13 คนหน้าไม่อาย
จินเซี่ยเดินออกมาจากห้องนอน "เสี่ยวจิน ตื่นแล้วเหรอ ชั้นซื้อโจ๊กกับน้ำเต้าหู้มาฝาก มากินสิ กำลังร้อนๆเลย" เหม่ยลีเอ่ยพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้จินเซี่ยนั่ง
"ขอบคุณนะ" จินเซี่ยที่ข้อเท้าบวมฉึ่งเพราะอักเสบเดินกะเพกๆมานั่ง
"เสี่ยวจิน ทำไมข้อเท้าของเธอบวมขนาดนั้น ไปโดนอะไรมา" เหม่ยลีถามอย่างเป็นห่วง
"ลื่นล้มในห้องน้ำน่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย"
"เสี่ยวจิน ถ้าเธอมีอะไรที่ไม่สบายใจ เธอบอกชั้นได้เสมอนะ" เหม่ยลีมองรอยจ้ำสีแดงที่คอของเพื่อน ก่อนจะลุกเดินไปหยิบผ้าพันคอสีหวานมาพันเพื่อปิดบังให้เธอ
"ขอบคุณนะ" จินเซี่ยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เหม่ยลีจึงจับมือเพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้น
และเลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองก็ลงมาข้างล่างเพื่อที่จะไปทำงาน เมื่อเดินออกมาก็พบกับลู่ฟานที่ยืนพิงรถหรูรออยู่หน้าคอนโด ชายหนุ่มสุดหล่อยืนสูงเด่นสง่า
เหม่ยลีที่ประคองจินเซี่ยออกมาเมื่อเห็นลู่ฟานแบบจะๆ ก็ถึงกับตกตะลึงในความหล่อของเขาอย่างละสายตาไม่ได้ แต่จินเซี่ยที่เดินขากะเพกอยู่ข้างๆกลับไม่ได้สนใจผู้ชายที่หล่อแต่หน้าคนนี้เลยแม้แต่น้อย
ซึ่งลู่ฟานก็เช่นกัน ผู้หญิงที่ชื่อจินเซี่ยไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย แต่ที่ทำแบบนี้เพราะว่าจะแก้แค้นเธอก็เท่านั้น
"ขึ้นรถ" เขาพูดขึ้นเมื่อจินเซี่ยเดินออกมา ดวงตาคมภายใต้แว่นตากันแดดมองไปยังข้อเท้าที่บวมและมีผ้าพันเอาไว้ของเธอ
"ชั้นต้องไปทำงาน" เธอตอบนิ่งๆ
"ชั้นจะไปส่ง" เขาพูดนิ่งๆ
"ไม่ต้อง" จินเซี่ยเดินหนี ลู่ฟ่านจึงเดินตามมาแล้วช้อนตัวของเธอขึ้นมาพาไปยังรถ "ปล่อยชั้นลงนะ คุณจะทำอะไรของคุณอีก"
"เปิดประตู" ลู่ฟานสั่งเหม่ยลี
"เหม่ยลี แจ้งตำรวจให้ชั้นที "
"เธอจะแจ้งข้อหาอะไรไม่ทราบ"
"คุณทำร้ายร่างกายของชั้น"
"ตำรวจเขาไม่รับแจ้งเหตุเรื่องความสนุกบนเตียงของสามีภรรยากันหรอกนะ"
"นี่คุณ ! " จินเซี่ยเริ่มโมโห
"ที่บอกว่าทำร้ายร่างกายนี่ ตำรวจเขาก็ต้องขอดูหลักฐานนะ คุณกล้าเปิดจุดที่โดนทำร้ายให้ตำรวจดูจริงๆเหรอ" ลู่ฟานจงใจพูดกวนประสาทเธอ
"ชั้นเพิ่งจะรู้ว่าคุณชายลู่ที่เกิดมาในตระกูลผู้ดี จะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้"
"หึ " เขายกยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของเธอ จากนั้นก็หันไปจ้องหน้าเหม่ยลีที่ยืนอึ้งกับเรื่องที่ทั้งคู่พูดอยู่ เหม่ยลีหลบดวงตาคมกริบและรีบเปิดประตูให้เขาพาจินเซี่ยขึ้นไปนั่งบนรถ จากนั้นลู่ฟานก็เดินอ้อมไปนั่งที่ฝั่งคนขับและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล เมื่อรถคันหรูจอดสนิท ลู่ฟานจึงเดินลงมาจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้จินเซี่ย พร้อมกับช่วยประคองเธอลงจากรถราวกับสามีที่ดี ทันทีที่ลู่ฟานและจินเซี่ยเข้ามาในโรงพยาบาล นักข่าวมากมายก็สิ่งกรูเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับโถมคำถามมากมายใส่ "คุณชายลู่ครับ สรุปข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของคุณถังนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ"
ลู่ฟานถอดแว่นกันแดดออกและตอบ
"จริงครับ" จินเซี่ยที่ยืนข้างๆก็กำลังจะเดินไป แต่ถูกเขาจับมือเอาไว้ เธอจึงต้องจำใจยืนอยู่ตรงนั้น
"คุณพอจะบอกได้ไหมคะว่าเป็นเพราะอะไร"
"อุบัติเหตุครับ"
"หลังจากแต่งงานกัน ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างนั้นเหรอคะ"
"ใช่ครับ"
"มีข่าวลือออกมาว่า ก่อนเกิดเหตุ พวกคุณมีปัญหากัน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ "
"จริงครับ " ลู่ฟานพูดจบก็โอบไปที่ไหล่ของจินเซี่ย ทำให้นักข่าวพากันจับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆลู่ฟาน
ที่แท้เขาก็ตั้งใจโยนระเบิดทั้งหมดไปให้จินเซี่ย เขาทำให้พวกนักข่าวที่ถนัดในการจินตนาการพวกนี้เข้าใจว่า จินเซี่ยคือตัวการหลักในการทำให้เขาและมูมู่มีปัญหากัน จนทำให้มูมู่เครียดและเสียใจจนเกิดอุบัติเหตุและถึงแก่ความตาย และพวกนักข่าวยังคิดไปถึงอีกว่า แท้จริงแล้วจินเซี่ยก็คือมือที่สามที่แย่งลู่ฟานมา จนมูมู่รับไม่ได้และฆ่าตัวตาย !
จินเซี่ยพยายามดันตัวออกแต่ว่าเขาบีบต้นแขนของเธอไว้
"ขอถามได้ไหมคะ ว่าคุณผู้หญิงท่านนี้คือใครคะ "
"คุณหมอจินเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และเป็น ภรรยาของผมเองครับ " ลู่ฟานตอบหน้าตาเฉยพร้อมกับจับมือของเธอขึ้นมาเพื่อโชว์แหวนแต่งงานต่อหน้าทุกคน นักข่าวต่างพากันอึ้งไปตามๆกัน และเขายังพูดต่อว่า "หลังจากที่มูมู่เสียชีวิตไป พวกเราก็ได้แต่งงานกันเงียบๆ ตามที่หมอจินต้องการ แต่ว่าเธอไม่ใช่มือที่สามนะครับ อย่าเข้าใจผิด " คำพูดของลู่ฟานเป็นการนำทางความคิดของพวกนักข่าวให้เริ่มคิดกันไปไกลและเริ่มสงสัยในตัวจินเซี่ย
"คุณพูดอะไรเนี่ย ไม่ใช่นะคะ" จินเซี่ยพยายามปฏิเสธ ลู่ฟานจึงก้มลงไปหอมที่แก้มเนียนของเธอ ให้นักข่าวกดชัตเตอร์ถ่ายรูปกันจนมันส์มือ
ก่อนจะกระซิบข้างหูของเธอว่า "หลักฐานบนร่างกายมัดตัวคุณแน่นขนาดนี้ คุณปฏิเสธไป ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก และอีกอย่าง พวกเขาจะคิดอีกว่า คุณนั้นเสแสร้ง หรืออาจจะ หยาบคายกว่านั้น " ลู่ฟานเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับนักข่าว
"แล้วขอถามได้ไหมคะ ว่าคุณสองคนเจอกันได้ยังไง "
"พอดีว่าช่วงต้นปี ที่บ้านผมจัดงานวันเกิด ก็เลยได้เจอกัน หมอจินเข้ามาทำความรู้จักกับผม เราสองคนก็เลยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันที่มูมู่เสียชีวิต ผมเสียใจมาก แต่ก็ได้หมอจินที่คอยปลอบใจอยู่ไม่ห่าง เธอชวนผมไปดื่มเพื่อให้คลายเศร้า จากนั้น.. ผมขอไม่ลงรายละเอียดเพิ่มแล้วกันนะครับ และอีกอย่างผมไม่อยากพูดอะไรเยอะ เพราะหมอจินเธอค่อนข้างจะขี้อาย" จินเซี่ยจ้องหน้าผู้ชายข้างๆที่พูดจาโกหกได้เป็นฉากๆออกมาอย่างไม่อายปาก นี่เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่
นักข่าวเริ่มนึกคำถามต่อไปไม่ออก
ลู่ฟานจึงพูดขึ้นต่อ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราสองคนขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่าคุณหมอจินต้องรีบไปทำงานต่อ ตั้งใจทำงานนะที่รัก ตอนเย็นผมจะมารับ " ก่อนจะไปยังไม่วายก้มลงมาจูบหน้าผากของเธอแสดงความหวานอีก
