บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 ต้นเหตุของเรื่อง 1.10

ฤทธิ์ยาที่วิ่งพล่านในร่างกายส่งผลถึงต่อมความปรารถนาให้ลุกโชน จนเขาทานทนเสน่หาเร่าร้อนที่สะสมอยู่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว รัฐภูมิคิดว่าต้องปลดปล่อยความอัดอั้นนี้ให้ออกไปจากร่างกายได้แล้ว เขาดึงนิ้วออกจากกลีบดอกไม้ช้ำ ดันเรียวขาที่พาดบ่าออก ยืดตัวขึ้นสูงแล้วจับขาข้างนั้นและอีกข้างของเธอที่หยัดยืนบนพื้นมาพันรอบเอวใหญ่ สอดแทรกเรือนกายใหญ่ล่วงล้ำลึกเข้าไปในร่างกายของจันยาวีร์ ครั้งเดียวสุดปลายทาง

“โอ๊ย!!!...เจ็บ...ฮือ”

จันยาวีร์ครางเจ็บทันทีที่ส่วนปลายดันขยายให้ช่องทางสวรรค์เปิดออก อาการบวมที่มีอยู่ ความแสบร้อนที่ยังไม่จางหาย ไม่แปลกเลยที่จะทำให้เธอเจ็บจนร้องไห้และยิ่งเขาออกแรงกระโจนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง มันยิ่งทำให้เธอแทบจะกรีดร้อง โหยหวนออกมาอย่างน่าสงสาร มีหรือที่คนใจยักษ์ใจมาร คนที่มีความแค้นและฤทธิ์ยาผสมผสานกันอยู่จะปรานี

“พอเถอะคะ...พอ...ขอร้องล่ะ...อา”

เธออุทธรณ์ด้วยน้ำตาที่ไหลเปื้อนหน้า ด้วยน้ำเสียงที่เครือสั่น แต่ไม่มีทีท่าว่ารัฐภูมิจะหยุดการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ถาโถมเข้าใส่อย่างเมามัน ปากหนาเผยอร้องครางทุกครั้งที่เสือกกายเข้าไปในกลีบดอกกุหลาบฟิตแน่นแสนเร้าอารมณ์ เร้าใจ

“โอว...พระเจ้า...เธอกำลังทำให้ฉันคลั่ง”

เขาพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว ขยับเอวซอยใส่เร็วรี่ ข้อมือเล็กที่ถูกมัดเริ่มมีอาการเจ็บมากขึ้น เป็นเพราะข้อมือสาวขยับไปตามแรงส่งที่มีมากของเขา จันยาวีร์จำต้องเปลี่ยนมาจับโลหะนั้นเอาไว้ ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด เพราะนั่นเท่ากับว่าความเจ็บปวดจะลดน้อยลง

รัฐภูมิปลดขาทั้งสองข้างของเธอออกจากเอวหนา ก่อนจะหมุนร่างเล็กให้ร่างกายส่วนหน้าเข้าหาฝาผนัง โดยที่ร่างกายแข็งแรงยังฝังลึกอยู่ในกายของเธอ จับปลีขาขาวยกขึ้นสูงหนึ่งข้าง สอดลำแขนแข็งแรงเข้าไปในข้อพับเข่าของจันยาวีร์ แล้วนำมือใหญ่ทาบวางกับฝาผนังห้องน้ำ ลำขาขาวจึงพาดอยู่บนลำแขนของเขาโดยปริยาย หลังจากที่จัดท่วงท่าสมใจชายแล้ว รัฐภูมิเริ่มขับเคลื่อนพลังงานทางเพศทันที เร่าร้อน ถึงอกถึงใจชาย

“อา...อา” ตอนนี้ความเจ็บในร่างกายและในความรู้สึกของจันยาวีร์ลดน้อยลง เธอรู้จักขยับร่างกายตามแรงกระโจนจ้วงของชายหนุ่ม บางครั้งบั้นท้ายงามสวยก็กระชั้นกายเข้าหาความเป็นชายที่ยังคงทำงานอย่างดีเยี่ยม เธอต้องการให้การเสพสมครั้งนี้มีความเจ็บปวดน้อยที่สุด

“โอว...อา...อีกนิด...อีกนิดเดียว”

ความปรารถนากำลังหล่อหลอมให้ร่างกายของเขามีความอดทนน้อยกว่าปกติ การปลดปล่อยที่มีพลังงานจากฤทธิ์ยาอัดแน่นรวมตัวกันอยู่ที่แก่นกายชาย ใกล้แล้ว...ใกล้ระเบิดเต็มทีแล้ว

จันยาวีร์ได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ เพราะคิดว่าหากเขาสุขสมทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น ทุกอย่างอาจจะจบลง แต่เธอคงไม่รู้ว่า ทุกอย่างจะจบสิ้นต่อเมื่อฤทธิ์ยาหมดเท่านั้น และไม่รู้ด้วยว่ามันจะหมดลงในเวลาเท่าไหร่ หากเขาไม่ดับอารมณ์นั้นเหมือนกับที่เขาทำกับเธอ...ให้สายน้ำเย็นเฉียบขับไล่ฤทธิ์ยา

“พระเจ้า...” เขาเร่งขยับเอวใหญ่เร็วรี่ ส่งตัวเองขึ้นสู่สวรรค์บนท้องนภาโดยมีร่างสาวเดินทางไปก่อนหน้า ฉับพลันนั้นเองร่างกายหนาเกร็งกระตุกในจังหวะที่ถอนตัวตนออกเกือบหมดแล้วกระแทกลงไปสุดแรง ระเบิดความอัดอั้นที่แสนทรมานสู่กายสาว แนบลำตัวชิดแผ่นหลังบาง ซบหน้าลงบนบ่าของสตรีที่ร่างกายสั่นสะท้าน

“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้ว”

เธอฎีกาเขาอีกครั้ง หลังจากที่อุทธรณ์ชายหนุ่มมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน หวังลึกๆ ในใจว่าเขาจะเมตตาปล่อยจำเลยคนนี้ เขายิ้มทั้งๆ ที่ยังซบหน้าอยู่บนบ่าสาว เปลี่ยนจากซบมาเป็นไล่จูบบ่าเนียนนุ่มที่ชื้นเหงื่อ กลิ่นกายสาวตอนที่ชุ่มเหงื่อ มันกระตุ้นอารมณ์ของเขาอย่างมากมาย ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยนึกปรารถนาจะดูดซับเหงื่อของใคร เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขาชิมความเค็มที่มาพร้อมกับความหอมนั้น เขาจูบเรื่อยมาจนถึงใบหูสาว

“ได้สิฉันจะปล่อยเธอไป” เขาพูดขณะที่เอื้อมมือไปแก้ปมเนกไทออก “แต่ปล่อยเธอไประเริงกามกับฉันต่อที่โซฟานะ ฉันมีอะไรแปลกใหม่ให้เธอเรียนรู้และหลาบจำอีกเยอะ”

ร่างสาวยกขึ้นสูงจนเท้าลอยเหนือพื้น เขาอุ้มจันยาวีร์ออกไปจากห้องอาบน้ำทั้งๆ ที่สองร่างยังแนบสนิทกันอยู่ กายแกร่งที่ฝังลึกไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงเลย มันยังคึกคักและทำหน้าที่ได้อย่างล้ำเลิศ หมอนวดสาวไม่มีแรงมากพอที่จะต่อต้านหรือว่าห้ามปรามเขาได้

วินาทีแรกที่เขาวางร่างสาวตรงโซฟาตัวยาว จันยาวีร์หลับตาลงทันที เธอภาวนาอยู่ในอกที่ไหม้ตรม ภาวนาให้ฤทธิ์ยาที่ปลุกพละกำลังทางเพศในตัวของรัฐภูมิหมดลงเร็วๆ จากนาทีคืบผ่านเป็นสิบนาทีแล้วเดินเลยไปยังหนึ่งชั่งโมง สอง...สามชั่วโมง...จนกระทั่งเวลาที่เธอรอคอยก็เดินทางมาถึงในชั่วโมงที่ห้า และเวลาในชั่วโมงนี้เป็นเวลาที่เขาและเธอต่างหลับสนิทอยู่บนเตียง สนามพิศวาสสุดท้ายของทั้งคู่

........................

