5
Chapter 5
อัญชิตาเดินทางมาถึงที่บ้านของพินท์สุดา ท่าทีของอดีตเพื่อนทำให้พินท์สุดามองอย่างสงสัย เพราะวันนี้เพื่อนมาดีเกินไปจนไม่น่าไว้วางใจ
“อัญมาวันนี้จะมาบอกพินท์ว่ายังไงพี่พัทท์ก็รัก...” อัญชิตาพูดยังไม่ทันจบประโยค พินท์สุดาก็สวนขึ้นมาเสียก่อน
“เธอมาเพื่อจะบอกฉันแค่นี้เหรออัญ ฉันรู้แล้วว่าพี่พัทท์รักเธอ ไม่ต้องมาตอกย้ำก็ได้ ไสหัวกลับไปได้แล้ว”
“แต่อัญ”
“บอกให้กลับไปไง กลับไปได้แล้ว” พินท์สุดาผลักเพื่อนจนกระเด็น
“โอ๊ย!” อัญชิตาร้องด้วยความเจ็บเมื่อถอยหนีก็สะดุดขาหกล้มลงไปไม่เป็นท่า
“เธอทำอะไรห้ะพินท์สุดา” พัทท์มาถึงก็เข้ามาช่วยประคองอัญชิตาเอาไว้ อัญชิตาหลบไปทางด้านหลังของพัทท์ เมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของพินท์สุดา
“พินท์ไม่ได้ตั้งใจ เขาสะดุดขาหกล้มลงไปเอง” พินท์สุดาหน้าเสีย เมื่อกี้เธอโมโห รู้สึกว่าอัญชิตามาเยาะเย้ยเธอถึงที่บ้าน จะรักกันชอบกันก็ไม่ต้องมาบอกหรอก เธอรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร
“พอสักทีเถอะ พี่เห็นกับตาว่าเธอผลักอัญชิตาจนล้ม”
“พี่พัทท์คะ อัญหกล้มเองจริงๆ ค่ะ”
“พอเถอะอัญ จะไปเข้าข้างเขาทำไม!” พัทท์หันไปทำเสียงดุ อัญชิตาได้แต่อึกอักอ้ำอึ้ง
“พี่พัทท์!” พินท์สุดาส่ายหน้าไปมา มองตามร่างสูงที่อุ้มร่างของอัญชิตาออกไปอย่างรีบร้อนเพราะอีกฝ่ายเดินไม่ไหว
ร่างของพินท์สุดาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง มองมือตัวเองอย่างเสียใจ เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ปราชญ์นั่นเอง พี่ชายที่น่ารักทำให้เธอยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นเขา
“พี่ปราชญ์เข้ามาก่อนสิคะ”
“เป็นอะไรหน้างอขนาดนั้น”
“เปล่าหรอกค่ะ”
“แต่สีหน้าไม่สบายใจเลยนะ ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” เธอเกรงใจเขา ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจตามไปด้วย
“มีอะไรไม่สบายใจก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ คิดว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง เมื่อกี้ ตอนพี่เข้ามา เห็นคุณพัทท์อุ้มอัญชิตาออกไป”
“ไม่มีค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าทำหน้าหงิกแบบนั้นสิ” เขาโยกศีรษะของเธอไปมา
“ถ้าเรารักใครสักคน แล้วเขาไม่รักเรา เราก็ควรที่จะปล่อยเขาไปใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ เพราะถ้าเราอยากครอบครองแสดงว่าเราอยากเอาชนะ อยากได้เขามากกว่าจะรักเขาจริงๆ เขาไม่รักเรา นอกจากเราจะทุกข์ใจแล้ว เขาเองก็ทุกข์ใจตามไปด้วย มันทำให้เราไม่มีความสุข ปล่อยเขาไปครับ เหมือนที่พี่ทำไง”
“คะ?” เธอมองหน้าเขา
“พี่พูดตรงๆ เลยนะพี่แอบชอบพินท์มานานแล้ว แต่พินท์คิดกับพี่เพียงแค่พี่ชาย พี่ก็เลยถอยออกมาและคงสถานะพี่ชายเอาไว้ และพี่ชายคนนี้ก็อยากเห็นพินท์มีความสุข”
“ค่ะ” เธอรับคำ รู้สึกโหวงในอก ตัดใจจากพัทท์ไม่เคยได้เลยสักครั้ง แม้หลายครั้งคิดว่าเธอจะไม่ยุ่งกับเขาอีก แต่ก็อดห่วงใยเขาไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่สุดแทนจะทรมาน เนื่องจากเธอรู้สึกผิดกับตนเองที่ตอกย้ำว่าจะไม่ยุ่ง สัญญาว่าจะไม่ใส่ใจ แต่ก็ยังกลับไปวนเวียนอยู่ ณ จุดเดิม คือเป็นห่วงเป็นใย กลัวเขาโดนหลอก
“เรื่องคุณพัทท์เหรอ”
“ค่ะ”
“เขารักคนอื่นก็ปล่อยเขาไปครับ ฝืนไปก็มีแต่เจ็บ”
“พินท์ก็คิดว่าจะตัดใจค่ะ”
“คิดให้ดี ลองเขียนข้อดีกับข้อเสียดู เวลาพี่ทำอะไร พี่จะเขียนใส่กระดาษแบ่งเป็นสองฝั่ง ดีกับไม่ดี ถ้าทำสิ่งนั้นแล้วมีข้อดีมากกว่าก็ลุยครับ แต่ถ้าไม่ดีเราก็ควรถอยออกมา”
“ขอบคุณพี่ปราชญ์มากนะคะ”
“พี่ยินดีครับ แค่ทำให้พินท์มีความสุขพี่ก็มีความสุขด้วยครับ” เขาโยกศีรษะของเธอไปมาด้วยความเอ็นดู
ทางด้านพัทท์เขาพาอัญชิตากลับไปส่งที่บ้าน ก่อนจะเข้าไปสวัสดีบิดาของเธอ เขานับถือบิดาของเธอเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ท่านเดินไม่ได้ก็จริงแต่ใจแกร่งมาก ไม่ทำตัวให้เป็นภาระหรือเรียกร้องอะไรมากมาย แต่พยายามทำตัวให้มีประโยชน์ให้ได้มากที่สุด แถมยังสานตะกร้าขายหารายได้หาเลี้ยงครอบครัวช่วยลูกสาวอีกด้วย
“พี่พัทท์จะกลับไปหาเรื่องพินท์ก็ไปเถอะค่ะ อยากตอแยกับเขาทำไมต้องคิดแผนการวุ่นวายซับซ้อนด้วย พินท์คงจะแช่งชักหักกระดูกอัญอยู่แน่ๆ เลย” เธอส่ายหน้าไปมา บางทีพัทท์ก็ดูว่างงานเหลือเกินในความรู้สึก
“ขอบใจมากนะ” พัทท์กล่าวขอบใจก่อนจะยิ้มกริ่ม แต่อัญชิตานี่สิทำหน้าไม่ถูกเอาเสียเลย เขาเอ่ยลาหญิงสาวและบิดาของหล่อนก่อนจะขับรถกลับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ
พัทท์เดินเข้ามาในบ้านของพินท์สุดาแล้วหงุดหงิดทันทีที่เห็นหญิงสาวกำลังนั่งคุยอยู่กับปราชญ์ แล้วการถึงเนื้อถึงตัวนั้น ทำเอามือหนาต้องกำหมัดเข้าหากันแน่นด้วยความไม่พอใจ ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกันในวันนั้น พินท์สุดาพูดปฏิเสธออกมาเมื่อพิมพ์พิศถามอาจเพราะเธอมีใจให้ปราชญ์ เขาไม่อยากหน้าแตกก็ต้องทำวิธีนี้ จะเดินดุ่มๆ ไปขอแต่งงานได้ยังไง ก็เธอเล่นพูดออกมาแบบนั้นว่าไม่รักไม่ชอบ
พัทท์เดินกลับบ้านของตัวเองด้วยความกรุ่นโกรธ เขาผุดลุกผุดนั่งลุกขึ้นยืนสักครู่ก็เห็นปราชญ์ขับรถออกไป จึงไม่รั้งรอที่จะเดินกลับไปยังบ้านของคู่หมั้นสาวที่อยู่ติดกันอีกครั้ง
“ว้าย! พี่พัทท์” พินท์สุดาหันมาตามแรงกระชากก่อนจะร้องเสียงหลง นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ปล่อยพินท์นะคะ”
“อยากให้ปล่อยจริงๆ เหรอ” เขารู้สึกโกรธจริงๆ ที่กลายเป็นคนนอกสายตาของเธอแบบนี้
“ปล่อยนะคะพี่พัทท์ หยาบคายแบบนี้เลิกคุยกันไปเลย” เธอไม่ชอบที่เขาทำป่าเถื่อนกับเธอแบบนี้
“อ้อ... ที่เลิกคุยเพราะมีที่หวังใหม่”
“ที่หวังใหม่อะไรของพี่ พูดจาบ้าบอ” เธอพยายามสะบัดมือหลุดจากการเกาะกุม แต่มันไม่หลุดเขายิ่งบีบมันแรงขึ้นไปอีก
“พี่เห็นเธอนั่งออเซาะฉอเลาะอยู่กับไอ้ปราชญ์นั่น”
“พี่ปราชญ์แค่แวะมาหาค่ะ ไม่ได้ออเซาะฉอเลาะเหมือนอย่างที่พี่พูด” เธอว่าเขาปากคอสั่น
“แต่พี่เชื่อในสิ่งที่พี่เห็น แตะเนื้อต้องตัวกันขนาดนี้ ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะ พี่ไม่ชอบของเหลือเดนจากใคร” เขายอมรับว่าโมโหจริงๆ จะบอกว่าโมโหหึงก็ย่อมได้
“พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว เราถอนหมั้นกันดีกว่าค่ะ พี่ก็จะได้ไปหาอัญชิตาไม่ต้องให้เธอมาเล่นละครน้ำเน่าอีก”
“เขาไม่ได้เล่นละครน้ำเน่า เขามีความปรารถนาดีให้เธอจริงๆ” พัทท์ยังเล่นบทโหด เขาจำได้ว่าตอนเด็กๆ เธอเคยอำเขาหนักมาก เขาตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูกอยู่หลายวัน เพิ่งมารู้ว่าเธอแกล้งอำเขา บอกเขาว่าป่วยหนักต้องไปผ่าตัดและกำลังจะตาย เขาร้องไห้ฟูมฟายประสาเด็กคิดว่าเธอจะตายจริงๆ
“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ยายอัญไม่ใช่คนดี” เธอเลิกมองอัญชิตาในแง่ดีไปนานแล้ว
“อย่าเพิ่งตัดสินใจคนอื่นแค่สิ่งที่เห็นเลย”
“เหอะ!” เธอทำเสียงในลำคอ
“ทำเสียงแบบนี้ สีหน้าแบบนี้ คิดจะไปจับไอ้ปราชญ์แทนหรือไง อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย พี่ไม่ถอนหมั้นกับเธอ ให้เธอไปมีความสุขกับมันแน่ๆ”
“พี่พัทท์จะเอายังไงกันแน่คะ วกกลับมาพูดแต่เรื่องพี่ปราชญ์ พินท์จะถอนหมั้นให้พี่ ตามที่พี่ต้องการแล้วไงคะ พี่จะรั้งพินท์เอาไว้ทำไมอีก”
“พี่จะทำให้เธอกับหมอนั่นแยกจากกันให้ได้” เขานึกถึงวันที่เธอปฏิเสธก็เจ็บปวดหัวใจพิลึก คนแบบเขาไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด
“พี่ไปหมั้นกับอัญชิตาสิคะ จะได้ไม่ไปเที่ยวอิจฉาคนอื่น” เธอหงุดหงิดใจไม่น้อยกับประโยคชวนหาเรื่องของเขา
“พี่จะทำให้เธอไม่กล้าไปอ่อยผู้ชายหน้าไหนอีก” พินท์สุดาเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่าการคุยกันคนละเรื่องมันเป็นยังไง
“พี่พัทท์จะทำอะไร” พินท์สุดาถามอย่างหวาดระแวง สีหน้าแววตาของเขาดูไม่น่าไว้ใจ
“จะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ” เธอรู้สึกใจหายวาบเมื่อเขาจับเธออุ้มขึ้นพาดบ่า