ตอนที่ 4
บริษัท ทีเอ็กซ์สตรีม จำกัด เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการวางระบบคอมพิวเตอร์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ แม้จะก่อตั้งมาเพียง 5 ปี แต่บริษัทนี้ก็สามารถสร้างกำไรได้ถึง 100 ล้านบาทต่อปี
โดยเฉพาะแผนก Development ซึ่งเป็นแผนกที่ทำรายได้หลักจากการขายโปรแกรมให้กับบริษัทเอกชน แถมยังต้องมีพนักงานคอยดูแลและสนับสนุนลูกค้าหลังการขาย ซึ่งทำให้แผนกนี้ถือเป็น ‘หน้าตา’ ของบริษัท และพนักงานที่ทำงานในแผนกนี้ก็ได้รับทั้งอภิสิทธิ์และเงินเดือนสูงตามงานที่โปรแกรมเมอร์แต่ละคนทำได้
“เฮ้ย ไอ้เบียร์!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังซ่อมโน้ตบุ๊กอยู่ เขาหยุดมือทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเอง
“มีอะไร ไอ้เน?” เบียร์หันไปถามเพื่อนด้วยท่าทางที่ยังง่วนอยู่กับงาน
“วันนี้มึงไม่มีงานออกเทรนนอกบริษัทเหรอวะ?”
เน เพื่อนสนิทของเขาถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างสบายใจ พร้อมวางถุงน้ำอัดลมกระป๋องลงบนโต๊ะของเบียร์โดยไม่รอคำเชิญ
“ไม่มี วันนี้ว่าง แต่พรุ่งนี้กูต้องออกไปข้างนอก” เบียร์ตอบพร้อมกับลงมือซ่อมโน้ตบุ๊กต่อ
“ไปไหนล่ะ?” เนยื่นกระป๋องน้ำอัดลมส่งให้เบียร์
เบียร์รับไปและเปิดฝาดื่มพลางตอบ “บริษัทบัตรเครดิตอะไรซักอย่าง แถวสุขุมวิท”
เนทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “เฮ้ย บริษัทบัตรเครดิตเหรอ? จะใช่ที่เดียวกับที่พี่กูทำงานอยู่หรือเปล่าวะ?”
“กูจะไปรู้ได้ไงล่ะว่าพี่มึงทำงานที่ไหน” เบียร์ตอบขำๆ พลางยกกระป๋องน้ำวางไว้ข้างๆ โน้ตบุ๊กที่ยังถอดแบตเตอรี่ออก
“พี่กูทำงานบริษัทบัตรเครดิตแถวสุขุมวิทนี่แหละ ดูนี่ดิ นี่รูปพี่กู” เนว่าพร้อมกับควักรูปครอบครัวออกมาให้เบียร์ดู
“คนไหนวะ?” เบียร์ยื่นมือไปรับรูปก่อนจะมองดู ใบหน้าของผู้หญิงในรูปที่ยิ้มให้กล้องอย่างอ่อนโยนสะดุดตาเขาเล็กน้อย
“คนซ้ายสุดน่ะ” เนตอบ พร้อมกับหยิบชิ้นส่วนชิพเล็กๆ บนโต๊ะของเบียร์มาหมุนเล่นอย่างไม่ใส่ใจ
เบียร์มองใบหน้าของผู้หญิงในรูปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มขำแล้วส่งรูปคืนให้เน
“อะไรวะ แค่รูป มันจะสึกอะไรมากมาย พี่มึงก็ดูธรรมดาๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปนั่นแหละ”
เนรีบคว้ารูปกลับไปด้วยท่าทางหวงแหน
“อย่าพูดงั้น พอมึงได้เจอตัวจริงก่อนเหอะ แล้วมึงจะรู้ว่าพี่กูเป็นยังไง”
เบียร์ส่ายหน้าน้อยๆ ขำๆ เพราะเขารู้ดีว่าเนเป็นพวกหวงพี่สาวหนักมาก ทั้งออฟฟิศก็รู้กันดี วันหนึ่งหัวหน้าของพวกเขาบังเอิญไปเจอเนกับพี่สาวขณะทานอาหารที่ร้านแถวศรีนครินทร์ หลังจากนั้นหัวหน้าก็เพียรถามถึงพี่สาวของเนอยู่บ่อยๆ แถมยังสมัครบัตรเครดิตกับเธอด้วย ทั้งที่หัวหน้าปกติต่อต้านการทำบัตรเครดิตมาตลอด พฤติกรรมนี้ทำให้ทุกคนในทีมงงกันไปตามๆ กัน
“เออ จริงสิ วันนี้มึงว่างหรือเปล่า?” เนถามขึ้น
“ว่าง แล้วทำไม?” เบียร์หันมาตอบ ขณะที่หยิบแฟรชไดร์ฟออกมาจากตู้เก็บของ
“วันนี้เลี้ยงวันเกิดพี่ตูนไง จัดหนักกันเลย มีเบียร์มีเหล้าครบ!” เนพูดอย่างอารมณ์ดี พลางผิวปากอย่างสนุกสนาน
“เออจริง ลืมไปเลย” เบียร์พยักหน้ารับ
“งั้นเย็นนี้เจอกันนะเว้ย กูไปทำงานก่อน” เนตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้เบียร์นั่งขำในความร่าเริงไม่รู้จบของเพื่อนสนิท
เบียร์มองตามหลังเนที่เดินออกไป ก่อนจะถอนหายใจยาวและส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์พร้อมเสียบแฟลชไดรฟ์เพื่อแก้ไขโปรแกรมที่ค้างไว้ไปด้วย ทันทีที่เขาเปิดโปรแกรมเล่นเพลงในเครื่อง เสียงเพลงก็สุ่มขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เบียร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเนื้อเพลงที่ดังขึ้น เพราะมันตรงกับความรู้สึกของเขาอย่างประหลาด
“แอบยิ้มเมื่อเธอดีใจ แอบทุกข์เมื่อเธอเสียใจ... ไม่หวังให้เธอมีใจ ไม่หวังยืนใกล้ๆ แค่ได้เฝ้ามองก็พอ...”
เนื้อเพลงกระแทกใจเขาเต็มๆ ภาพของ มะปราง สาวน้อยวัยสดใสที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันปรากฏขึ้นในหัวชัดเจน พวกเขาอยู่ใกล้กันแค่ไม่กี่บ้าน แต่เบียร์กลับไม่อยากให้มะปรางรู้ว่าเขาคิดยังไง
เขาไม่ใช่คนขี้อาย แต่เขารู้ดีว่าถ้าปล่อยให้มะปรางรู้ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ เรื่องราวอาจไม่เป็นไปอย่างที่หวัง เขากลัวจะทำลายความสัมพันธ์ที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้ เบียร์จึงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ ดูแลเธออย่างเงียบๆ แม้จะไม่ได้รับความสนใจจากเธอก็ตาม
บางครั้งตอนเลิกงาน เขาเจอเธอเดินผ่านไปบ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบ ไม่มีคำพูดใดๆ ที่ออกจากปากของเขา แม้ว่าในใจจะมีแต่ความรู้สึกอยากเข้าใกล้เธอมากขึ้น แต่เขาก็ต้องห้ามตัวเองไม่ให้แสดงออก
เขาเลือกที่จะไม่ทักทาย เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกนี้หลุดออกมา...
6 ปีแล้วที่เขาเฝ้ามองมะปรางเติบโตจากสาวน้อยกลายเป็นหญิงสาวที่น่ารักในสายตาของเขา และเขาก็พอใจกับการได้อยู่เคียงข้างเธอในฐานะพี่ชายที่ดี...
เบียร์ถอนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงความรู้สึกที่เขาแอบชอบมะปรางมานานหลายปี เขารู้จักกับพี่ชายของเธอดี ทั้งสองคนสนิทกันมาก พี่ชายของเธอมักชวนเขาไปซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ด้วยกัน ซึ่งเป็นข้ออ้างให้เบียร์ได้แวะไปที่บ้านของเธอ เขามักจะแอบมองหาเธอทุกครั้งที่ไป แต่บางครั้งก็พบกับความผิดหวังเมื่อเธอไม่อยู่บ้าน
แต่ในวันที่เธออยู่ และเดินออกมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่กี่ประโยคที่เธอพูดก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง แม้ภายนอกเขาจะยังคงทำตัวขี้เล่น พูดจาแบบสบายๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจกลับตื่นเต้นแทบจะระเบิดทุกครั้ง
แม้เบียร์จะเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน แต่เขารู้ดีว่าไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกจริงจังได้เท่ากับ มะปราง สาวข้างบ้านที่เขาแอบมองมาตั้งแต่เธอยังเด็ก ปัจจุบันมะปรางกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง และเบียร์ก็เฝ้ามองดูการเติบโตของเธออยู่ห่างๆ ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
เบียร์รู้สึกว่ามะปรางเป็นคนเดียวที่เขารักอย่างจริงใจ เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอหรือคบหา ถึงแม้เขาจะมีเสน่ห์และมีสาวๆ ห้อมล้อมอยู่มากมาย แต่สำหรับมะปราง เขากลับรู้สึกว่าต้องคอยยับยั้งตัวเอง ไม่ให้ทำอะไรเกินเลย
เพราะรู้ดีว่าเธอยังเด็กเกินไป เขาไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาเลือกที่จะปิดบังความรู้สึกของตัวเองไว้ และใช้ความขี้เล่นกลบเกลื่อนทุกครั้งที่เจอเธอ ถึงแม้ในใจเขาจะตื่นเต้นจนแทบจะระเบิดออกมาก็ตาม