ตอน 2
“สองแกต้องไปหาซื้อของที่รุ่นพี่จิมส์ชอบ ซึ่งจะรู้อีกไม่กี่วันนี้ จริงมั้ยซัน” อิงอรหันไปหาซัน เพราะมันเป็นหน้าที่ของอิงอรที่จะอธิบายต่อจากน้ำหนึ่ง
“อืม” ซันพยักหน้า ไม่แน่ใจ แต่ยังไงเขาก็ต้องแน่ใจไม่อย่างนั้นโดนสาวๆ รุมยำแน่
“เอาน่า แกจะได้นอนตายตาหลับ” อิงอรตบไหล่เพื่อนสาวเบาๆ มันชักไงๆ กับคำปลอบเมื่อครู่
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ตายตาหลับอะไรกัน” ปลายฟ้าช้อนตามองอิงอรลอดแว่นกรอบหนาเครื่องประดับประจำดวงหน้าของเธอ
“ถ้าเกิดพี่เค้า...” ปลายฟ้าหยุดคำพูดของตัวเอง ซึ่งเพื่อนๆ เข้าใจว่าเธอกำลังจะพูดอะไรต่อ
“เราจะได้รู้ไงล่ะ ว่ารุ่นพี่รู้สึกยังไงกับแก แกเองจะได้ตัดใจได้ ไม่ใช่มัวแต่บ้าบออะไรอยู่คนเดียว อ้อ ฉันลืมบอกแกอีกข้อหนึ่ง” น้ำหนึ่งจับมือบาง ที่วางประสานกันอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองข้างของปลายฟ้ากระชับ
“อะไร” อิงอรถาม แทนที่จะเป็นปลายฟ้า
“ทำใจรับกับมันให้ได้” นั่นล่ะยากสุดๆ ถ้าทำใจได้เธอบอกรุ่นพี่ไปนานแล้ว ไม่รอให้ถึงปีสามหรอก
“งานใหญ่” ซันเป็นคนเอ่ยประโยคนี้ออกมาซะเอง “เอาน่าฉัน เอ๊ย พวกฉันจะเป็นกำลังใจให้แกเอง” ตบไหล่มนของเพื่อนสาวเบาๆ มันเหมือนเพชฌฆาตกำลังสังหารเธอ
“ไอ้ซัน ฉันถามแกอีกทีนะ แกเป็นตุ๊ดหรือเปล่าวะ” น้ำหนึ่งกระแทกเสียงหันไปทางคนที่ขันอาสาเป็นกำลังใจ “หรือว่า” เมื่อเห็นว่าซันส่ายหน้าปฏิเสธ
“หรือว่าอะไรวะน้ำ” อิงอรสุมหัวกับน้ำหนึ่ง เพื่อจะนินทาซันในระยะเผาขน
“เปล่า...ไม่มีอะไร ฉันกำลังคิดว่ามันแอบชอบยัยปลายหรือเปล่า ก็เท่านั้น” คิดไปได้
“ไอ้พวกบ้า ฉันแค่เห็นใจในความรักของยัยปลายมันก็เท่านั้น ชอบเชิบอะไร” ซันแก้เก้อด้วยการต่อว่าน้ำหนึ่งที่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้
“ถ้าแกไม่ได้เป็นตุ๊ด เกย์ หรือแอบชอบยัยปลาย งั้นแกก็เล็งพวกฉันสองคนสิ” น้ำหนึ่งชี้นิ้วกลับไปกลับมาระหว่างตัวเองกับอิงอร ยิ่งทำให้ซันหน้าเหวอ
“โอ๊ย ไปกันใหญ่แล้วว่ะแก ไม่ใช่สักอย่าง ฉันอยากเป็นเพื่อนกับพวกแกต่างหาก” การที่ผู้ชายผู้หญิงจะเป็นเพื่อนกันไม่เห็นแปลก
“แล้วไป” น้ำหนึ่งและอิงอรเลิกเย้าแหย่ซัน หันมาสนใจยัยเฉิ่มต่อ
“ตามนั้นนะปลาย ซันจะไปล้วงความลับรุ่นพี่ให้ จากนั้นเราก็ไปตามล่าหาของขวัญให้รุ่นพี่กัน พอถึงวันแกโซโล่ ฉัน ยัยอร นายซัน อยู่ทัพหลังเป็นกำลังใจให้แก ถ้าเกิดรุ่นพี่เค้าชอบ เอ่อ ฉันหมายถึงชอบของแปลก”
“ยังไงแก” ปลายฟ้ารู้สึกเคืองกับคำว่าของแปลก และสายตาที่น้ำหนึ่งส่งมาให้ แต่ไม่ถือโทษโกรธ
“ผู้หญิงพิเศษอย่างแกน่ะ ฉันใช้คำพูดผิดไปหน่อย พอดีฉันเด็กคอมฯ ไม่ได้เรียนอักษรฯ” น้ำหนึ่งแก้ตัว เพราะเคยล้อเล่นประมาณนี้กับปลายฟ้า จนเธอเห็นว่ามันเป็นเรื่องโจ๊กในกลุ่มไปซะแล้ว
“เออๆ ฉันจะพยายาม เหลืออีกกี่วันสำหรับการทำใจวะ” ปลายฟ้าสรรหาคำพูดเพื่อปลุกระดมความรู้สึกของตนเอง วันที่เป็นโค้งสุดท้ายสำหรับการเรียนในปีสุดท้ายของรุ่นพี่สุดหล่อ คิดแล้วใจรู้สึกใจหายที่จะไม่ได้เห็นหน้า
“หนึ่งอาทิตย์พอมั้ย” น้ำหนึ่งยกโทรศัพท์ขึ้นมากดดูวันที่
“หนึ่งอาทิตย์” ปลายฟ้าทวนคำเพื่อนตาโตตามด้วยใบหน้าเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด มันยากขนาดนั้นเลยหรือไง กับการบอกความรู้สึกของตัวเองกับใครสักคนที่เราชอบปลายฟ้า
อีกฟากของคนเสน่ห์แรงแห่งคณะบริหารธุรกิจ
“พี่จิมส์ขา เย็นนี้เราไปดูหนัง ต่อด้วยทานไอศกรีมกันดีมั้ยคะ” แสนซนหญิงสาวดาวมหาวิทยาลัย พ่วงตำแหน่งเชียร์ลีดเดอร์เข้าไปอีกตำแหน่ง ยัยนี่เคยถ่ายปกนิตยสาร เดินแบบ ถ่ายแบบ นางเอกเอ็มวี หล่อนมีชื่อชวนจั๊กจี้หัวใจชายหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวยอย่างจิมส์ แดเนียล หนุ่มลูกครึ่งนัยน์ตาสีมรกตอย่างทางบิดาที่เป็นลูกครึ่งอเมริกัน - ออสเตรเลีย มารดาเป็นคนไทย ใช้ชีวิตอยู่สองประเทศ ระหว่างไทยกับ สหรัฐ
“ได้สิจ๊ะแสนซน” เขาบอกสาวเจ้าเสียงหวานตามสไตล์หนุ่มนักรัก “รอพี่เรียนคาบสุดท้ายก่อนนะ พี่จะพาน้องแสนซนไปตามที่น้องต้องการ แต่หลังจากนั้นน้องแสนซนต้องตามใจพี่จิมส์นะจ๊ะ” เขาอ้อนสายตาเจ้าเล่ห์
“อุ๊ย พี่จิมส์ล่ะก็...” หญิงสาวตีเข้าที่ต้นแขนเขาเบาๆ แกล้งเขินอายซะอย่างนั้น ความจริงหล่อนเรียกร้องความตื่นตัวจากเขามากกว่า
“ได้มั้ยครับ” เขาช้อนตามองหญิงสาวที่กำลังแกล้งดัดจริตให้เขาหลงใหล คนอย่างเขาหลงใหลใครได้ไม่นานนักหรอก แสนซนเป็นสาวรายใหม่ที่เข้ามาติด เพียงแค่เขาหว่านเสน่ห์นิดๆ หน่อยๆ หลังจากแข่งบาสเสร็จในแมทสำคัญ เขาเห็นหล่อนยืนเชียร์ทีมตรงข้ามอยู่ขอบสนาม เขารู้ว่ายัยนี่เป็นดาวมหาวิทยาลัยที่มีดีกรี ความงามพ่วงท้ายหลายตำแหน่ง แถมยังโด่งดังทางด้านวงการบันเทิงอีกด้วย เขาจึงคิดจะสอยมาเชยชมก็เท่านั้น
“ตามใจพี่จิมส์สิคะ” หญิงสาวเอียงอาย หลบแววตาเจ้าชู้ ทั้งที่เธอได้ฉายาคาสโนวี่ มาจากหนุ่มๆ ที่พร้อมใจกันตั้งให้เธอ หนุ่มหน้าตาดี ลูกเศรษฐี ล้วนถูกเธอกวาดเรียบจนแทบไม่เหลือในมหาวิทยาลัย ความจริงจิมส์ ไม่ได้ชอบยัยแสนซนนี้มากมายนักหรอก ที่ต้องการจีบหล่อนก็เพื่อแก้เผ็ดที่หล่อนบังอาจไปเชียร์นายชิน คู่ปรับของเขาในการแข่งบาสทุกครั้งก็เท่านั้น และมีหลายเรื่องที่มันต้องการเทียบรัศมีกับเขาต่างหากเล่า
“แสนซน” เสียงดุดันเรียกจากด้านหลัง ยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะได้ก้าวออกจากที่นั่งในสวนหย่อมของคณะบริหาร แววตาดุเดือดส่งมาทางสองหนุ่มสาวซึ่งนั่งออดอ้อนแนบชิด
“พี่ชิน” แสนซนหันไปตามเสียงก่อนจิมส์ รายนั้นไม่สนใจด้วยซ้ำจะเป็นเสียงใคร ยิ่งเป็นเสียงนายชินยิ่งดี เขาสะใจเหลือเกินที่แย่งคู่ควงของมันมาได้
“พี่น่ะสิ แสนซนคิดว่าใครล่ะ” ชินก้าวอาดๆ เข้ามาใกล้แสนซน กระชากข้อมือบางให้เข้ามาหาจนร่างบางปลิวตามแรงเซถลาเข้ามายืนอยู่ชิดร่างสูงของชิน
“เฮ้ย ปล่อยแสนซนนะ ไม่งั้นเจอดีแน่” จิมส์ประกาศกร้าว ใบหน้าดุดัน น้ำเสียงเข้มจริงจัง อย่างคนต้องการเอาชนะ ลำพังความอยากได้ยัยผู้หญิงคนนี้เค้าไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่นัก ความอยากเอาชนะคู่กัดตลอดกาลอย่างชินมากกว่าที่มันอยู่เหนือสิ่งอื่น ยิ่งเห็นเขาเข้ามากระชากผู้หญิงที่เพิ่งนั่งพะเน้าพะนอกับเขาอยู่ไม่ถึงสิบนาทีที่ผ่านมา เขายิ่งทนไม่ได้ รู้สึกเดือดดาลอย่างคนอารมณ์ร้อนแล่นปี๊ดขีดสุด ไม่เกรงกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
“แสนซนแฟนฉัน” ชินเน้นเสียงหนักแน่น มือหนายังบีบข้อมือบางของแสนซนไม่ยอมปล่อย “บอกเค้าไปสิแสนซน เธอเป็นอะไรกับพี่ บอกให้ไอ้หน้าหล่อนี่ให้มันรู้สิ” ชินก้มหน้าลงไปหาแสนซน ที่เป็นตัวต้นเหตุของการปะทะ
“พี่ชิน พี่จะบ้าหรือไง ทะเลาะกันแบบนี้ไม่อายใครบ้างหรือ” แสนซนรู้สึกภูมิใจในตัวเองลึกๆ แต่ขณะนี้ เวลานี้ รู้สึกอายมากกว่าจะภูมิใจ ยิ่งถ้าอาจารย์ฝ่ายปกครองรู้เข้า มีหวังเจอทัณฑ์บนแน่ เธอพยายามแกะข้อมือให้พ้นพันธนาการที่ชินบีบรัดแน่นอยู่นี้ให้คลาย
“ปล่อยก็ได้ แสนซนกำลังจะไปไหนกับไอ้...จิมส์” ชินเน้นเรียกชื่อจิมส์ลอดไรฟัน
“ไม่...” ยังไม่ทันที่แสนซนจะพูดอะไรต่อ
“ฉันกับน้องแสนซน จะไปดูหนังจากนั้นก็...” เขาเว้นคำพูดให้คนฟังคิดตาม ด้วยการส่งสายตา เจ้าเล่ห์ให้ชินคิดมาก
“จากนั้นจะไปไหน แสนซนจะออกเดทกับไอ้จิมส์ใช่มั้ย” ชินยังคงขึงตาใส่หน้าแสนซน เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ เขาไม่ยอมเป็นคนโดนเขี่ยทิ้งหรอก ยิ่งเสียหล่อนให้กับจิมส์ เขายิ่งไม่ยอม “มากับพี่เดี๋ยวนี้” ชินคว้าเข้าที่ข้อมือบางของแสนซนอีกครั้งหนึ่ง จิมส์คว้าข้อมืออีกข้าง เวลานี้แสนซนถูกดึงกางเป็นไม้กางเขน อยู่ตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม สองหนุ่มออกแรงยื้อหญิงสาวไปมา
“มากับพี่” จิมส์ยื้อแขนแสนซนมาทางตัวเอง
“มากับพี่แสนซน” ชินไม่น้อยหน้าออกแรงยื้อแสนซนกลับ
ทั้งสองจึงยื้อกันไปยื้อกันมา ไม่มีใครยอมใคร จนแสนซนจะกลายเป็นปลาหมึกเสียบไม้เข้าไปทุกที กระทั่งความอดทนของเธอเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ทั้งอายทั้งภูมิใจในเวลาเดียวกัน
“ยู้ด...” แสนซนหลับตาตะโกนออกไปสุดเสียง เพื่อหยุดการกระทำของชายหนุ่มทั้งสอง มันได้ผล สองหนุ่มหยุดดึงทึ้งเธอ กระทั่งค่อยๆ ปล่อยข้อมือบางสองข้างให้เป็นอิสระ จ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง
“โอ๊ย น่าเบื่อ กัดกันอยู่ได้” แล้วแสนซนก็เดินกระแทกส้นเท้าหายไปหลังตึก ทิ้งให้สองหนุ่มวางมวยกันเอง แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ไปออกเดทกับชายหนุ่มที่เสน่ห์แรงที่สุดในมหาวิทยาลัย
“ฮึ่ม” แล้วสองคนก็ยืนตีหน้ายักษ์ใส่กันอยู่ตรงที่เดิม กว่าจะแยกห่างกันก็ปล่อยแสงอำมหิตใส่กันไม่มีใครยอมแพ้ใคร