บทที่ 14 เจ้าเป็นคนหรือเผ่ามารปีศาจอสูร
"เมื่อไหร่นะถึงจะพ้นป่านี้ไปสักที ทั้งหิวน้ำหิวอาหารจะแย่อยู่แล้ว"
หญิงสาวได้แต่กล่าวพึมพำเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่กำลังอ่อนแรงทั้งอ่อนล้า จนเรียกได้ว่าเธอแทบจะไม่มีแรงที่จะทรงตัวเดินต่อไปได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ในทันใดนั้นใบหูของเธอได้ยินเสียงของม้าที่กำลังวิ่งมุ่งหน้ามาแต่ไกล ทำให้เธอต้องหยุดเดินงีบหูฟังว่าเสียงมาจากทางไหน ยกไฟฉาย
จนสุดแขนพยายามส่งสัญญาณส่ายไปมาเพื่อให้คนเห็นหากว่ามีคนนั่งอยู่บนหลังม้าตัวนั้น เธอรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีตะโกนออกไปสุดเสียง
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยฉันอยู่ตรงนี้"
เสียงตะโกนซ้ำ ๆ ของหญิงสาวร่วมกับแสงของไฟฉาย ทำให้ ชายชราผู้ที่นั่งอยู่บนเกวียนม้า ถึงกับต้องชะลอกับแสงไฟที่เห็นอยู่ลิบ ๆนั่น
"มันแสงอะไรกันถึงได้เป็นสีขาว แต่ตะเกียงของดินแดนเรามีแต่สีส้มแดงแต่แสงนั่นช่างเขานวลยิ่งนัก"
"ไอ้เฒ่าหวัง… เจ้าพึมพำอะไรกัน"
"เมียข้าเจ้าดูแสงข้างหน้านั่นสิ เจ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นหรือไม่"
"แสง… แสงไฟนั่นช่างเขานวลนัก มีตะเกียงแสงแบบนี้ด้วยหรือไอ้เฒ่าหวังหรือว่านั่น จะเป็นเผ่ามารอสูรปีศาจที่หลุดเข้ามาในดินแดนของเรา ถึงได้ส่องแสงเป็นสีขาวนวลลอยไปลอยมาเช่นนี้"
หญิงวัยชราที่เส้นผมขาวไปเกือบทั้งศรีษะสวมเสื้อผ้าอยู่ในชุดจีนโบราณเนื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่เช่นเดียวกับสามีของเธอ ที่เป็นผู้นั่งบังคับม้าอยู่บนหน้าเกวียน
"เดี๋ยวเราก็ได้รู้แน่ รอให้ข้าไปให้ถึงใกล้ ๆ แสงนั่นก่อน"
"แล้วถ้าเกิดสิ่งนั้นเป็นมารอสูรปีศาจล่ะ พวกมันจะไม่จับเราไปเป็นอาหารหรือไอ้เฒ่าหวัง"
"เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน ข้าจะให้ม้าหยุดอยู่ตรงนี้ข้าจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูก่อนว่าแสงนั่นคืออะไร"
แต่ในทันใดนั้นเมื่อม้าชะลอหยุดลง ชายวัยชราและภรรยาของเขาก็ได้ยินเสียงที่ตะโกนออกมาจากแสงไฟนั่น ถึงแม้จะเบานักแต่ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน แม้จะฟังไม่ออกว่าเสียงผู้หญิงที่ได้ยินกำลังตะโกนว่าอะไร
"เจ้าได้ยินอย่างที่ข้าได้ยินหรือไม่"
"ใช่ข้าได้ยิน เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงเสียงนางช่างใสราวกับเสียงแก้วยิ่งนัก"
"ไอ้เฒ่าหวังข้าว่าเจ้าทำตามอย่างที่เจ้าบอกเถอะ ไม่เช่นนั้นเราสองคนก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนหรือปีศาจ"
"อืม… ได้ข้าจะเข้าไปดูเอง เจ้ารออยู่ที่นี่เงียบ ๆ หากนางเป็นปีศาจข้าจะรีบกลับมาแล้วเราหันรถม้าย้อนกลับไปทางเดิมก่อน แต่หากนางเป็นคนข้าก็ยังสงสัยว่านางจะมาอยู่ในป่าแห่งนี้เพื่ออะไรกัน"
"งั้นเจ้ารออยู่นี่ข้าจะไปดูก่อน"
ชายวัยชราค่อย ๆ ย่องเดินไปใกล้ ๆ จุดที่สามารถมองเห็นแสงไฟในระยะใกล้ได้ แต่ชายวัยชราก็ต้องตกใจเมื่อไปถึงจุดนั้น
"นั่นมันใช่คนหรือนั่น ทำไมใบหน้าของนางถึงช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก"
เพราะในตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาว ผมเผ้ายุ่งเหยิงขี้ดินเปอะเปื้อนใบหน้าตามเนื้อตามตัว บวกกับแสงไฟจากไฟฉายที่กระทบกับผิวขาวนวลเนียนในบางส่วนที่ไม่เปื้อนดิน จึงทำให้สายตาที่ฝ้าฟางของชายวัยชรามองว่าเธอเป็นคนอัปลักษณ์หรือผีมารปีศาลกันแน่ แต่ในทันใดนั้นขณะที่ชายวัยชรากำลังตกใจเผลอไปเหยียบหญ้าที่เป็นก้อนหินมีความบางจนหัก
"ตุ๊บ"
"นั่นเสียงอะไรกัน"
หญิงสาวรีบหันกลับไปมองทางด้านหลังพร้อมกับเอาไฟฉายส่อง ก็ถึงกับตัวเย็นตาค้างตกใจด้วยเช่นกันเพราะสิ่งที่เธอเห็นคือชายวัยชราผมยาวสีขาวยาวถึงปั้นเอว ผูกมัดด้วยเครื่องประดับชิ้นเล็กแต่งกายในชุดจีนโบราณสีเทากลางเก่ากลางใหม่ที่กำลังมองมาทางเธอ ด้วยใบหน้าที่อ้าปากค้างเหมือนตกตะลึงด้วยเช่นกัน
"เจ้า!.. เจ้า!... เป็นปีศาจเจ้าเป็นปีศาจหรือหญิงอัปลักษณ์กันแน่"
"คุณลุงท่านเป็นคนจริง ๆ เหรอคะ หนูนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอคนแล้วซะอีก"
หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาชายแก่ชราพุ่งเข้าไปกอดด้วยความดีใจ เพราะเธอคิดว่าความหวังของเธอก็คงจะหมดแล้ว เพราะเธอเดินมาตั้งนานก็ไม่เห็นสิ่งใดเลย
"ปล่อยข้า… ปล่อยข้านะ! " ชายวัยชราร้องโวยวายขัดขืนผลักสาวน้อยถึงกับล้มลงกับพื้น
"ช่วยด้วยค่ะ คุณลุงหนูหลงทางกับเพื่อน แต่จู่ ๆ หนูก็มาสลบอยู่ที่นี่แถมป่าแห่งนี้ก็ช่างน่ากลัว โชคดีของหนูจริง ๆ ที่ได้เจอกับคุณลุง ว่าแต่ทำไมคุณลุงถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ หรือว่าคุณลุงกำลังมาถ่ายทำละครที่นี่กันอยู่"
"เจ้า! เจ้า! พูดอะไรของเจ้า ข้าฟังที่เจ้าพูดไม่ออกหรอก เจ้าคงเป็นหญิงบ้าใบ้เสียสติสินะถึงพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง"
"คุณลุง! คุณลุงฟังหนูไม่เข้าใจเหรอคะ คุณลุงพูดภาษาไทยได้หรือเปล่า"
หญิงสาวถึงกับน้ำตาเอ่อคลอเพราะเหมือนคำพูดของเธอ ชายผู้แต่งตัวด้วยชุดจีนโบราณจะฟังเธอไม่ออกแม้แต่คำเดียว แถมยังยกมือชี้ใส่หน้าเธอเหมือนกำลังกล่าวว่าเธออยู่ด้วยซ้ำ แต่ในทันใดนั้นชายวัยชราก็รีบหันหลัง แล้วเดินจากไปเพื่อไปขึ้นรถม้าของตนเองอย่างไม่สนใจหญิงสาว
"คุณลุงคะช่วยหนูด้วยค่ะอย่าทิ้งหนูเอาไว้ที่นี่ รอหนูด้วย… ขอหนูไปกับคุณลุงด้วยนะคะ รอหนูด้วยค่ะ!"
หญิงสาวเมื่อเห็นชายวัยชราหันหลังเพื่อที่จะเดินจากไป ก็รีบวิ่งตามหลังของชายชราไปทันทีอย่างไม่คิดที่จะรอช้า
"หยุดนะ!... ใครอนุญาตให้เจ้าตามข้ามา หน้าตาของเจ้าการแต่งกายของเจ้าก็ช่างอัปลักษณ์หรือเจ้าเป็นอสูรที่หลงเข้ามาในดินแดนของเรา ถึงได้แต่งกายอัปลักษณ์เช่นนี้ แล้วนั่นสิ่งที่เจ้าถือในมือดินแดนของข้าก็ไม่เคยมีใครมีสิ่งของเหล่านี้ ยกเว้นแต่เจ้าจะเป็นบุคคลภายนอกดินแดนลี้ลับเข้ามาเท่านั้น"
ชายวัยชราหยุดเดินและหันหลังมากล่าวกับเธออีกครั้งด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวนิด ทๆ แต่ก็ยังพยายามที่จะพูดกับหญิงสาวอีกครั้ง ในขณะที่เธอฟังคำพูดของชายชราไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ไม่รู้ว่าชายวัยชรากำลังกล่าวอะไรกับเธอกันแน่
"คุณลุงพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่าคะ ในเมื่อคุณลุงพูดภาษาไทยไม่ได้ "
ทันทีที่หญิงสาวกล่าวประโยคนี้ของตนเองจบลง ชายวัยชราก็รีบยกมือทั้งสองข้างส่ายไปมา พร้อมกับใบหน้าที่ส่ายตามไปด้วย เพื่อส่งสัญญาณให้เธอรู้ว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอสื่อสารออกมาเลย
