บทที่ 2 ต้นเหตุของเรื่อง 1.1
“แป้งจะพยายามค่ะ” จันยาวีร์รู้สึกเบาใจที่ได้ยินว่า คำพูดประโยคก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการประชดประชัน ไม่ได้ให้เธอทำจริงๆ
“รีบขึ้นไปได้แล้ว ห้อง 4701 โอกาสมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ อย่าให้พลาด ถ้าพลาดขึ้นมาซวยทั้งตระกูลแน่ อ้อ...ลืมบอกแกไปเรื่องนึง ถ้ามันถามว่าป้านกหมอนวดเจ้าประจำทำไมไม่มา แกก็บอกว่าป้านกไม่สบายมาไม่ได้ แล้วไม่ต้องถามล่ะว่าป้านกคือใคร ขี้เกียจตอบแล้ว ฉันไปก่อนนะต้องไปทำงานอื่นต่อเสร็จงานแล้วรีบกลับบ้านล่ะ”
“ค่ะ แป้งจะพยายามค่ะพี่มิว”
จันยาวีร์รับคำเสียงไม่ดังมาก ก่อนจะเลยหน้ามองตึกสูง 47 ชั้น แล้วปรับสายตาในระดับปกติไปมองประตูทางเข้าคอนโด จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปในคอนโดสุดหรูด้วยลำขาที่ค่อนข้างสั่น หัวใจเต้นแรงถี่เมื่อก้าวผ่านประตูกระจกบานใสเข้าไปในล็อบบี้ภายในคอนโด
ภายในห้องชุดหมายเลข 4701 บุรุษเรือนกายสูงใหญ่เจ้าของใบหน้าหล่อเข้ม ทุกรายละเอียดของใบหน้าไม่ว่าจะเป็นคิ้วดกเข้ม ดวงตายาว นัยน์ตาสีดำขลับแลดูมีเสน่ห์และน่าค้นหา ริมฝีปากหนาหยักได้รูปสวย ผิวสีของเขาเป็นสีแทนไม่หยาบกร้าน กำลังนอนเอกเขนกฟังเพลงที่เปิดคลอเบาๆ อยู่บนโซฟาตัวยาวที่ปรับนอนได้
รัฐภูมิ หรือชื่อเดิมกฤตฐิพงศ์ อัครธนากุลกำลังฟังเพลงอย่างสบายใจและกำลังรอหมอนวดที่จ้างวานมานวดให้คลายความเมื่อยล้า การนวดนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกครั้งที่เขาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ พอกลับมาถึงห้องชุดสุดหรูรัฐภูมิจะต้องให้ลูกน้องโทรศัพท์ไปหาหมอนวดเจ้าประจำ เพื่อให้หมอนวดคนนั้นมาทำการนวดร่างกายของเขาให้อาการเมื่อยล้าและอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
เสียงเคาะประตูห้องสามครั้งดังขึ้นหน้าห้องชุด ทำให้คนที่กำลังนอนฟังเพลงอยู่เอื้อมมือไปกดปุ่มอินเตอร์คอมแบบไร้สายที่วางอยู่ตรงโต๊ะไม้สูงประมาณหัวเข่า สอบถามคนที่มาเคาะประตูว่าเป็นใคร
“ใครน่ะ?” เสียงที่ดังออกมาจากเครื่องอินเตอร์คอมที่ติดอยู่หน้าห้องชุดข้างๆ ประตู ทำให้จันยาวีร์สะดุ้งเล็กน้อย น้ำเสียงของคนที่พูดนั้นฟังดูห้วนไม่เสนาะหูเลย แค่น้ำเสียงเธอยังกลัวมากขนาดนี้ ถ้าเห็นหน้าจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไร ใจยังนึกหวาดๆ นิ้วเรียวเล็กจึงกดไปที่ปุ่มสีฟ้า แล้วกรอกเสียงไปตามสาย
“หมอนวดค่ะ” รัฐภูมิย่นคิ้วเมื่อได้ยินเสียงของคนที่พูด เสียงนี้ไม่คุ้นหูเขาเลย หมอนวดที่เขาจ้างมานวดเป็นประจำเป็นคนมีอายุน้ำเสียงจะแก่กว่านี้ ไม่ใสและหวานเหมือนเจ้าของน้ำเสียงประโยคนี้เลย
“ไม่ใช่ป้านกนี่” คนที่อยู่ในห้องถามกลับมา
“ป้านกไม่สบายค่ะ มาไม่ได้เลยให้ฉันมาแทนค่ะ”
เจ้าของเสียงหวานใสตอบกลับไป คนที่อยู่ในห้องทำสีหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้หมอนวดคนใหม่เข้ามาในห้อง พร้อมกับเลื่อนนิ้วไปกดปุ่มให้ประตูเปิดโดยที่เขาไม่ต้องลุกไปเปิดประตูเอง
“เข้ามาได้” เสียงในเครื่องอินเตอร์คอมดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียง “คลิก” แล้วประตูก็เปิดออกพอแง้มๆ มือนุ่มจึงผลักประตูแล้วเดินเข้าไป กำลังจะหมุนตัวเพื่อปิดประตู บานประตูบานนั้นก็ปิดเองโดยอัตโนมัติเสียก่อน เธอรวบรวมความกล้า ก้าวขาเดินไปข้างหน้าด้วยอาการสั่นเทา
รัฐภูมิที่เปลี่ยนอิริยาบถมาจากนอนมาเป็นนั่งจ้องมองสตรีที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกที่เขานั่งอยู่นิ่ง ผู้หญิงตรงหน้าแม้จะไม่สวยเลิศเลอจนต้องเหลียวหลังมอง แต่เธอมีความน่ารักและมีเสน่ห์ในตัวเอง เพียงแค่ได้มองใบหน้าหวานๆ ของหมอนวดคนใหม่ หัวใจเขาเต้นกระเส่าเล็กน้อย ผู้หญิงตรงหน้านี้มีพลังบางอย่างให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีทันใด
อัตราการเต้นของหัวใจสาวระส่ำไม่แพ้กัน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองบุรุษรูปงามตาไม่กระพริบ ไม่เพียงแต่ความหล่อเท่านั้นที่ทำให้หัวใจดวงนี้เต้นแรง พลังบางอย่างที่อยู่ในตัวเขาส่องกระทบเข้ามาในร่างกายของเธอทันทีที่สบตากัน มันเป็นพลังงานของความโหดร้าย ป่าเถื่อนภายใต้รูปลักษณ์ราวกับเทพบุตรที่จันยาวีร์สัมผัสมันได้
กลัว...นี่คือความรู้สึกของจันยาวีร์ขณะนี้
ความกลัวที่ปรากฏในสมองส่งตรงถึงร่างกาย ลำตัวของเธอชาดิกไปชั่วครู่ นิ่งงันก้าวเดินไม่ออก ใจหนึ่งสั่งการให้หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้องนี้ ใจหนึ่งกลับค้านเพราะมันเป็นหน้าที่ของเธอ ไม่เช่นนั้นคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องเดือดร้อน
“จะยืนนิ่งเป็นหุ่นตรงนั้นอีกนานมั้ย ฉันจ้างเธอมานวดนะไม่ได้จ้างมาเป็นต้นไม้ถึงได้ไม่ยอมขยับเดินไปไหน”
เสียงต่อว่าดังเข้ามาในหูของคนที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นต้นไม้ยืนได้ เธอสะดุ้งกับทุ้มเสียงต่ำที่ค่อนข้างเข้ม ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้โซฟาที่เจ้าของเสียงนั่งอยู่ มือเล็กกำหูตะกร้าที่ใส่อุปกรณ์แน่น ข่มความกลัวสุดฤทธิ์
“ไม่ทราบว่าคุณจะนวดแบบไหนคะ?” จันยาวีร์ถามออกไป
“นวดยังไง หมายความว่าไง?” รัฐภูมิถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ ปกติป้านกจะนวดให้เขาธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรือว่าเธอมีบริการอื่นแถมมาด้วย
“อ๋อ...ฉันรู้แล้ว เธอหมายถึงนวดเสร็จแล้วนาบต่อใช่มั้ย ถ้าใช่ฉันก็โอเค กำลังอยากอยู่พอดี”
คำถามของเขาเมื่อครู่จันยาวีร์ยังไม่ทันได้ตอบ คนที่ถามเองก็ตอบเองขึ้นมาเสียก่อน และคำพูดประโยคนี้ทำให้ใบหน้าชวนมองแดงก่ำจากความเขินอาย คำพูดของเขานั้นมันเป็นการปรามาสอาชีพหมอนวดได้อย่างน่าเกลียดที่สุด
“ไม่ใช่ค่ะ คำถามของฉันไม่ได้หมายความอย่างที่คุณพูด ฉันเป็นหมอนวดเท่านั้นค่ะ ไม่มีบริการอื่นเสริม ที่ฉันถามออกไปอย่างนั้น เพราะต้องการรู้ว่าคุณนวดแบบไหน นวดแบบธรรมดา นวดโดยการใช้น้ำมันหอมระเหย หรือว่านวดแบบลูกประคบ ฉันจะได้นวดให้คุณถูกค่ะ”
หมอนวดสาวอธิบายให้คนขี้เมื่อยได้รับฟัง การนวดที่หญิงสาวเอ่ยออกมานั้น รัฐภูมิรู้จักแค่นวดแบบธรรมดา อีกสองอย่างเขาแทบไม่รู้จักเลย
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะไอ้นวดน้ำมันกับนวดแบบลูกประคบน่ะ”
จันยาวีร์เดินเข้ามาหยุดยืนตรงโต๊ะกระจกหน้าโซฟา วางตะกร้าลงบนพื้นเปิดมันออก หยิบขวดน้ำมันขวดเล็กห้าขวดออกมาวางตรงโต๊ะกระจก แล้วหยิบลูกประคบที่ทำมาจากผ้าขาวบางสีขาวที่มีสมุนไพรนานาชนิดอยู่ในนั้นก่อนจะมัดรวมกันเป็นลูกออกมาวางข้างๆ ขวดน้ำมัน ก่อนจะอธิบาย
“ขวดพวกนี้คือขวดน้ำมันกลิ่นต่างๆ ค่ะ ถ้าเทน้ำมันลงบนผิวกายคนที่ถูกนวด น้ำมันพวกนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกนวดเกิดอาการผ่อนคลาย เป็นการบำบัดที่ดีทางหนึ่ง เพราะกลิ่นและความละเอียดอ่อนของน้ำมันหอมระเหย ผสมผสานกับความชำนาญของคนที่นวด จะส่งผลให้ระบบน้ำเหลืองและกระแสเลือดในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้น เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีกำลัง การนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย จะช่วยกระตุ้นและปรับฮอร์โมนในร่างกายเข้าสู่สภาวะสมดุลได้ดีขึ้นค่ะ ส่วนการนวดแบบลูกประคบมีประสิทธิภาพในการบำบัดรักษา โดยเฉพาะการช่วยลดความเครียด กำจัดความอ่อนเพลีย สร้างความสดใสให้แก่อารมณ์และความรู้สึก ช่วยคลายกล้ามเนื้อ คลายเส้นเอ็น เส้นสายในผู้ป่วยให้ผ่อนคลายลง ไม่ตึงเครียดและอึดอัด ใช้ได้กับทุกสัดส่วนในร่างกายค่ะ ยกเว้นใบหน้าค่ะ”
รัฐภูมินั่งฟังจันยาวีร์ด้วยความเพลิดเพลินเนื่องจากน้ำเสียงของเธอนุ่มระรื่นหูเหลือเกิน คำพูดคำจาฉะฉาน รู้ซึ้งถึงการนวดอย่างชัดเจน มันเป็นความรู้อีกอย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า ศาสตร์ของการนวดมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านวดธรรมดา
“ถ้าอย่างนั้นเอานวดน้ำมันก็แล้วกัน ลองดูอยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอพูดหรือเปล่า?” เขาตัดสินใจลองนวดน้ำมัน ต้องการรู้ว่าการนวดแบบนี้จะตรงกับที่จันยาวีร์พูดหรือไม่
“ได้ค่ะ แล้วคุณจะเลือกน้ำมันกลิ่นไหนดีคะ?”
“มีอะไรบ้างล่ะ?”
“มีกลิ่นกุหลาบ กลิ่นส้ม กลิ่นสตอเบอรี่ กลิ่นอโลเวลา กลิ่นมะลิค่ะ”
“กลิ่นมะลิก็แล้วกัน ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ ถ้านวดดีครั้งต่อไปจะได้เรียกให้มานวดอีก” จันยาวีร์คิดในใจว่า มันคงไม่มีเป็นครั้งต่อไปแน่นอน ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย
“ชื่อแป้งค่ะ” แต่ถึงกระนั้นเธอก็ตอบคำถามของเขา
“เริ่มกันเลยดีกว่า เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเต็มแก่แล้ว นั่งเครื่องบินมาตั้งสิบเจ็ดกว่าชั่วโมง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องถอดเสื้อผ้าออกก่อนนะคะ สวมแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวพอคะ”
หมอนวดสาวเอ่ยบอก ความคิดของเธอตอนนี้กำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่า จะทำอย่างไรให้ชายร่างสูงคนนี้ดื่มน้ำที่ผสมยานอนหลับ มันไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยที่จะให้เขาดื่มน้ำก่อนนวดตัว เห็นทีต้องใช้วิธีสุดท้ายที่ญาติผู้พี่แนะนำ
“อืม ได้สิ” รัฐภูมิเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่จันยาวีร์บอก ก่อนจะเดินกลับออกมาที่ห้องรับแขกในอีกสิบนาทีต่อมา