17.05 น. ของวันใหม่

ชายร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ค่อยๆ ขยับร่างกายหลังจากที่นอนหลับสนิทเป็นเวลานาน รัฐภูมิผงกศีรษะเมื่อเปิดเปลือกตา ก่อนจะพลิกกายลงนอนหงายนำมือทั้งสองข้างจับศีรษะของตนเอง เอียงศีรษะหันไปมองดูนาฬิกาตั้งโต๊ะตรงหัวเตียงที่บอกเวลา 17.05 น. เขาหลับไปนานมากขนาดนี้เลยหรือนี่ พลางนึกทบทวนเรื่องราวก่อนที่เขาจะหลับเป็นตาย รัฐภูมิดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยหวานที่หวานและหอมไปทั้งตัว เขาหันมามองที่นอนข้างกาย...ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตนอนอยู่ตรงนั้น ทั้งๆ ที่มันควรจะมีร่างอรชรของใครบางคนนอนอยู่ ร่างของผู้หญิงที่เขาพรากความสาวมาอย่างไม่นึกถึงคำว่าปรานี

เธอไปไหนแล้ว...ไปเมื่อไหร่ นั่นเป็นคำถามที่ดังก้องอยู่ในใจของรัฐภูมิ

“ช่างแมร่ง...” นี่คือคำพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ผู้หญิงที่มอบความสุขให้กับเขาไม่มีค่าอะไร เธอสมควรโดนลงโทษที่ริอ่านมาขโมยของรักของหวงของเขาไป

ของรักของหวง...คำๆ นี้แล่นเข้ามาในสมองของเขาในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก้มมองไปดูสร้อยคอที่ห้อยพระเครื่องเบญจภาคีเอาไว้ทันที เขาจำได้อย่างแม่นยำว่า เขาวางไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง ทว่าตอนนี้สิ่งที่เขาหวงแหนไม่ได้วางอยู่ตรงนี้แล้ว หายไปไหนหรือว่าเขาจะจำที่วางผิด

ไม่น่าจะผิด...เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าวางไว้ตรงนี้จริงๆ ความร้อนใจมาประทับอยู่ในความรู้สึก เขาวาดขาลงไปบนพื้น ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปนอกห้องนอนทันที โดยไม่คิดจะคว้าอะไรมาพันกาย เพราะคิดว่าห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเขา ลูกน้องคนสนิทจะเข้ามาในห้องนี้ได้ต่อเมื่อเขาเรียกเท่านั้น

รัฐภูมิเดินมายังห้องรับแขกมองที่ไร้เงาของสิ่งมีชีวิตอีกเช่นกัน เขาเดินหาของรักของหวงที่คิดว่าจำที่วางผิดทั่วห้อง วกกลับเข้าไปหาในห้องนอนใหม่แต่ก็ยังหาสิ่งนั้นไม่เจอ เจ้าของห้องเดินไปดูตู้เซฟที่เก็บพระเครื่องเอาไว้ พระทุกองค์ที่เขาเก็บสะสมไว้ทุกองค์ยังอยู่ครบ หัวใจของเขาเริ่มมีพายุโหมแรงมากขึ้น ชายร่างสูงเดินกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้ง ก้มหน้ามองโต๊ะกระจกที่เขาจำได้ไม่มีลืมว่า วางสร้อยคอทองคำที่ห้อยพระเบญจภาคีของปลอมไว้

นักเลงพระจะไม่นิยมห้อยพระเครื่องของปลอม เขาเองก็เช่นกันแต่ที่รัฐภูมิสวมใส่คอเส้นนี้เป็นเพราะตั้งใจจะนำสร้อยเส้นนี้มาปลดพระของปลอมที่ห้อยติดไว้ออก แล้วนำสร้อยคอทองคำแท้หนักห้าบาทไปร่วมพิธีหล่อพระในวัดหนึ่งแถบชานเมือง ที่มาของสร้อยคอเส้นนี้มาจากนักเลงพระคนหนึ่งมาหลอกให้เขาเช่าพระเครื่องชุดนี้ เพราะคิดว่าเขาดูไม่เป็น แต่ผิดคาดรัฐภูมิดูพระเครื่องชุดนี้เป็นและมีของจริงไว้ในครอบครอง เขาจึงยึดสร้อยคอทองคำที่ห้อยพระเครื่องชุดดังกล่าวเอาไว้ ตั้งใจไว้ว่าจะนำไปร่วมทำบุญตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้

กำปั้นหนาของมือขวากระแทกลงบนกลางฝ่ามือของมือซ้ายอย่างแรง รัฐภูมิกัดฟันกรอด ดวงตาหรี่ลงและสั่นระริก ใบหน้าเข้มขึ้นด้วยแรงโทสะ ความแค้นกระจายไปทั่วทั้งร่าง

ในที่สุดหมอนวดตัวแสบที่เขาคิดว่าไม่หลงฤทธิ์เดชก็ขโมยพระเครื่องชุดเบญจภาคีของเขาไปได้สำเร็จ คงจะเอาไปตอนที่เขาหลับอยู่อย่างแน่นอน รู้อย่างนี้จับล่ามไว้กับเตียงเหมือนตอนแรกก็คงจะดี...คิดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว

พระเครื่องชุดนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ รัฐภูมิใช้เวลาร่วมเจ็ดปีกว่าจะหาเช่ามาได้ครบรวมเป็นชุด ราคาของพระเครื่องชุดนี้ไม่ต้องพูดถึงหลักร้อยล้านขึ้นไป จำนวนเงินนั้นเขาไม่นึกเสียดายเลยเพราะดูน้อยมากสำหรับเขา แต่ความที่เป็นของหายากทำให้พระเครื่องชุดนี้มีผลทางด้านจิตใจกับเขามากกว่า ความเสียดายท่วมท้นส่งผลให้ความแค้นที่ถูกคนขโมยไปก็ตามมาด้วย งานนี้จันยาวีร์เจอของแข็งแน่นอน

พระเครื่องเบญจภาคีสุดยอดพระเครื่องของเมืองไทยที่เป็นที่นิยมมาไม่ต่ำกว่า 50 ปี และครองความนิยมและสุดยอดปรารถนา ของเหล่านักเลงพระ อันประกอบด้วยพระ 5 องค์ ซึ่งเป็นสุดยอดพระของแต่ละยุคสมัย และเป็นสุดยอดของพุทธคุณ ผู้ใดได้ครอบครองเป็นเจ้าของก็เชื่อได้ว่า คนผู้นั้นเปี่ยมด้วยวาสนา บารมี ด้วยราคาเช่าหานั้นมีมูลค่าสูงมาก ถือเป็นอันดับหนึ่งใครมีไว้มักจะหวงแหนมาก จะขอชมยากกลัวถูกโจรกรรม จึงมักไม่ให้ใครชม

พระชุดเบญจภาคี ประกอบด้วย

1. พระสมเด็จ วัดระฆัง ที่สร้างโดย ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พฺรหฺมรังษี เป็นตัวแทนยุครัตนโกสินทร์

2. พระซุ้ม ก. หรือ กำแพงเม็ดขนุน ทุกกรุในจังหวัดกำแพงเพชรเป็นตัวแทนยุค สุโขทัย

3. พระนางพญา กรุวัดนางพญา จังหวัด พิษณุโลก เป็นตัวแทนยุค อยุธยา-พระพิษณุโลกสองแคว

4. พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นตัวแทนยุค อู่ทอง-สุพรรณภูมิ

5. พระรอด กรุวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน เป็นตัวแทนยุค ลพบุรี

(ข้อมูลจากเว็บ www.kaejiarjan.com)

“เธอไม่ได้ตายดีแน่ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับฉัน รู้จักรัฐภูมิ อัครธนากุลน้อยเกินไป...แป้ง”

รัฐภูมิกล่าวคำอาฆาตเสียงห้วน ดวงตาลุกโชนเปล่งประกายเรืองแสงเจิดจ้า งานนี้เขาจะต้องตามล่าเอาคือหมอนวดสาวนิสัยเสียคนนี้ให้ถึงที่สุด ถ้าไม่ได้พระเครื่องสุดหวงของเขาคืน อย่าหวังว่าเธอจะอยู่อย่างสุขสบายบนโลกใบนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel