บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 หลานหลีเกอ 2

หลานเหวินคิดอย่างปวดใจ ก็ใครใช้ให้เขาเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่ได้ความมากถึงเพียงนี้กันเล่า

ร่างเล็กกลมป้อมของหลานหลีเกอเดินเข้าไปในครัวด้วยความหิว ความจริงแล้วเหลือเวลาอีกราวสามเค่อเท่านั้นก็จะได้เวลากินมื้อเย็น ทว่าจะให้นางทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อท้องน้อยๆ ของนางร้องครวญครางหาอาหารอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้

“คุณหนูรองหาสิ่งใดอยู่เจ้าคะ?”

หลานหลีเกอยกมือเกาหลังใบหู เมื่อถูกหนึ่งในหกของสาวใช้ประจำจวนตระกูลหลานเอ่ยถาม

แน่นอนว่าในเมื่อนางเข้ามาในครัว จุดมุ่งหมายคือต้องมาหาอะไรกินอยู่แล้ว หากนางไม่มาหาอาหารแล้วจะมาหาอะไรในครัวได้อีก?

“มาหาของว่างไปให้ท่านพ่อ” เด็กน้อยตอบออกไปด้วยความมั่นใจ ดวงตากลมสุกใสมองสาวใช้ด้วยความหวัง

“แต่นายท่านไม่เคยรับของว่างเวลานี้...” สาวใช้ตั้งข้อสังเกต

“หิวนอกเหนือจากเวลาปกติก็ไม่ได้หรือ?” หลานหลีเกอเอ่ยถามสาวใช้คนดังกล่าว

“ดะ...ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายกุลีกุจอไปเตรียมของว่าง หลานหลีเกอก็ลอบยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

สาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยต้องอ้างชื่อของผู้เป็นบิดานั้นก็เพราะว่า ในยามนี้นางถูกผู้เป็นมารดาสั่งจำกัดการกินอาหารในแต่ละมื้ออย่างไรเล่า!

คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก นางอายุเพียงห้าหนาวเท่านั้น ทว่ามารดากลับสั่งลดปริมาณอาหาร ทั้งยังงดของหวานอีก ด้วยเหตุผลที่ว่ายามนี้นางมีน้ำหนักถึงยี่สิบกงจินแล้ว

นางก็แค่หนักเกินกว่าเด็กคนอื่นไปไม่กี่จินเท่านั้นเอง...

“ของว่างได้แล้วเจ้าค่ะคุณหนูรอง จะให้บ่าวนำไปให้นายท่านที่ใดเจ้าคะ?” สาวใช้คนเดิมเอ่ยถาม

“ไม่ต้อง ข้าเอาไปเอง เจ้าไปเตรียมมื้อเย็นเถิด”

เด็กน้อยว่าพร้อมยื่นมือไปขอจานขนมมาจากสาวใช้ จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องครัวไปในทันที

“นั่นใครเอาขนมให้คุณหนูรอง? มิรู้หรือว่ายามนี้ฮูหยินสั่งงดของหวานคุณหนูอยู่”

พ่อบ้านหานเอ่ยถามคนในครัว ในจังหวะที่เขาเดินมาทันเห็นแผ่นหลังเล็กๆ ของคุณหนูรองหลานหลีเกอเดินถือจานขนมจากไปพอดี

“บ่าวเองเจ้าค่ะ” สาวใช้นามว่าเสี่ยวถงเอ่ยตอบ “แต่คุณหนูบอกว่าจะเอาไปให้นายท่านนี่เจ้าคะ บ่าวเลยไม่กล้าขัด”

พ่อบ้านหานได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ บ่าวจวนนี้มีใครทันเล่ห์เหลี่ยมของเด็กน้อยวัยห้าหนาวอย่างเช่นคุณหนูรองบ้าง?

ไม่มี...

“ช่างเถอะๆ ให้แล้วก็แล้วไป แต่ถ้าเดือนนี้คุณหนูรองน้ำหนักไม่ลด ก็คงเป็นเบี้ยหวัดของเจ้าที่จะถูกลดแทน”

เสี่ยวถงได้ยินอย่างนั้นแล้วก็แทบหลั่งน้ำตา

คุณหนูรองเจ้าขา...เอาขนมกลับคืนมาเถอะเจ้าค่ะ!

