บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ต้นเหตุของเรื่อง 1.2

จันยาวีร์เห็นรูปร่างเปลือยท่อนบนของเขาแทบจะเป็นลมอยู่ตรงนั้น ท่อนแขนของเขาปรากฏกล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดๆ แผงอกก็เช่นกันอุดมไปด้วยหมัดกล้าม บึกบึน กำยำน่าใช้ฝ่ามือลูบไล้ ไรขนเส้นเล็กไม่ได้ขึ้นกระจายเต็มหน้าอกแต่ขึ้นบางๆ ตรงบริเวณกลางอกเรื่อยเป็นเส้นตรงมาถึงร่องลึกกลางหน้าท้องที่ขึ้นเป็นลอนถึงสี่ลอน แล้วเรื่อยต่ำลงไปยังขอบกางเกงขาสั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไรขนนั้นจะไปรวมตัวกันอยู่ตรงส่วนไหน เขาช่างเป็นบุรุษที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่มากๆ เธอจ้องมองเขาอย่างลืมตัว โดยเฉพาะสร้อยทองเส้นใหญ่ที่ห้อยพระเบญจภาคี เธอมองพระเครื่องชุดนั้นตาไม่กะพริบ

“เอ้า...น้ำลายหกแล้ว มองฉันอิ่มหรือยัง ถ้ามองอิ่มแล้วก็เริ่มนวดได้แล้ว” จันยาวีร์สะดุ้งกับคำพูดของเจ้าของเรือนร่างที่เธอมองชนิดที่เรียกว่าตาค้าง ก่อนจะก้มหน้าหนีสายตายิ้มขันของเขา

รัฐภูมิยิ้มอย่างภูมิใจกับการตะลึงเพริดของหมอนวดสาวยามที่ได้เห็นร่างกายหนุ่มที่อัดแน่นไปด้วยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เธอไม่ใช่คนแรกที่ตกอยู่ในอาการเช่นนี้ ผู้หญิงทุกคนที่เห็นต่างมีอาการลักษณะนี้กันทั้งนั้น แล้วยิ่งได้เห็นเขาเปลือยต่อหน้า ต่างก็ร้องกรี๊ดกันเป็นทิวแถว...เพราะมันใหญ่มาก

“คุณถอดสร้อยคอออกก่อนดีกว่านะคะ เวลานวดจะได้นวดสะดวก”

จันยาวีร์เริ่มทำตามแผนที่คิดเอาไว้ เนื่องจากแผนที่จะให้เขาดื่มน้ำผสมยานอนหลับถูกพับเก็บเข้ากรุไปเรียบร้อยแล้ว คงจะมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาหลับได้คือ ป้ายยาตรงปากของเหยื่อ

“นวดทั้งๆ ที่ใส่สร้อยคอไม่ได้หรือไง?” เขาถามขณะที่ทรุดกายนั่งลงบนโซฟา

“ได้มันก็ได้อยู่ค่ะ แต่มันไม่สะดวกเท่านั้นเองค่ะ เพราะฉันต้องใช้น้ำมันนวด ฉันก็เลยกลัวว่าสร้อยคอของคุณจะเสียหาย” เธอบอกเหตุผลที่พอจะนึกออก

“นี่แม่คุณ สร้อยที่ฉันใส่น่ะสร้อยทองแท้นะ ไม่ลอก ไม่ดำ ไม่ถลอกเธอไม่ต้องกลัวว่าสร้อยคอทองคำของฉันมันจะเสียหายหรอก” รัฐภูมิสวนกลับจนอีกฝ่ายหน้าซีดไปในทันที

“ตามใจคุณค่ะ ไม่ถอดก็ไม่ถอด คุณนอนคว่ำหน้าบนโซฟาได้เลยค่ะ ฉันจะได้เริ่มนวดให้”

ในเมื่อเขาไม่ยอมถอดก็ไม่เป็นไร รอให้เขาสลบแล้วเธอเป็นคนถอดสร้อยคอของเขาเองก็ได้ จันยาวีร์วาดหวังไว้ในใจว่ามันจะเป็นไปอย่างที่คิดไว้

การนวดในวันนี้ต่างกับวันก่อนๆ เหลือเกิน ความเมื่อยล้าถูกปัดเป่าออกไปจากร่างกาย กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย มือนุ่มๆ ของจันยาวีร์บีบนวด คลึงด้วยหัวแม่โป้ง บางครั้งใช้อุ้งมือกดไปตามกลางแผ่นหลัง ต่ำลงไปยังเอวแล้วใช้ฝ่ามือกดเน้น แขนและขาของเขาถูกดัด พับงอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ยิ่งได้กลิ่นน้ำมันที่เธอใช้นวดตัวยิ่งทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายเนื้อสบายตัว

มีอีกหนึ่งข้อที่การนวดในวันนี้แตกต่างกับวันอื่นๆ นั่นก็คือ ร่างกายของเขาตื่นตัวทุกสัดส่วน เลือดลมในกายฉีดพล่าน ความปรารถนาแล่นริ้วตามฝ่ามือนุ่มๆ ที่นวดไปตามร่างกายของเขา เขาเกิดความกระชุ่มกระช่วย ความเป็นบุรุษเพศเริ่มอวดศักดาแม้ว่าเขาจะนอนคว่ำหน้าอยู่ รับรู้ถึงความพองขยายใหญ่ กลิ่นน้ำมันหอมระเหยสร้างความสดใสให้แก่อารมณ์และความรู้สึกของเขาได้ดีเกินคาดจริงๆ ไพล่นึกไปว่าผู้ชายคนอื่นที่ถูกเธอนวด จะมีอาการแบบเขาหรือไม่

“คุณลุกขึ้นนั่งหน่อยค่ะ ฉันจะนวดศีรษะให้”

คนที่กำลังเคลิ้มกับสัมผัสเสน่หาที่ลามเลียสู่ร่างกายทำสีหน้าฉงนทันที นวดศีรษะอย่างนั้นหรือ นวดยังไง รู้สึกว่าหมอนวดสาวคนนี้จะมีวิธีการนวดที่เขาไม่เคยรู้จักมาแนะนำให้นึกอยากลองอีกแล้ว รัฐภูมิจึงลุกขึ้นนั่งตามที่เธอบอก

“การนวดศีรษะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้คนที่ถูกนวดรู้สึกคลายความเครียด สมองปลอดโปร่ง การนวดศีรษะยังเป็นการรักษาโรคปวดหัวได้อีกทางหนึ่งด้วยนะคะ”

หมอนวดสาวพูดขณะที่เริ่มลงมือนวดศีรษะของเขา โดยใช้ฝ่ามือ นิ้วและอุ้งมือในการนวดคลึงไปทั่วศีรษะทุย หัวแม่โป้งกดคลึงขมับ ไล่ไปไรผมตรงใบหู หลังใบหูและต่ำลงถึงท้ายทอย จากนั้นก็ค่อยๆ คลึงไปทั่วศีรษะเป็นรูปวงกลม รัฐภูมิรับรู้ถึงความเบาสบาย ผ่อนคลายสมอง ความตึงเครียดจางหาย รู้สึกเคลิ้มอยากจะนอนท่าเดียว

จันยาวีร์เหลือบตามองใบหน้าคมเข้มที่กำลังเคลิ้มเต็มที่ เธอจึงใช้จังหวะนี้เอื้อมมือหยิบซองยาจากตะกร้าที่วางไว้ใกล้ๆ ตัว แล้วเปิดซองออกด้วยมือเพียงมือเดียว เพราะอีกมือกำลังคลึงอยู่บนศีรษะของรัฐภูมิ เธอใช้ปลายนิ้วมือที่มีความชื้นจากน้ำมันป้ายยาที่อยู่ในซอง จากนั้นรอจังหวะที่เขาเผยอปากออกเล็กน้อยจากอาการเคลิ้มป้ายยาตรงปากของเขาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย!!...เธอทำอะไรน่ะ เธอเอาอะไรมาป้ายปากฉัน”

สองร่างดีดตัวออกห่างกันทันที จันยาวีร์เมื่อป้ายยาเสร็จเธอก็กระโดดถอยหลังหนีด้วยความตกใจผสมกับความกลัว รัฐภูมิลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสกับปากและลิ้นของเขา ตวาดถามสาวหน้าหวานที่ตอนนี้หน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด

“เธอ...เธอเอายาอะไรใส่ปากฉัน?”

รัฐภูมิสะบัดหน้าหลายครั้ง ขับไล่ความมึนงงที่เข้ามาเยือนในความรู้สึก เขาเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเท้ายังก้าวไม่ออก เปลือกตาหนักอึ้งทั้งๆ ที่ไม่ได้ง่วงนอน ยกลำแขนชี้หน้าเธอแทบไม่ขึ้น ร่างของหมอนวดสาวแบ่งออกเป็นหลายคนยืนซ้อนทับกัน เขาก้าวออกไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

“คุณ คุณ คุณ” จันยาวีร์เดินเข้าใกล้ร่างของคนที่หมดสติอยู่บนพื้นพรม เขย่าตัวของเจ้าของห้องเบาๆ หลายครั้ง ตรวจสอบเพื่อความแน่ใจว่า เขาหลับสนิทจริงๆ พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อาจลุกขึ้นมาขัดขืนอะไรได้ เธอจึงจับร่างของเขาพลิกตัวให้นอนหงาย ค่อยๆ ดึงสร้อยคอที่เขาสวมใส่ออกทางศีรษะ แล้วเดินถอยร่นมานั่งตรงโซฟา หยิบกล้องส่องพระที่อยู่ในตะกร้า จัดการตรวจสอบว่าพระเครื่องเบญจภาคีที่เขาสวมใส่อยู่นั้นเป็นของจริงหรือไม่ ห้านาทีผ่านไปการตรวจสอบพระเครื่องชุดนั้นจึงเสร็จสิ้น

“ของเก๊นี่” เธอพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้กล้องส่องพระตรวจสอบใหม่อีกรอบเพื่อความแน่ใจ ทว่าก็ยังได้คำตอบเดิมคือพระเครื่องชุดนี้เป็นของปลอม จันยาวีร์จึงโทรศัพท์ไปหาประภาพรรณเพื่อบอกอีกฝ่ายว่า พระเครื่องที่อยู่กับรัฐภูมิเป็นของปลอม

“แกดูดีๆ แล้วแน่นะนังแป้งว่าเป็นของปลอม?”

“แน่สิพี่มิว แป้งส่องพระดูสองรอบแล้วนะพี่”

“ฉันว่าไม่น่าจะปลอมนะ ฉันสืบมาแล้วว่าคุณรัฐภูมิเค้ามีพระเครื่องชุดนี้จริงๆ เค้าเป็นเซียนพระด้วยนะแต่ไม่บอกให้ใครรู้เท่านั้น เอาอย่างนี้แกลองไปรื้อค้นในห้องเค้า เผื่อว่าคุณรัฐภูมิจะสวมพระเครื่องปลอม แล้วเก็บของจริงไว้ที่ไหนสักแห่ง แกลองรื้อๆ ค้นๆ ในห้องของเค้าก็แล้วกัน ถ้าไม่เจอพระเครื่องชุดนี้ ก็หยิบฉวยพระเครื่ององค์อื่นๆ มาด้วยก็ได้ แต่ต้องของแท้นะจะได้ไม่เสียเที่ยว”

“แล้วเค้าจะไม่ตื่นมาก่อนเหรอพี่มิว”

“ไม่หรอก ยานี้มีฤทธิ์ตั้งสามชั่วโมง แกไปทำงานที่ฉันสั่งได้แล้ว ได้เรื่องยังไงโทรมาบอกฉันด้วยก็แล้วกัน”

ประภาพรรณตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบ จันยาวีร์ทำตามคำสั่งอย่างเร่งรีบ ห้องแรกที่เธอเดินเข้าไปหาพระเครื่องก็คือ ห้องที่เขาเข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า มันคือห้องนอนของเขานั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel