บทที่ 1 พ่อมหาจำเริญ
“ พี่ดินคะ พระมาแล้วค่า ” เสียงหวานใสของเด็กสาววัยสิบเก้าปีในชุดนักศึกษาตะโกนร้องเรียกพี่ชายดังลั่นอยู่หน้าซุ้มร้านขายกาแฟและเครื่องดื่มหน้าทาวน์เฮ้าส์หลังเล็ก
“ ยัยน้ำ พี่สอนกี่ครั้งแล้วว่าอย่าตะโกนเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย มันไม่เรียบร้อยกุลสตรีเขาไม่ทำกันแบบนี้ ทำไมไม่เดินเข้าไปเรียกพี่ดี ๆ ฮึ ” ดิน หรือบดินทร์บ่นน้องสาวเบา ๆ ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินถือถาดที่มีขันเงินใบใหญ่บรรจุข้าวสวยร้อน ๆ อยู่ภายในและกับข้าวหนึ่งถุง เป็นแกงจืดตำลึงที่เขาตื่นขึ้นมาทำเองกับมือตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมใส่บาตรพระ เป็นกิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ ด้วยความที่เขาเกิดในครอบครัวที่แสนจะเข้มงวด พ่อเป็นกำนันอยู่ต่างจังหวัดแม่เป็นแม่บ้านแม่เรือนมีความเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว จึงถูกปลูกฝังให้เป็นคนเรียบร้อยและหัวโบราณไปด้วย เขาบวชเรียนตั้งแต่เด็กเพราะพ่อกำนันไปดูดวงกับพระ หากว่าลูกชายไม่บวชอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์จะมีอันเป็นไป ให้ผ่านพ้นวัยยี่สิบขวบปีจึงจะสึกออกมาได้ ชีวิตเขาจึงอยู่ในศีลในธรรมเสมอมา
แต่แล้วเขาก็ต้องลาสิกขาบทออกมาเพราะไปเกณฑ์ทหารแล้วจับได้ใบแดงเสียนี่ หากแต่พ่อกำนันกลับเข้าใจไปว่า คงเป็นเพราะโชคชะตาตามที่พระท่านได้ทำนายเอาไว้ คงถึงเวลาที่เขาต้องสึกออกมาใช้ชีวิตทางโลกจริง ๆ เสียที
“ เจ้าค่ะคุณพี่ชายสุดหล่อพ่อมหาจำเริญ อิฉันจะไม่ร้องตะโกนโหวกเหวกอีกแล้ว เพราะว่ามันไม่งามใช่มั้ยเจ้าคะ ” น้ำมนต์ จีบปากจีบคอพูดประชดพี่ชายเจ้าระเบียบราวกับว่าเป็นคุณยายแก่ ๆ ก็ไม่ปาน ทั้งที่บดินทร์เป็นชายหนุ่มรูปงามออกปานนี้ แถมยังมีหุ่นที่แสนจะสมาร์ทมาดแมนแฮนซั่ม และมีสาว ๆ หลายคนในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้อยากจะซั่มเขาใจแทบขาด ทว่าเอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่มีใครถูกใจบดินทร์เลยสักคน จนอายุอานามปาเข้าไปยี่สิบแปดปีก็ยังไม่เคยมีแฟน น้ำมนต์ได้แต่คิดในใจว่า
“ ผู้หญิงคนไหนกันนะที่จะเป็นผู้โชคดีได้เจาะไข่แดงพี่ชายเรา ” เธอคิดแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างขบขัน
“ ดีมาก เป็นผู้หญิงต้องมีมารยาท เดี๋ยวใครเขาจะว่าเอาได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน มัวอมยิ้มอะไรอยู่ มาใส่บาตรสิจะได้ไปเรียน ” บดินทร์ยังคงสั่งสอนน้องสาวโดยไม่อินังขังขอบว่าน้ำมนต์จะประชดหรือไม่ ผู้เป็นน้องได้แต่กลอกตามองบนอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับนิสัยที่แก้ไม่หายของพี่ชายสุดที่รักดี
สองพี่น้องใส่บาตรพระที่หน้าร้านกาแฟเล็ก ๆ ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยบดินทร์จึงขับรถไปส่งน้องสาวที่มหาวิทยาลัยก่อนจะกลับมาเปิดร้านขายกาแฟใช้ชีวิตเรียบ ๆ เรื่อย ๆ แบบนี้เสมอมา
จนกระทั่ง…
รถกระบะสองคันบรรทุกของมาเต็มคันรถ ขับมาจอดหน้าเทาน์เฮาส์หลังติดกันกับบ้านของบดินทร์ เขามองดูหนุ่มสาวสามคนส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวพลางช่วยกันขนของลงจากรถเข้าไปในบ้าน
“ คงจะเป็นคนมาเช่าอยู่ใหม่ล่ะมั้ง ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วก้มหน้าก้มตาจัดร้านต่อไป ครอบครัวของเขาตั้งรกรากอยู่ต่างจังหวัดพ่อเป็นกำนันและมีที่ไร่จำนวนนับพันไร่ให้คนเช่าทำไร่อ้อย อีกทั้งแม่ยังสืบทอดกิจการเจ้าของตลาดมาจากคุณยายเรียกว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอกก็ยังได้ ถึงไม่ทำมาหากินอะไรเขากับน้องก็ไม่ลำบากมีกินไปตลอดชีวิต
แต่พอน้องสาวเอ็นทรานซ์ติดที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ความที่พ่อแม่เป็นห่วงและหวงลูกสาวมากจึงให้เขาผู้เป็นพี่ชายมาอยู่คอยดูแล บดินทร์จึงมาเช่าทาวน์เฮ้าส์อยู่กับน้องและเปิดร้านขายกาแฟเล็ก ๆ หารายได้เล็กน้อยเพื่อฆ่าเวลาไม่ให้อยู่ว่างไปวัน ๆ
“ เฮ้ยฟ้า บ้านข้าง ๆ มีร้านขายกาแฟด้วยว่ะ พวกน้ำปั่นก็น่าจะมี ไปซื้อน้ำมาเลี้ยงหน่อยสิวะ หิวน้ำจะแย่อยู่แล้วเนี่ยอุตส่าห์มาขนของช่วยอย่างกกะเพื่อนไปเร็ว ๆ ” ทอม เพื่อนชายที่ไม่ใช่ชายแท้ร้องบอกฟ้ารุ่ง เมื่อช่วยกันขนของลงไปในบ้านจนเสร็จเรียบร้อย แล้วพากันมานั่งพักที่ระเบียงหน้าบ้านด้วยอาการเหงื่อซึมกันทุกคน
“ เออใช่ ปะ เดี๋ยวต่ายไปด้วย เมื่อกี๊แอบมองเห็นเจ้าของร้านเป็นผู้ชายด้วยนะ มองไกล ๆ คล้ายว่าจะหล่อต้องไปส่องดูใกล้ ๆ ซะหน่อยแล้ว ” กระต่ายเพื่อนสาวที่ทำงานที่เดียวกันเอ่ยปากชวนอย่างกระดี๊กระด๊า รีบคว้าแขนฟ้ารุ่งลากไปยังร้านกาแฟของบดินทร์ทันที