เมื่อได้จานขนมมาอยู่ในความครอบครอง หลานหลีเกอก็ตรงดิ่งมายังศาลาในสวนท้ายจวนในทันที

มือเล็กป้อมหยิบขนมเข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวตุ่ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย เด็กน้อยรู้ดีว่าที่มารดาสั่งงดของหวานตนนั้น เป็นเพราะร่างกายที่อ้วนพีและเจ้าเนื้อของนาง เหตุเพราะบุตรสาวบ้านอื่นไม่มีใครตัวใหญ่เท่านางเลยสักคน

เด็กคนอื่นทั้งเนื้อทั้งตัวคงได้เพียงแค่ครึ่งเดียวของนางกระมัง?

แม่นมเถาบอกว่า ‘อันรูปร่างสตรีที่ดีนั้นไม่ควรอ้วนพี เพราะมันจะแลดูไม่งาม แล้วในภายภาคหน้าจะไม่มีผู้ใดตบแต่งเข้าจวน’

เด็กน้อยนึกถึงคำสอนของแม่นมเถาแล้วก็เบ้ปากใส่ชิ้นขนมในมือ เรื่องออกเรือนนั้นยังเหลือเวลาอีกยาวไกล แล้วเหตุใดนางจึงต้องเป็นกังวลกับอนาคตอันไกลด้วยเล่า?

เด็กน้อยวางขนมในมือลง นางไม่น่าคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมายเลยจริงๆ

“เฮ้อ! เมื่อไหร่จะโตสักที” หลานหลีเกอเอ่ยขึ้นลอยๆ

ความจริงแล้วเด็กหญิงตัวน้อยรู้ความทุกอย่าง นางรู้ว่าบิดาอยากให้นางเก่งศาสตร์ศิลป์ในทุกด้าน ส่วนมารดาก็อยากให้นางเติบโตเป็นสตรีที่เพียบพร้อมดีงาม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้แต่งงานดีๆ

เมื่อตอนอายุสี่หนาว มีครั้งหนึ่งที่หลานหลีเกอป่วยหนัก นอนจับไข้อยู่บนเตียงราวครึ่งเดือน บิดามารดาร้อนใจจนอยู่ไม่สุข ด้วยเพราะหมอกี่คนๆ ก็มิอาจทำให้อาการป่วยของนางทุเลาลงจนหายดีได้

กระทั่งมีนักพรตพเนจรคนหนึ่งเดินทางผ่านมา เขามอบยาตำรับหนึ่งให้พ่อบ้านหาน พร้อมกับบอกให้ต้มยานั้นให้นางกินแล้วอาการที่เป็นอยู่จะดีขึ้น

ในตอนนั้นพ่อบ้านหานไม่กล้าเสี่ยง ด้วยเพราะไม่รู้ว่ายาที่นักพรตคนนั้นให้เป็นยาอะไร เขาจึงได้ให้ท่านหมอคนหนึ่งมาตรวจดูเทียบยานั้น แล้วก็พบว่าเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายขนานหนึ่ง

เมื่อรู้ว่าเป็นยาบำรุงร่างกายก็ไม่มีผู้ใดสนใจยาห่อนั้น ด้วยในตอนนั้นทุกคนคิดว่าหลานหลีเกอที่เป็นไข้สูง ควรจะได้รับยาลดไข้อะไรทำนองนั้นเสียมากกว่ายาบำรุง

ทว่าผ่านไปหลายวันอาการป่วยของนางก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายหลานเหวินผู้เป็นบิดาจึงตัดสินใจลองเสี่ยงดู ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นยาบำรุง หากดื่มเข้าไปก็คงไม่มีผลร้ายแรงอะไร

แล้วผลก็เป็นอย่างที่หลานเหวินคาดคิด หลังจากดื่มยาบำรุงห่อนั้นไปได้สองวัน อาการจับไข้ของหลานหลีเกอก็ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด

สุดท้ายทุกคนในจวนตระกูลหลานก็เชื่อว่า แท้ที่จริงแล้วนักพรตพเนจรผู้นั้นเป็นหมอเทวดา จึงได้แต่กล่าวขอบคุณไปตามสายลมแสงแดด เนื่องด้วยนักพรตผู้นั้นไม่ได้รั้งอยู่ที่เมืองอันหลางแล้ว แม้จะส่งคนออกตามหาอยู่หลายวันก็ไม่พบแม้แต่เงา

แม้หลานหลีเกอจะรอดพ้นจากความตายเพราะป่วยหนักมาได้อย่างหวุดหวิด ทว่าสิ่งที่ผิดแปลกไปในตัวของเด็กหญิงตัวน้อยกลับเป็นนิสัยใจคอ ที่ดูเหมือนจะแก่แดดเกินกว่าวัยไปมาก

และแม้จะมีอายุเพียงสี่หนาว ทว่ากิริยามารยาท หรือแม้แต่คำพูดในบางครั้งของนางกลับคล้ายเด็กโตคนหนึ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel