ตอน 6
“เราจะได้เป็นส่วนตัวไงจ๊ะ” เขานำหญิงสาวมานั่งลงตรงโซฟาดีไซน์เก๋ มุมโฮมเทียเตอร์ หย่อนก้นลงนั่งข้างหญิงสาว ที่มีเสน่ห์แพรวพราวไปทั้งเนื้อทั้งตัว ต่างจากยัยปลายฟ้า เฉิ่มเบ๊อะนั่นคนละขั้วโลก อึ๋ย ไปนึกถึงยัยบ้านั่นทำไมกัน นายจิมส์เอ๊ย เขาต่อว่าตัวเอง สลัดภาพหญิงสาวแว่นหนาออกจากหัว
“เป็นอะไรไปคะพี่จิมส์” แสนซนเห็นอาการสะบัดศีรษะของชายหนุ่ม นึกไปถึงว่าเขาต้องมีอาการหื่นแน่นอน จึงแกล้งถามออกไป
“เปล่าครับแค่ตอนนี้พี่กำลังจะทนไม่ไหวเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าชู้ ท่าทางจะขย้ำหญิงสาวตรงหน้าเต็มที่
“ทนอะไรไม่ไหวคะพี่จิมส์” แสนซนรู้สึกร้อนวูบวาบ เมื่อชายหนุ่มแตะหลังมือลงบนเรียวแขนของเธอ ไล้ไปตามเรียวแขนช้าๆ
“อยากรู้มั้ยว่าพี่ทนอะไรไม่ไหว” เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าคร้ามลงมาใกล้สาวสวยอย่างแสนซน หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจเป่ารดผิวแก้ม หล่อนจ้องมองริมฝีปากเขาสลับกับดวงตาคม ที่มีจมูกโด่งเป็นสันอย่างชาวตะวันตก รับกับใบหน้าเรียวได้รูปคมคร้ามอย่างคนเอเชีย คิ้วดกหนาโค้งราวกับวาดไว้ มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามนั้น มันยิ่งน่าหลงใหลเข้าไปอีก ใช่ว่าแต่ชายหนุ่มที่จะทนกับแรงปรารถนานั้นไม่ไหว ใครได้อยู่ใกล้เขาก็แทบทนไม่ไหวทุกรายนั่นแหละ
จิมส์ สอดมือเข้าใต้ท้ายทอยที่มีผมยาวดัดเป็นลอนของแสนซนปกคลุม เขาประคองดวงหน้าหญิงสาว ให้ได้องศาที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เขาจรดริมฝีปากได้รูปดั่งกระจับลงบนกลีบปากของหญิงสาว บดเบียดขยี้มอบจุมพิตร้อนเร่าให้แก่เธอ แสนซนเผยอริมฝีปากรับจูบของชายหนุ่ม สองลิ้นตวัดตอดรัดกันไปมา
หยอกเย้ายั่วยวนล้อเล่นกันภายในโพรงปากของกันและกัน มือหนาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาเค้นคลึงสองเต้าเต่งตึงที่อยู่ภายใต้ชุดเดรสเกาะอก เผยให้เห็นเนินประทุมสองข้างยั่วตาคู่นั้น หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างเสียวซ่านและบทเพลงรักก็ดำเนินตามไฟปรารถนาในกายทั้งคู่ยาวนานกว่ามันจะดับลง
ปลายฟ้าถูกนำตัวมายังสถานที่แห่งหนึ่งเหมือนบ้าน อาจจะใหญ่โตกว่าบ้านเสียด้วยซ้ำ มันคือคฤหาสน์ดีๆ นี่เอง ปลายฟ้าถูกเชิญลงจากรถตู้ ซึ่งจอดรับเธอตั้งแต่เช้าตรู่หน้าหอพัก กระทั่งเคลื่อนออกมาโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าออกห่างจากหอพักตัวเองมากน้อยแค่ไหน ภายในห้องโดยสารถูกปิดทึบ หญิงสาวกำลังใช้สายตาสั้นๆ มองผ่านแว่นสายตาคู่ดวงหน้า
เริ่มจับภาพรอบกายได้บ้าง องครักษ์หรือการ์ด สองนายแต่งกายด้วยสูทสีดำทั้งชุด สวมแว่นกันแดดสีดำอำพรางดวงตา ยืนเฝ้าบันไดทางขึ้น และคนอื่นที่เดินสวนกันไปกันมา ท่าทางที่นี่จะเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยหรืออะไรสักอย่าง ปลายฟ้าได้แต่คิด เธอกระชับกระเป๋าสะพายสายยาวที่สะพายเฉียงให้แนบตัวมากขึ้น เผื่อถึงเวลาต้องวิ่งมันจะได้ไม่เทอะทะ
“เชิญครับ” ชายหนุ่มแต่งกายด้วยสูทสีดำคนเดิมที่พาเธอมา เดินนำพร้อมเรียกให้เธอรีบออกเดินตามเขาไป ระหว่างทางเดินปลายฟ้าเห็นว่าไม่ใช่มีแค่เธอที่ถูกพาตัวมาที่นี่ หญิงสาวร่างสูงผมยาวสีน้ำตาลอ่อนนั่นอีกคน และหญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมงนั่นอีก ผู้ชายร่างสูงหนาสองคนนั่นก็เดินไปทิศทางเดียวกับเธอ บุคคลทั้งห้าจึงเดินตามชายหนุ่มสวมสูทสีดำนั่น
ด้วยความสงสัยว่าทุกคนมาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์ใด ส่วนเธอนั้นไม่มีจุดประสงค์ใดๆ ในสมองมันว่างเปล่า แค่ได้รับเชิญมา คำตอบของเธอนั้นมาหาเอาข้างหน้า
‘ห้องใต้ดิน’ ทุกคนถูกพาลงไปยังชั้นล่าง แล้วเดินลงไปเรื่อยๆ นี่มันลึกลงไปเกือบสิบเมตรเชียวนะ ปลายฟ้าคิด
ระหว่างทางเดินที่รายล้อมไปด้วยห้องต่างๆ ทางเดินคดเคี้ยว แต่ละห้องมีเครื่องสแกนติดไว้หน้าห้อง ประตูที่ไม่ได้ทำด้วยไม้เหมือนประตูบ้านทั่วไป มันถูกสร้างด้วยเหล็กหนา คล้ายกับว่าเป็นห้องนิรภัยอย่างไงอย่างนั้น ดูลึกลับคลุมเครือในสายตาของปลายฟ้ายิ่งนัก คงไม่เว้นแม้แต่สี่คนที่เดินมาพร้อมกับเธอ ปลายฟ้าพยายามยิ้มให้หญิงสาวคนที่เดินอยู่ใกล้เธอที่สุด หล่อนกลับยิ้มแหยๆ ส่งมาให้ ทำให้ปลายฟ้ารู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
“ถึงแล้วครับ” ชายชุดดำหยุดที่ห้องๆ หนึ่ง เขายกกำไลข้อมือที่ติดอยู่กับข้อมือซ้าย คล้ายนาฬิกามากกว่าจะเรียกว่ากำไล มันมีแสงลอดออกมาจากหน้าปัด เขาอังมันไว้ที่หน้าจอเครื่องสแกน ซึ่งติดยึดไว้ตรงประตู เสียงดังตื๊ดสามครั้งพร้อมประตูถูกเปิดออก เขานำทุกคนเข้าไปที่นั่น ปลายฟ้ายังคงหันซ้ายหันขวาหลุกหลิก มองความเป็นไปทุกอย่างที่ชายชุดดำทำต่อหน้าทุกคน
“ทุกคนมาพร้อมแล้วครับ มิสเตอร์วิลเลี่ยม” ชายชุดดำถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทที่ใส่บนดวงหน้า โค้งคำนับชายสูงอายุกว่า ท่าทางจะเป็นผู้นำของที่นี่ ดูเขาน่าเกรงขามพอๆ กับหัวหน้าเผ่าใดสักเผ่า
“ขอบใจ” เขากล่าวเสียงทุ้มนุ่มผิดแผกจากบุคลิกและรูปร่างใหญ่โตอย่างชาวตะวันตก
“ครับ” ชายชุดดำโค้งศีรษะอีกครั้ง ถอยหลังออกมายืนสมทบกับเพื่อนชายชุดดำคนอื่นๆ ภายในห้องที่ดูกว้างขวาง คล้ายห้องแลคเชอร์เหมือนในมหาวิทยาลัยที่ปลายฟ้าเรียนอยู่ แตกต่างที่ว่าจำนวนที่นั่งน้อยกว่าเท่านั้น ตรงหน้าห้องมีกระดานอิเลคโทรนิคซึ่งกำลังเลื่อนลงมาจากด้านบน โดยการกดปุ่มสีแดงของชายชุดดำอีกคน หน้าโปรเจคเตอร์ที่วางอยู่ก่อนแล้วตรงโต๊ะหน้าห้อง
ยังไม่ทันที่ชายร่างสูงใหญ่ไซส์ยุโรปสูงวัยนี้จะพูดอะไรออกมา เสียงหวานแหลมแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังก็ดังแทรกขึ้นมาจากทางเข้า ที่ปลายฟ้าและผู้ร่วมชะตากรรมสี่คนเพิ่งผ่านเข้ามา
“ทุกคนมากันพร้อมแล้วหรือแฟรงค์” หญิงสาวรูปร่างดี ผิวขาว หน้าตาดุจนางอินทรีย์ทรงพลัง เธอมาในชุดสูทกางเกง เสื้อ สีดำเข้าชุดกันพอดี ในมือถือซีดีข้อมูลอะไรสักอย่าง หันไปถามชายชุดดำ ที่เพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่าชื่อแฟรงค์ เขายืนเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า โค้งคำนับเป็นสัญญาณการตอบคำถามของหญิงสาวผู้ทรงพลังคนนั้น ไม่ใช่แต่ปลายฟ้าที่มองตามการเยื้องย่างของหญิงสาว ทุกคนก็ไม่วางตา เพราะสงสัยกลุ่มคนพวกนี้ว่าเชิญพวกเธอและคนอื่นๆ มาทำอะไรกัน ในห้องลับลึกกว่าสิบเมตรนี้
“เชน” อยู่ๆ หล่อนก็เรียกชื่อหนึ่งขึ้นมาชายที่น่าจะชื่อเชนหน้าเหลอหลา “นายชื่อเชนสินะ นายตำรวจหนุ่มนอกราชการ” หล่อนพูดต่อ หันหน้าไปทางชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ทรงผมเรียบร้อย มีหนวดเคราครึ้มหน้าตาหล่อเหลาเอาการ
“ครับ” เขาตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยิ้มมุมปากไม่เกรงสิ่งใด
“ดอน นั่นนายใช่มั้ย” หล่อนชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคนมีรูปร่างบึกบึนกว่า สีผิวเข้มจัด ตัวโตกว่าชายหนุ่มที่นามว่าเชน นายตำรวจหนุ่มนอกราชการตามที่หล่อนพูดเมื่อครู่
“ไม่ได้ขับเครื่องบินซะนาน คงเหงาล่ะสิ รู้สึก คันไม้คันมือบ้างมั้ยล่ะ” หล่อนพูดออกไป เหมือนรู้ข้อมูลชายคนที่สองดี หรือว่าคุ้นเคยกับพวกนี้เป็นอย่างดี ให้ตาย นี่ปลายฟ้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาด เริ่มปั้นหน้าไม่ถูกซะขึ้นมาทันที ร้อนๆ หนาวๆ คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่าที่ตัดสินใจเลือกทางที่ตัวเองไม่รู้อะไรเลย
“คริส คนสวย” หล่อนหันไปทางหญิงสาวรูปร่างดี ผมสีน้ำตาลอ่อนเพราะย้อมด้วยสารเคมี ลอนผมบิดเกลียวเป็นลอนสวย รับกับใบหน้าสวยเฉี่ยวของเธอ เธอโค้งศีรษะให้ทั้งที่อยู่ในท่านั่ง “นานา ยังเปรี้ยวเหมือนเดิมนะ” หญิงสาวที่ชื่อว่านาสองครั้งยิ้มมุมปากให้กับหล่อน ปลายฟ้าอดไม่ได้ที่จะโน้มใบหน้าไปถามนานา
“เธอรู้จักยัยนี่เหรอ”
“เปล่า”
“อ้าว แล้วยิ้มให้แม่นี่ทำไมกันล่ะ”
“ไม่รู้ยิ้มไปงั้น” นานาตอบหน้าตาเฉยพร้อมน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างกัน
“ปลายฟ้าอย่ามัวคุยปกติเธอไม่ชอบคุยในห้องเรียนนี่นา” ยัยนี่รู้อีกว่าปลายฟ้าเป็นเด็กตั้งใจเรียนตัวยงเลยทีเดียว
“รู้จักชื่อฉันด้วยหรือคะ” ปลายฟ้าถามออกไป เมื่อหล่อนตะโกนเรียกชื่อเธอเหมือนกับว่าคุ้นเคยกันมาแรมปี
“ใช่ฉันรู้จักพวกเธอที่มาที่นี่ทุกคน” แต่คำบอกของหล่อนก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาเหยี่ยวของหล่อนพยายามจะมองหาใครที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
“กายล่ะแฟรงค์” เมื่อไม่พบใครที่หล่อนกำลังมองหา จึงหันไปถามแฟรงค์เพื่อต้องการความกระจ่างในความสงสัย
“ไม่มาครับ” แฟรงค์หน้านิ่งตอบตามแบบฉบับของเขา
“หมอนี่อวดเก่งทุกอย่าง ท่าทางมันจะเพลีย เมื่อคืนมันคงล่าผู้หญิงไปทำมิดีมิร้าย” หล่อนพูดถึงกายคนที่ปลายฟ้าไม่รู้จักอีกเช่นกัน