บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ช่วยฉันที

ตอนที่ 4 ช่วยฉันที

ผมเดินออกมาอย่างหงุดหงิด แต่ไม่น่าเชื่อว่าทางผ่านที่กลับออกมาจะต้องเดินผ่านตรงบริเวณที่ผมเจอเธอคนนั้นที่กำลังโวยวายอยู่

“อื้ออ… ปล่อยฉันนะคะ”

เสียงโวยวายของเธอทำให้ผมสัมผัสได้ทันทีว่ากำลังมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ

“น่า... ให้ผมไปส่งดีกว่า ผมไม่ทำอะไรคุณเหรอก”

“ผู้หญิงเขาไม่อยากไปด้วยก็อย่าเซ้าซี้สิครับ”

จริงๆแล้วเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับผมเหรอก แต่ทว่ารู้ตัวอีกทีตัวของผมก็ดันเข้าไปอยู่ในวงสนทนาของทั้งสองคนนั้นแล้วเรียบร้อย

“แล้วคุณเป็นใคร?”

หมอนั่นถามกลับมา สีหน้าดูก็รู้ว่าคงไม่พอใจกับการปรากฏตัวของแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างผมสักเท่าไหร่ แต่ทว่าผมไม่ได้ใส่ใจกับปฏิกิริยาของหมอนี่เลยแม้แต่น้อย บรรดาการ์ดที่เป็นลูกน้องของเอริคดูเหมือนจะเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายว่าผมมีปัญหากับผู้ชายตรงหน้า เลยกรูเข้ามาเตรียมประชิดตัวของหมอนั่น จนผมต้องยกมือห้ามเหล่าลูกน้องของเอริคเอาไว้ก่อน

ผมก็แค่...ไม่ชอบที่จะเป็นจุดสนใจในสถานที่แบบนี้ และในตอนนี้หมอนั่นก็เหมือนเริ่มรู้ตัวว่าการ์ดเป็นคนของผม เลยทำให้ออกอาการเจียมตัวขึ้นมากะทันหันว่าผมไม่ใช่คนที่เขาควรจะมามีเรื่องด้วยเท่าไหร่ หมอนั้นเลยเริ่มมีอาการอึกอักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“นี่คุณ…”

คนที่หวังจะเคลมหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังเมามายพูดขึ้นก่อนที่จะปล่อยให้คำพูดหายเข้าไปในลำคอ ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแค่มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

ก็แค่พวกที่มาเพื่อหวังหาเศษหาเลยจากหญิงสาว เขาคิด

“ทางที่ดี ผมว่าคุณควรจะปล่อยเธอไปดีกว่า ก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจ”

ผมกล่าวออกมา ก่อนจะเดินเข้าขยับเข้าไปใกล้หมอนั่นจนหมอนั่นหน้าเสีย

ในส่วนของอันนาตอนนี้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทั้งเมาทั้งมึน รู้สึกว่าหัวมันหนักอึ้งไปหมดจนไม่สามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวอะไรได้เลย หญิงสาวร่างบางฟุบหน้าลงโต๊ะ ปล่อยให้การสนทนาระหว่างชายหนุ่มทั้งสองนั้นดำเนินต่อไป

-Talk อันนา -

สิ่งเดียวที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของฉันในตอนนี้ก็คือ คืออยากจะเอาตัวเองออกมาให้ห่างจากมาร์ค ชายหนุ่มผู้ที่เพิ่งมาทำความรู้จักก่อนหน้านี้

“อืออ… จับมือฉันทีค่ะ”

ฉันพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มีพูดออกไปแล้วควานมือไปทางเขา ในสายตาของฉันมันทั้งพร่ามัวแถมหัวก็มึนทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังทำหน้าแบบไหนหรือทำอะไรกันอยู่

ช่วยฉันทีนะ

ฉันพยายามส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กับอีกฝ่าย ท่ามกลางแสงไฟสลัว ก่อนที่คนร่างสูงผู้มาใหม่ในวงสนทนาคนนั้นจะรีบเอื้อมมือมาจับแขนของฉันเอาไว้

ก่อนที่สติของฉันจะเริ่มเลือนลางหายไป อย่างๆน้อยๆสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ได้ทันทีในตอนนี้ก็คือ ฉันเองก็ไม่ได้ดวงกุดโชคร้ายขนาดนั้น คิดว่าจะโดนไอ้หมอนี่เอาไปทำมิดีมิร้ายที่แล้วซะอีก

วูบ…

ตาของฉันมันกำลังลืมตาอยู่ก็จริง แต่ว่าตอนนี้กลับมองไม่ค่อยเห็นอะไรแล้ว

แย่จริง ฉันปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้เลยเเหรอเนี่ย…

ท่ามกลางความมืดสลัว ทุกอย่างรอบกายที่ฉันมองเห็นดูราวไม่มีอะไรเป็นรูปร่างสักอย่าง เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในมิติไหนซักที่

“เดินไหวไหมครับ?”

จู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงทุ้มแทรกเข้ามา ขณะที่สติของฉันมันยังไม่มีท่าทีจะคืนกลับมาแต่ทว่าฉันยังสามารถรับรู้ว่ารอบตัวมันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

“ห้ะ… นี่ฉันอยู่ที่ไหน...?”

ฉันถามใครบางคนที่น่าจะเป็นคนเข้ามาช่วยให้ฉันรอดจากไอ้หมอนั่น ในขณะที่ร่างกายยังคงไม่สามารถต้านทานต่อแรงโน้มถ่วงของโลกได้ ตาของฉันพยายามปรือขึ้นมาดูอีกทีก็พบว่า ที่นี่ไม่ใช่ด้านในของผับอีกแล้ว

นี่ฉันเมาไม่ได้สติขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

นึกหงุดหงิดตัวเอง ถึงขนาดถูกเขาหิ้วออกมา ฉันยังไม่รู้ตัวเลย ยัยอันนาเอ๊ย ไม่ไหวเลยจริงๆ

“อยู่ที่…ครับ... คุณ…”

อีกฝ่ายตอบคำถามกลับมา ก่อนที่จะพูดอะไรต่ออีก แต่ฉันกลับไม่สามารถได้ยินซะอย่างนั้น เพราะหูมันอื้อขึ้นมา ส่งผลทำให้ได้ยินอีกฝ่ายพูดเพียงคำบางคำ แต่ว่านั่นกลับไม่ใช่ประเด็นหลัก

"เพื่อนฉันอยู่ไหนเหรอคะ?"

ฉันพยายามดันตัวเองที่มันรู้สึกตัวหนักอึ้งขึ้นมาทุกทีถามเขา ใบหน้าของชายที่อยู่ตรงหน้าเลือนลางมาก จนดูไม่ออกเลยว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นยังไง เขาเหมือนอ้าปากพูดอะไรบางอย่างกลับมาแต่ว่าตอนนี้ฉันกลับไม่ได้ยิน ดังนั้นฉันเลยพยายามที่จะกระพริบตาถี่ทั้งขยี้ตาแล้วก็เพ่งดูแล้วเพื่อจะให้สายตามันปรับโฟกัส ทว่ามันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตอนนี้ทั้งหูตาและประสาทการรับรู้ต่าง ๆ ทั้งห้าของร่างกายฉันมันกำลังทรยศตัวเองเป็นอย่างมาก

"...ไหมครับ?"

คนตรงหน้ายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะถามอะไรมาสักอย่างอีกครั้ง ฉันที่รู้สึกไม่อยากจะเป็นภาระของใคร แล้วก็อยากจะกลับบ้านมาก จึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไป

"ค่ะ"

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ แต่ตอนนี้ฉันเกลียดตัวเองตอนเมามาก ฉันตอบตกลงเขาไปโดยที่รู้เรื่องด้วยซ้ำ มันเป็นสิ่งที่ฉันตอนมีสติไม่มีวันจะทำ

ฟุ่บ !

หัวสมองของฉันยังคงไม่ประมวลผลอะไรอยู่แบบนั้น จนกระทั่งร่างกายรู้สึกถึงความนุ่มที่โอบอุ้มตัวของฉันเอาไว้ สัมผัสที่สบายตัวจนอยากจะอยู่แบบนี้ไปอีกนาน ๆ

ดวงตาของฉันลืมขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้ตัวเองได้มานอนอยู่ในห้องห้องเป็นหนึ่งสีครีมขาว ที่หน้าต่างมีม่านขนาดใหญ่เปิดอยู่เผยให้เห็นทิวทัศน์ของท้องฟ้าในตอนกลางคืน จิตใต้สำนึกของฉันรู้มาขึ้นทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่ห้องของฉันหรือห้องของยัยไอด้าแน่ ๆ เพราะที่หน้าต่างนั่นดูจะเป็นวิวจากตึกสูงจากสักแห่งในเมืองมากกว่า

ถึงตอนนี้อาการเวียนหัวมันจะดีขึ้นมามากแล้ว แต่ว่าความง่วงงันกลับเข้ามาแทนที่อย่างจังเสียแทน อย่างยากที่จะปฏิเสธ ก่อนที่ฉันจะยอมแพ้ให้กับอาการต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้าเล่นงาน ฉันก็พยายามจะบอกอีกฝ่ายไป

“กลับ…”

และแล้วฉันก็ไม่อาจต้านทานต่อความง่วงงันที่เข้าครอบงำได้ ดวงตาของฉันปิดลงพร้อมกับสติการรับรู้ที่เลือนลางลงเต็มที

"คุณ? คุณครับ?"

"..."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel