บทย่อ
เมอร์ลิน ดาราสาวชาวกรุงผู้มีบทบาทโดดเด่นกำลังกลุ้มใจอย่างหนัก เพราะเธอมุ่งหวังที่จะสวมบทบาทของซูซี่ ฟอร์เรสเตอร์ ในภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ เดรค ผู้กำกับฯ ผู้ยิ่งใหญ่ แม้เขาจะสนับสนุนให้เธอได้รับบทนั้นอย่างเต็มที่ แต่เบรนดอล คามิเกล ผู้ได้รับบทดารานำฝ่ายชายตามสัญญากับแอนน์ เบนตัน เจ้าของเรื่องให้เขามีสิทธิ์เลือกนางเอก เขากีดกันหล่อนทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน ทำให้หล่อนมีความมานะที่จะเอาชนะให้จงได้เพราะหล่อนหลงใหลในตัวเขาด้วย -------------------------------
บทที่ 1
“เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการให้คุณมาสวมบทบาทเป็นเมียเขาหรอกนะ เมอร์ลิน” ผู้ชายที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่คิดจะอำพรางความขุ่นเคืองไว้เลยแม้แต่น้อย
เธอรู้ตัวตั้งแต่ตอนที่คริสโตเฟอร์ เดรค ยอมสละเวลาทิ้งบทหนังที่กำลังใกล้จบพาเธอออกมากินอาหารกลางวันแล้ว ว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่มันผิดปรกติเกิดขึ้นกับงานที่วางแผนไว้ว่าจะทำร่วมกันในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า เวลานี้คริสโตเฟอร์ทำหนังเรื่องดังกล่าวล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดมามากแล้ว ปัญหาใหญ่ของเขาอยู่ที่พวกผู้ร่วมงานในกองถ่ายทั้งหลาย เนื่องจากเขาเป็นทั้งผู้กำกับและผู้อำนวยการ ที่หวังผลในเรื่องความสมบูรณ์ของหนังถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นในระยะสัปดาห์สุดท้ายของการทำงานเขาจึงยิ่งเครียดมากขึ้น
เมอร์ลินรู้ว่าพวกนักแสดงเป็นจำนวนมากต่างคิดว่า เธอคงสติไม่ดีไปแล้ว แต่เธอหวังจะได้ทำงานร่วมกับเขาจริงๆ เธอไม่สงสัยในเรื่องชื่อเสียงความมีฝีมือของเขาเลยแม้แต่น้อย และเธอก็เคยพบผู้กำกับหรือผู้อำนวยการสร้างที่ล้วนเอาแต่ใจตัวเองมาไม่น้อย ประการสำคัญก็คือเธอชอบคริสโตเฟอร์ตั้งแต่แรกเห็น
เขาเป็นคนที่มีเรือนร่างสูงโปร่ง พละกำลังในร่างกายดูจะใช้ได้ไม่มีหมด เรือนผมสีบลอนด์ที่ยาวเกินความจำเป็นมักจะปรกลงมาตรงหน้าผากซึ่งเขาจะต้องคอยปัดขึ้นอยู่เสมอและท่าทางเวลาที่เขาปัดผมขึ้นอย่างหงุดหงิดนั้นมันเป็นท่าที่น่าดูมาก และเมอร์ลินก็ต้องคอยบังคับใจไว้ไม่ให้เอื้อมมือไปช่วยปัดขึ้นให้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่เป็นความจริงก็หมายความถึงว่าเธอหมดโอกาสที่จะได้รู้จักเขาดีขึ้น สิ่งที่เป็นเครื่องขัดขวางไม่ให้เธอได้ร่วมงานกับเขานั้นมันเป็นความอคติของผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น และการที่ได้รู้ว่าเขาเป็นใครมันก็ทำให้เธอรู้คำตอบได้อีกว่าเพราะเหตุใด
“แต่คุณอย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะ เมอร์ลิน” แม้มันจะเป็นคำพูดปลอบใจ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคริสโตเฟอร์ไม่ได้พอใจกับผลที่ออกมาเลย “คุณน่ะเป็นรายที่ 4 ของปีนี้ที่เขาปฏิเสธ”
คริสโตเฟอร์ไม่เคยรู้จักใช้วิธีการพูดแบบนักการทูตแต่ช่วงเวลาหลายปีที่ทำงานร่วมกับคนหลากหลายอารมณ์การที่ได้มาพบคนที่พูดจาอย่างตรงไปตรงมา มันกลับทำให้ความรู้สึกดีขึ้น
“ใครบ้างล่ะคะที่เป็นคู่แข่งของฉัน” เธอถามด้วยน้ำเสียงขันๆ
“มันก็ไม่ใช่คู่แข่งหรอก” คริสโตเฟอร์ตอบเคืองๆ “แต่เป็นพวกที่เขาเคยอยู่มาก่อนคุณ ซึ่งก็ไม่เห็นมีใครประสบความสำเร็จไกลไปกว่านี้สักคน”
“คุณหมายความว่ายังไง” เธอถาม เขี่ยอาหารในจานเล่น และใช้ความคิดอยู่
“คือว่าทางโรงถ่ายน่ะเขาซื้อเรื่องนี้มาจากผู้เขียนโดยตรง แต่มันน่าเสียดายอยู่ตรงที่ว่าผู้เขียนเขากำหนดไว้เป็นเงื่อนไขว่าพี่เขยเขาจะต้องมีสิทธิ์ในการการพิจารณาตัวคนที่จะมาเล่นเป็นนางเอกซึ่งเป็นภรรยาของเขาด้วย”จากน้ำเสียงของคริสโตเฟอร์ที่พูดอยู่บอกให้รู้ว่าเขามีความคิดเห็นเกี่ยวกับเงื่อนไขดังกล่าวนั้นอย่างไร
เมอร์ลินไหวไหล่เบาๆ พวงผมสีแดงพลิ้วพรายอยู่กลางแผ่นหลัง
“ก็ดูยุติธรรมดีนี่”
“มันจะไปยุติธรรมได้ยังไงในเมื่อแค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่ต้องการให้สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้น” นิ้วเรียวๆ ที่จับก้านแก้วไวน์กระชับแน่น ดวงตาคู่สีฟ้าเป็นประกายด้วยความไม่พอใจ “แอนน์ เบนตัน เองก็ไม่ได้ดูรายละเอียดในเรื่องนี้ก่อนหน้าที่จะเซ็นสัญญาลงไป”
เมอร์ลินเคยอ่านหนังสือเล่มที่แอนน์ เบนตัน เขียนเกี่ยวแก่ชีวิตของพี่สาวมาแล้ว แม้ว่าชีวิตของเธอจะค่อนข้างสั้น แต่มันก็เต็มไปด้วยสีสันอันเพริศแพร้ว หนังสือเล่มนั้นเขียนขึ้นด้วยความรักของน้องสาวที่มีต่อพี่สาวคนเดียวของเธอ เป็นหนังสือที่เขียนถึงผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งซึ่งต้องมาตายลงในวัยที่ยังไม่สมควร และมันคงทำให้หัวใจของผู้ชายที่เป็นสามีของซูซี่ ฟอร์เรสเตอร์ แทบสลายลงทีเดียวกับการสูญเสียอันน่าเศร้าเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้มันเป็นไปอย่างนั้น” เธอถอนใจเบาๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ความไม่สมปรารถนาฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่สีเขียวขาบ เธอเองก็ไม่เคยพบหน้าค่าตาซูซี่ ฟอร์เรสเตอร์ มาก่อน แต่ทันทีที่ได้อ่านสคริปท์ก็นึกอยากจะแสดงเป็นตัวซูซี่ขึ้นมา และยิ่งได้อ่านหนังสือประกอบเข้าไปอีก ความอยากเล่นก็เพิ่มมากขึ้น
“ไม่จำเป็นหรอก” คริสโตเฟอร์พูดช้าๆ
“ก็ถ้า...” เธอมองหน้าเขาเขม็งอยู่ “ถ้าแบรนดอนคามิเกล เขาไม่อยากให้ฉันแสดง... ”
“คนอย่างเขาจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองต้องการอะไร” ผู้ชายที่นั่งอยู่ต่อหน้าตัดบทขึ้นมาทันที “เขายังไม่เคยเห็นคุณด้วยซ้ำ และไม่เคยเห็นคนที่เราคัดเลือกไว้ก่อนหน้าคุณด้วย เขาเพียงแต่ตอบปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยและไร้เหตุผลที่สุด ผมกำลังคิดนะว่าถ้าเขามีโอกาสได้พบคุณ และเราสามารถจะพูดจาโน้มน้าวจิตใจ...”
“นี่คุณคงไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปโน้มน้าวจิตใจเขาได้หรอกนะ” เมอร์ลินตัดบทออกไปทันที เธอพอจะเดาออกว่าคริสโตเฟอร์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆ ด้วยเช่นกัน
“ทำไมเล่า” คำที่ย้อนถามมานั้นบอกถึงการยอมรับอยู่ในที ซึ่งทำให้เมอร์ลินต้องมองเขาด้วยสายตาสมเพช
“เท่าที่ฉันฟังจากที่คุณพูดรู้สึกว่าแบรนดอน คามิเกลน่ะไม่ใช่คนประเภทที่จะหวั่นไหวเพราะหน้าสวยๆ ได้หรอกนะ”
“คุณไม่ใช่คนสวยเพียงอย่างเดียวหรอก คุณงามทั้งกิริยาท่าทางด้วย” คริสโตเฟอร์พูดอย่างใช้ความคิด ซึ่งก็เช่นเดียวกับผู้ชายทั้งหลายที่ทำงานอยู่ในแวดวงของผู้หญิงสวย ๆ มากกว่าจะพูดด้วยความรู้สึกส่วนตัว “อีกประการหนึ่งคุณก็เป็นนักแสดงที่มีความสามารถมาก ยิ่งกว่านั้นขณะนี้เราก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 6 อาทิตย์เท่านั้น ก็ต้องเริ่ม การถ่ายทำแล้ว และผมก็กำลังมีความรู้สึกเหมือนเซลซ์นิคตอนมองหาคนที่จะมาเป็นสคาร์เลทท์อย่างที่สุด”
เมอร์ลินไม่อยากขัดคอเขา ท่าทางของคริสโตเฟอร์ในยามนี้บอกให้รู้ถึงความมาดมั่นว่า หนังทุกเรื่องที่เขาเป็นผู้กำกับนั้นจะต้องเป็นงานระดับมาสเตอร์ พีซ ทั้งนั้น คริสโตเฟอร์กำลังเปรียบเทียบตัวเองกับ เดวิด โอ เซลซ์นิค ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “กอนด์ วิธ เดอะ วินด์” อันเป็นนิยายรักอมตะ แต่เขาคงจะเป็นบุคคลผู้นั้นไปไม่ได้ พอ ๆกับที่เธอไม่มีทางจะเทียบตัวเองกับวิเวียน ลีห์ ได้นั่นเอง
คริสโตเฟอร์กำลังมองหน้าเธออยู่ด้วยสายตาดุดันและสีหน้าบึ้งตึง
“พุทโธ่เอ๊ย อย่าทำหน้าอย่างนั้นหน่อยเลยน่า ผมไม่ได้ขอให้คุณไปนอนกับเขาสักหน่อย เพียงแต่ขอให้ไปพบแล้วก็พูดจาโน้มน้าวจิตใจให้เขายอมรับในตัวคุณให้ได้เท่านั้น ถ้าทำสำเร็จมันก็สิ้นเรื่อง”
เมอร์ลินแสร้งทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดของเขาในทำนองวิจารณ์การใช้ศิลปภายในห้องนอน เพื่อทำให้แบรนดอน คามิเกล ยอมให้เธอเล่นบทภรรยาของเขาในภาพยนตร์เรื่องที่กำลังจะสร้าง เธอรู้ว่าคริสโตเฟอร์ เดรค พร้อมที่จะขอให้เธอทำเช่นนั้น ถ้าเขาคิดว่ามันจะได้ผลตามที่ต้องการและเธอก็รู้ว่าคำตอบที่ตัวเองจะให้เขานั้นคืออะไร
“นี่เป็นคำสั่งอย่างนั้นหรือคะ” เธอถามเคือง ๆ
“ก็เขาเน้นอยู่เสมอนี่ว่า ถ้าใครจะเล่นเป็นตัวเมียเขาจะต้องให้เขาดูตัวก่อน ยโสฉิบ...เลยนายคนนี้”
“เขาต้องสูญเสียเมียไปนะ คริสโตเฟอร์... ”
“พุทโธ่ มันก็ตั้งสองปีแล้วละน่า” เขาทำเสียงเหมือนหมั่นไส้ “มันก็จริงอยู่หรอกที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยมากแต่...”
“เอ๊ะ คุณรู้จักเขาด้วยหรือคะนี่” เมอร์ลินถามอย่างสนใจ ซึ่งคริสโตเฟอร์ก็เพียงแต่ยักไหล่
“ผมเคยทำงานร่วมกับเขาอยู่สองครั้ง เมื่อเขาตายลงไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องเสียใจด้วยกันทั้งนั้น แต่เมื่อมาถึงเวลานี้เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นปี ๆ แล้ว”