บทที่ 2 สำนักศึกษาคงเสวีย 2
หลานหลีเกอบริภาษถ้อยคำเหล่านั้นในใจ สิ่งเดียวที่ทำได้คือตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป
ว่าแต่พี่ใหญ่จะพกขนมหรือแผ่นแป้งย่างมาด้วยหรือไม่นะ ตอนนี้นางรู้สึกหิวอีกแล้ว...
สองพี่น้องกับอีกหนึ่งบ่าวรับใช้ เดินมาถึงหน้าสำนักศึกษาคงเสวียในตอนปลายยามอู่ (11.00-12.59น.)
ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาภายในสำนักศึกษา หลานหลีเกอก็ร้องหาอาหารกลางวันกับผู้เป็นพี่ชายในทันที
ตามปกติแล้วสำนักศึกษาแห่งนี้มีนักเรียนอยู่สองจำพวก หนึ่งคือนักเรียนที่บ้านอยู่ใกล้กับสำนักศึกษา สามารถเดินทางไปกลับภายในวันเดียวได้ และสองคือนักเรียนที่บ้านอยู่ไกลหรืออยู่ต่างเมือง ที่จะต้องพักอาศัยอยู่ภายในสำนักศึกษา
นั่นจึงทำให้โรงครัวของสำนักศึกษาแห่งนี้มีแม่ครัวประจำอยู่ตลอด และแม้จะเป็นเพียงสำนักศึกษาเล็กๆ ทว่าด้วยความที่อยู่มานานหลายชั่วอายุคน ระเบียบแบบแผนต่างๆ จึงค่อนข้างเป็นที่เป็นทาง ทั้งยังไม่เคร่งครัดจนเกินไป ต่างจากสำนักศึกษาหลายแห่งในเมืองอันหลาง รวมไปถึงทั่วทั้งแคว้นต้าหย่งด้วย
ที่สำนักศึกษาแห่งนี้ ในยามปกติจะไม่แบ่งแยกชายหญิง นอกเสียจากในส่วนที่พักหลับนอน ส่วนในบริเวณอื่นๆ นักเรียนชายหญิงสามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้
และด้วยความที่เป็นลูกหลานของผู้ก่อตั้งสำนักศึกษา เพียงแค่หลานจิ้นหลี่แสดงป้ายประจำตัว สองพี่น้องก็สามารถเข้ามายังภายในโรงครัวได้ แม้ว่าในเวลานี้ใกล้จะหมดเวลากินมื้อกลางวันแล้วก็ตาม
“วันนี้คุณชายหลานมาช้าไปหลายเค่อเลยนะเจ้าคะ”
แม่ครัววัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยถาม ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นยากจะบอกได้ว่าเป็นคนอัธยาศัยดี หรือว่าเพียงแค่ต้องการประจบสอพลอทายาทตระกูลหลานเท่านั้น
ทว่าด้วยความรู้สึกบางอย่าง...หลานหลีเกอก็เทใจไปที่การคาดเดาในข้อแรก
“วันนี้ข้าพาน้องสาวมาด้วย การเดินทางจึงล่าช้าไปจากปกติขอรับ หลีเอ๋อร์ ท่านนี้คือท่านป้าจาง เป็นแม่ครัวหลักของที่นี่” หลานจิ้นหลี่เอ่ยบอกน้องสาว
“คารวะท่านป้าจางเจ้าค่ะ”
เด็กน้อยทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างเชื่อฟัง แน่นอนว่าเพราะนางไม่อยากให้ตระกูลหลานขายหน้านั่นเอง
“ตายจริง! นี่คือคุณหนูรองหลานหรือเจ้าค่ะ? รูปร่างหน้าตาช่างน่าเอ็นดูดีแท้” แม่ครัวจางเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากใจจริง ไร้การเสแสร้งแกล้งทำ
หลานหลีเกอยิ้มรับ “เช่นนั้นรบกวนท่านป้าจางเอ็นดูหลีเกอมากๆ โดยการทำอาหารอร่อยๆ ให้หลีเกอเยอะๆ นะเจ้าคะ ตอนนี้หลีเกอหิวมาก”
“วาจาฉะฉานน่ารักจริง...เช่นนั้นป้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้คุณหนูรองทานเยอะๆ เลยนะเจ้าคะ”
“ขอบคุณท่านป้าจางเจ้าค่ะ”
หลานหลีเกอยกยิ้มอวดฟันขาว ในขณะเดียวกันนางกลับแอบสื่อความหมายเป็นนัยๆ ว่า ปากและท้องของนางว่างเหลือเกิน ท่านป้าจางรีบๆ ทำอาหารมาให้กินเสียทีเถอะเจ้าค่ะ!
หลังจากที่เวลาผ่านไปราวสามเค่อ มะเขือเทศผัดไข่ ปลาผัดพริก หมูผัดขึ้นฉ่าย น้ำแกงปลา พร้อมกับข้าวขาวอีกสองถ้วยถูกวางลงตรงหน้าของสองพี่น้อง
หลานหลีเกอมองอาหารตรงหน้าแบบผ่านๆ อาหารเหล่านี้ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากนัก เด็กน้อยจับตะเกียบขึ้นมาตั้งท่าไว้ พร้อมกับมองไปยังผู้เป็นพี่ใหญ่ของตน
“กินเถิด หลีเอ๋อร์ของพี่คงหิวไส้จะขาดแล้ว” หลานจิ้นหลี่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ อย่างนึกขัน
“ขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” เด็กน้อยว่าแล้วลงมือคีบอาหารเข้าปาก
หลานจิ้นหลี่มองการเคลื่อนไหวของมือเล็กๆ ป้อมๆ นั้นด้วยใบหน้ายิ้มขัน อายุก็เพียงแค่ห้าขวบ แขนขาหรือจะมือไม้ก็สั้นป้อมเพียงเท่านี้ แต่เหตุใดจึงกินเก่งนักนะ
“ท่านป้าจาง รบกวนขอข้าวเปล่าให้ข้าอีกสักสองถ้วยเถิด” คนเป็นพี่หันไปสั่งก่อนจะลงมือกินอาหาร
หลังจากเติมเต็มท้องน้อยๆ ของหลานหลีเกอจนอิ่ม หลานจิ้นหลี่ก็พาน้องสาวมาที่หอตำราของสำนักศึกษา หลานหลีเกอเดินตามที่ชายอย่างเชื่องช้า ด้วยเพราะนางเพิ่งกินอาหารอิ่มและหลังจากที่เห็นว่าเบื้องหน้าของตนคือหอตำรา เด็กน้อยก็ถึงกับอ้าปากหาวออกมาเลยทีเดียว
นี่พี่ใหญ่พานางมาหาที่พักสายตาหรือ?
หลานหลีเกอเดินตามพี่ชายเข้าไปด้วยสีหน้าราวกับจะฟุบหลับอากาศ หลานจิ้นหลี่ส่ายหน้าเมื่อเห็นกิริยานั้นของผู้เป็นน้องสาว เพราะหลานหลีเกอเป็นเช่นนี้ บิดามารดาถึงได้กลัดกลุ้มใจนัก อันว่าต้นไม้ดีจะต้องดีตั้งแต่ยังเป็นต้นกล้า ทว่าสภาพที่น้องสาวของเขากำลังเป็นอยู่ช่างห่างไกลกับคำว่าต้นกล้าดีอยู่มากโข
ด้วยเหตุนี้ เขาในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ และเป็นคนหนึ่งที่ตามใจหลานหลีเกอมากที่สุด จึงต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับการกระทำอันไร้ระเบียบและเกียจคร้านนี้ของผู้เป็นน้องสาว ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะสามารถปกครองและสั่งสอนผู้อื่นได้อย่างไร
ยิ่งตอนนี้เหลือระยะเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปี ตัวเขาก็ต้องเตรียมตัวสอบฮุ้ยซื่อแล้ว หาได้มีเวลาใส่ใจน้องสาวผู้นี้มากนัก ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่เขาก็อยากอบรมน้องสาวผู้นี้แทนบิดามารดาเสียหน่อย เผื่อว่านางจะกลายเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งขึ้น หรืออย่างน้อยๆ ก็รักสวยรักงามขึ้นบ้างก็ยังดี
“หลีเอ๋อร์ ภายในหอตำราแห่งนี้มีหนังสือชื่อว่านกยูงสะบัดขนอยู่ตรงชั้นหนังสือฝั่งซ้าย เจ้าช่วยไปหามาให้พี่ที”
หลานหลีเกอเงยหน้ากลมๆ ที่คล้ายกับว่ากำลังจะหลับเดี๋ยวนี้เสียให้ได้ขึ้นมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะมองเลยไปตามทางที่มือของเขาชี้อยู่ จากนั้นนางก็พาร่างป้อมๆ ของตนเองเดินไปตามทางนั้นด้วยความเชื่องช้า...
หลานจิ้นหลี่มองตามน้องสาวแล้วถอนหายใจ หวังว่าหลานหลีเกอจะไม่ไปแอบหลับที่ไหนสักที่ภายในหอตำราแห่งนี้...
หลานหลีเกอเดินมาหยุดอยู่ตรงชั้นหนังสือชั้นท้ายสุด ก่อนที่ร่างเล็กๆ ของนางจะก้มลงไปหยิบหนังสือที่ชั้นล่างสุดขึ้นมา มือป้อมปัดฝุ่นออกจากหนังสือเล่มนั้นเล็กน้อย ก่อนจะจับพลิกไปพลิกมาแล้วไล่เปิดหนังสือไปทีละหน้าอย่างผ่านๆ ราวกับกำลังสำรวจว่าตำราเล่มนี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีหน้าใดตกหล่นขาดหายไป
นกยูงสะบัดขนรึ?
เหตุใดไม่ต่อว่านางตรงๆ ต่อหน้า ว่าเป็นสตรีเกียจคร้านเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเล่า!