2
Chapter 2
“ก็ถ้าเธอไม่ยั่วโมโหพี่”
“พินท์เปล่ายั่วโมโห พินท์พูดเรื่องจริง แต่พี่ไม่เชื่อเองต่างหากค่ะ”
“ไม่อยากหมั้นไม่อยากแต่ง ทำไมไม่พยายามบอกผู้ใหญ่ไปล่ะว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน”
“พินท์พยายามพูดแล้วอธิบายแล้ว แต่พี่พัทท์ล่ะคะเคยพยายามไหม ไม่เห็นปริปากสักคำ”
“พี่เป็นผู้ชายจะให้พูดออกไปได้ยังไง ก็พี่ทำจริงๆ”
“งั้นเราหมั้นกันก็ดีแล้วค่ะ พินท์ไม่อยากให้พี่กลับไปโดนอัญชิตาหลอกอีก เลยต้องหมั้นให้จบๆ กันไป” จริงๆ แล้วแม้เธอจะพยายามอธิบายเช่นไร ผู้ใหญ่ต้องไม่ยินยอมแน่นอนเพราะนี่เป็นโอกาสดีที่จะจับเธอกับพัทท์หมั้นและแต่งงานกันเพราะหมายมั่นปั้นมือมาตั้งนานแล้ว
“พูดดีจัง แสดงว่าถ้าเราจะอะไรๆ กันเธอก็ยินดีใช่ไหม” เขาวกกลับมาเรื่องเดิม ทำเอาเธอหน้าแดงซ่านไปหมด
“พี่พัทท์!” พี่ชายที่แสนดีของเธอคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายแบบนี้
“ตกใจทำไม หรือไม่อยาก...”
“พินท์น่าจะปล่อยให้พี่โดนอัญชิตาหลอกดีกว่ามาเข้าใจความปรารถนาดีของพินท์ผิดขนาดนี้”
“ถ้าปรารถนาดีจริงๆ ก็ต้องจับพี่ให้อยู่หมัดสิ” เขาขยับเข้าหาด้วยท่าทีคุกคาม
“อุ๊ย! พี่พัทท์ ปล่อยนะคะ” เธอดันอกกว้างของเขาแต่เหมือนดันหินผา ก้อนใหญ่อันหนักอึ้ง
“อยากให้ปล่อยจริงๆ เหรอ”
“พรุ่งนี้เราไปบอกผู้ใหญ่กันค่ะ ว่าเราจะถอนหมั้นกันดีไหมคะ” เขาหรี่ตามองเมื่อได้ยินเธอพูดประโยคนั้น
“จะมาไม้ไหนอีกล่ะ คนอย่างเธอเหรอจะยอมถอนหมั้นง่ายๆ ก็ไหนบอกว่าหวังดีจะช่วยพี่ แล้วทำไมถึงมาพูดกลับลำแบบนี้ล่ะ”
“พินท์ไม่ได้มาไม้ไหนหรอกค่ะ เราถอนหมั้นกันตอนนี้เลย เดี๋ยวพินท์จะเป็นฝ่ายไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่เอง จะอธิบายทุกอย่างเอง พี่คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ”
“ทำท่าทำทางอยากจะช่วยที่ไหนได้”
“แบบนี้ก็ดีแล้วนี่คะ พี่กับอัญชิตาจะได้รักกันแบบไม่มีอุปสรรคอีก”
“พูดแต่เรื่องคนอื่น แล้วใจเธอล่ะ” พัทท์ยอมรับว่าหงุดหงิดที่เธอเอาแต่ผลักไสเขาไปให้คนอื่น
“คุณพินท์คะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
“เดี๋ยวฉันออกไปจ้ะ” เธอตอบรับสาวใช้ ก่อนจะบิดแขนออกจากการ เกาะกุมของเขา
ท่าทีรีบร้อนออกไปต้อนรับแขกของพินท์สุดาทำให้พัทท์เดินตามออกไปดู
“พี่ปราชญ์กลับมาจากเชียงใหม่เมื่อไหร่คะ”
“หลายวันแล้วครับ พี่ซื้อของมาฝากเยอะแยะเลย”
พัทท์รู้จักปราชญ์ดี อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ของพินท์สุดาและเพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมของเขา อายุของเขากับปราชญ์นั้นรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นคู่แข่งกันในทุกๆ เรื่องเพราะเรียนที่เดียวกันมาตลอด เขาเลยไม่ชอบหน้าปราชญ์นัก
“ขอบคุณมากๆ นะคะ พี่ปราชญ์ไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“พี่ยินดีครับ” เขายิ้มหวานให้เธอ พินท์สุดาไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับเธออยู่ แต่เธอนับถือปราชญ์เหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น
“พอเห็นผู้ชายก็อี๋อ๋อหน้าบานเชียวนะ” พัทท์กระซิบที่ริมหูของคู่หมั้นสาว เขายังปักหลักอยู่ที่เดิม สร้างความร้าวฉานคืองานของเรา เขาไม่มีทางยอมให้ผู้ชายคนไหนมาจีบเธอได้สำเร็จอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปราชญ์ คนที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
“นายซื้อของอะไรมาฝากคู่หมั้นของฉันเยอะแยะเลย” พัทท์เดินมากุมไหล่บอบบางของพินท์สุดาเอาไว้ด้วยท่าทีหวงแหน ก่อนจะเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้า
“คู่หมั้น” ปราชญ์มองหน้าหญิงสาวอย่างมีคำถาม พินท์สุดาพยายามแกะมือแข็งๆ ที่กุมไหล่ของเธอออกไป แต่เขาไม่ยอมปล่อยโดยง่าย แถมยังทำหน้ายียวนกวนประสาทเสียอีกด้วย
“นายไปทำงานเชียงใหม่นานแรมเดือนคงไม่รู้ว่าฉันกับพินท์สุดาเราหมั้นกันแล้ว และกำลังจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้” พัทท์พูดแล้วมีท่าทียิ้มเยาะ
“จริงเหรอครับน้องพินท์” ปราชญ์เอ่ยถามอย่างตกใจไม่น้อย แม้จะรู้ดีว่าหญิงสาวไม่ได้คิดกับเขาดั่งเช่นคนรัก แต่เขาก็ยังคิดหวังเพราะเธอยังไม่มีใคร พอได้ยินพัทท์พูดเช่นนี้ หัวใจของเขาก็แทบสลาย คำว่ายังมีหวังมลายหายไปแทบหมดสิ้น
“จริงค่ะ แต่เรากำลังจะถอน...” พินท์สุดาพูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้ายังไงวันแต่งฉันจะไปเรียนเชิญนายด้วยตัวเอง”
พินท์สุดาทำท่าจะบอกว่าเธอกำลังจะถอนหมั้น แต่พัทท์แย่งพูดเสียก่อน เขามองเธออย่างเป็นต่อ สีหน้ายียวนกวนประสาทยิ่งนัก เธอรู้ว่าเขาแกล้ง จึงเลื่อนมือไปบิดเอวหนาของเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!” เขาเผลอร้องออกมาเสียงดัง จนปราชญ์ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่พินท์สุดาสะใจเป็นอันมาก
พัทท์ปล่อยมือหนาจากไหล่บอบบางแทบจะทันที ในจังหวะนั้นเธอก็หนีออกจากอ้อมแขนของเขาได้สำเร็จ พัทท์มองอย่างคาดโทษ แต่พินท์สุดาหาได้ ใส่ใจไม่
“พี่ปราชญ์เชิญด้านในก่อนนะคะ”
“เรากำลังคุยเรื่องแต่งงานกันอยู่น่ะ กำลังจะเลือกของชำร่วย เลือกการ์ดแต่งงานและอะไรอีกหลายอย่างเลย นายมาก็ดี
เหมือนกัน จะได้ช่วยกันเลือก”
พัทท์ปั้นน้ำเป็นตัว พินท์สุดาถลึงตาใส่เขา แต่ชายหนุ่มยักไหล่ยียวนกลับไป เธอละอ่อนใจกับเขาเสียเหลือเกิน เพราะพัทท์กับปราชญ์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน
“ตามสบายเถอะ” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเมื่อเห็นท่าทีหวงแหนคู่หมั้นของพัทท์
“พี่ปราชญ์คะ” พินท์สุดารู้สึกสงสารสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่ายนัก เธอจึงรีบเรียกเขาเอาไว้ก่อน ไม่ได้อยากให้ความหวัง แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่แสนดี คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด เธอจึงอยากถนอมน้ำใจของเขาเอาไว้ และควรเป็นคนบอกเรื่องของเธอกับเขาด้วยตนเอง ดีกว่าให้พัทท์มาพูดจาเยาะเย้ยเอาแบบนี้
“เชิญ” พัทท์ผายมือไปที่ประตูเหมือนเป็นการไล่ทางอ้อม ปราชญ์ฝืนยิ้มให้พินท์สุดาก่อนจะเดินคอตกจากไป
“พี่พัทท์ทำแบบนี้ทำไม เรากำลังจะถอนหมั้นกันไม่ใช่เหรอคะ” ก็ไหนเขาหาเรื่องเธอตลอด แล้วทำไมถึงมาพูดจาแบบนี้กันล่ะ
“เธอยังทำให้พี่ผิดใจกับอัญชิตาได้เลย พี่จะทำบ้างก็ไม่เห็นแปลกอะไร”
เขาพูดยียวนกวนโมโห
“พี่พัทท์!” เธอเรียกเขาอย่างอ่อนใจ
“มาคิดๆ ดู พี่ยังไม่ถอนหมั้นกับเธอตอนนี้ดีกว่า นายปราชญ์กับเธอจะได้ทรมานเล่น รักกันมากไม่ใช่เหรอ มองกันตาหวานซึ้ง”
เธออยากจะอธิบายให้เขาฟังว่าปราชญ์ไม่ได้เป็นคนรักของเธอ แต่เปล่าประโยชน์ เขาอยากเชื่อแบบนั้นก็แล้วแต่เขา
“เราควรถอนหมั้นกันค่ะ พี่จะได้ไปหาอัญชิตา จะยื้อหมั้นกับพินท์ไปทำไมกันคะ อัญชิตาจะเสียใจเปล่าๆ เดี๋ยวเขาก็คิดฆ่าตัวตายเอาหรอก” เธอแดกดันเขา เขาห่วง เขารักของเขา ก็อย่ามายุ่งกับเธออีกเลย
“อัญชิตาเขาเป็นคนมีเหตุผล”
“สรุปพี่จะเอายังไงคะ พินท์จะได้ทำตัวถูก”
“ผู้ใหญ่เพิ่งรับรู้ว่าเราหมั้นหมายกัน ถอนหมั้นตอนนี้พวกท่านจะตกใจเสียเปล่าๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าพี่อยากถอนหมั้นเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ” เธอหมุนร่างเดินหนี แต่เขารั้งแขนเอาไว้
“ระหว่างที่เธอหมั้นอยู่กับพี่ ห้ามอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่น
โดยเฉพาะนายปราชญ์นั่น”
“งั้นระหว่างนี้พี่ก็ห้ามอี๋อ๋อกับอัญชิตาเหมือนกัน ได้ไหมล่ะ
คะ” เธอก็ไม่ยอมเขาเหมือนกัน มาห้ามโน่นห้ามนี่ เขาก็ต้องห้ามทำเหมือนกันสิ
“พี่ไม่เคยอี๋อ๋อ อัญชิตาเขารักนวลสงวนตัว ไม่เคยให้พี่ล่วงเกินมาก่อนเขาเป็นคนดี”
“อ้อ... เหรอคะ แสดงว่าพินท์เป็นคนเลวงั้นสิ”
“เธอพูดเอง พี่ไม่ได้พูด”
“ถ้าพี่พัทท์จะเอาอย่างนี้ก็ได้ค่ะ แต่พินท์ไม่เคยทำอะไรเสียหายกับพี่ปราชญ์ พี่ปราชญ์เป็นสุภาพบุรุษและไม่เคยล่วงเกินอะไรพินท์เลยสักครั้งเดียว”
“พี่ขอสั่งห้าม แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน” เธอมองสบตาเขาก่อนจะหลบวูบ คุยกันไปก็มีแต่จะบาดหมางกันเสียเปล่าๆ
“พี่พัทท์คะ” เสียงหวานของอัญชิตาทำให้ทั้งสองหันไปมอง พัทท์รีบปล่อยแขนพินท์สุดาโดยไว แล้วร่างสูงก็เดินไปหาแขกผู้มาใหม่อย่างรวดเร็ว พินท์สุดาเบือนหน้าหนี เมื่อพัทท์เห็นว่าอัญชิตาสำคัญกว่าเธอ