเต็มใจและชอบที่ข้าทำแบบนี้”
อู่หงถิงใช้เท้าถีบพื้น เอาศีรษะชนกับโต๊ะที่ข้างแท่นนอน แจกันใบใหญ่ร่วงลงบนพื้น หวาเซียงอ๋องซบหน้าลงกับอกอุ่นนุ่ม มือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระอู่หงถิงคว้าแจกัน ด้วยมือเดียวทุบเข้าไปที่ศีรษะของหวาเซียงอ๋องอย่างจัง
“เพล้ง”
หวาเซียงอ๋องผุดลุกขึ้นคลำที่กลางศีรษะของเหลวอุ่นๆไหลออกจากบาดแผลที่เจ็บจี้ดถึงหัวใจ อู่หงถิงยืนตัวสั่นงันงก
เสี่ยวกุนกับฟางหลุนวิ่งเข้ามาพร้อมกัน ฟางหลุนถลาเข้าไปกอดรวบร่างเล็กของอู่หงถิงไว้แน่นตั้งใจปกป้องเพราะรู้ว่าหวาเซียงอ๋องโมโหเพียงใดในตอนนี้ เหอซ่างเซี่ยนเดินแกมวิ่งจากห้องของนาง มองคนนู้นทีคนนี้ที
หวาเซียงอ๋องจ้องมองมาที่อู่หงถิงสายตาแค้นเคือง แต่เพียงครู่ก็ยิ้มหยัน ยิ้มหยันที่ริมฝีปาก
“ขังนางห้ามส่งข้าวส่งน้ำ จนกว่าข้าจะสั่ง”
เหอซ่างเซี่ยนถลาเข้าหาหวาเซียงอ๋องที่ล้มทั้งยืนด้วยเสียเลือดมาก เลือดสดๆไหลนองพื้นสีแดงฉาน ฟางหลุนกอดอู่หงถิงแน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อปลอบใจ เมื่อเห็นว่าใบหน้าบางซีดเผือด