บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 กอดฉัน

ไม่กลัวว่าใครจะล้อ เธอกับตาณรักกันมา 4 ปี เคยแค่จับมือ กอด จูบ ก็แค่จูบใบหน้า

อืม เธอรู้สึกว่าการจูบปากต่อปากนั้น...ทำให้เธอคลื่นไส้

ดังนั้นเธอจึงไม่เคยจูบกับตาณ

เพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต

ยศพัฒน์ยิ้ม “ตามเงื่อนไขของเธอ เพราะถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานจึงไม่กล้ากลับบ้าน ซึ่งพบเห็นได้ยากในโลกใบนี้นะ”

เทวิกาบ่น “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ฉันยังไม่เจอคนที่ชอบเลย คบกับตาณมาสี่ปี มันก็ต้องมีความรู้สึกอะไรบ้าง ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันจะแต่งงานกับตาณ แต่ใครก็คงรู้แล้วว่าเขาเลือกที่จะเกาะคนรวยเพื่ออนาคต”

แม่คิดว่าเธออกหักจากตาณถึงได้ไม่อยากแต่งงาน แต่มันยังมีองค์ประกอบหลายอย่าง

“ถ้าเคยเจ็บ ก็จะไม่กล้าลองอีก”

เมื่อพูดถึงตาณ เทวิกามักจะคิดถึงความสัมพันธ์สี่ปีของเธอกับตาณ รู้สึกว่าตาณนั้นแปลกๆ ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้สึก กระทั่งหลังจากเลิกกันถึงได้เริ่มมีความคิดเข้ามา

ต้องเป็นเพราะเขาจับปลาสองมือแต่แรก จึงทำตัวแปลกๆ เวลาอยู่กับเธอ

ไอ้ผู้ชายเวรนั่น ยังจะหน้าด้านกลับมาหาเธออีก!

ดังว่าสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ต่อให้เธอไม่ได้แต่งงาน เธอก็จะไม่กลับไปคบกับตาณอีกแล้ว

“พี่พัฒน์ เราอย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกเลย ตราบใดที่แม่ไม่ปล่อยฉัน ฉันก็จะเงียบอยู่อย่างนี้แหละ”

ยศพัฒน์พูดด้วยรอยยิ้ม “มีฉันอยู่ รับประกันเลยว่าคุณน้าจะไม่นัดบอดให้เธออีก วางใจเถอะ เรารู้จักกันมาสิบเอ็ดปีแล้ว รู้จักรากเหง้าเป็นอย่างดี คุณน้าต้องพอใจในตัวฉันมากแน่นอน”

แค่กลัวว่าพี่ชายภรรยาจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขาต่อหน้าแม่ยาย

ชเนนทร์ถือว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้น แต่เขากลับแต่งงานกับน้องสาวสุดหวงของชเนนทร์

ใครใช้ให้ชเนนทร์เอาแต่พูดถึงน้องสาวไม่เว้นแต่ละวันล่ะ เขาเลยอยากรู้อยากเห็นและจงใจตามชเนนทร์ไปโรงเรียนด้วยรถไฟความเร็วสูง

ครั้งแรกที่เห็นเทวิกา เธอเป็นเด็กอายุ 13 ปี ค่อนข้างขี้กลัว แต่มีมารยาทมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นสาวน้อยที่น่ารักจริงๆ

หลังจากที่ได้เห็นหลายครั้ง เขาเพียงแค่...เก็บเป็นความลับไว้กับตัว ไม่สามารถพูดออกมาได้ อย่างน้อยก็ยังพูดออกมาไม่ได้ในตอนนี้

“ฮ่าฮ่า”

เทวิกาหัวเราะ

รู้จักรากเหง้า?

นอกจากรู้จักชื่อเขาและรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพี่ใหญ่ เธอไม่รู้อะไรอีกเลย

จักรยานยังคงจอดอยู่ที่เดิม เทวิกาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “โชคดีที่จักรยานยังอยู่ รอหลังจากกลับมา พี่ควรนำจักรยานไปไว้บ้านป้าปลาที่อาศัยอยู่ชั้นหนึ่ง ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นมา รถของพี่จะกลายเป็นรถคนอื่น”

“โจรมันจะบ้าระห่ำนาดนั้นเลยเหรอ”

“คนที่ชอบฉกฉวยเวลาคนเผลอก็ยังมี”

ยศพัฒน์ “………”

เขาปลดล็อกรถ ขึ้นจักรยาน เทวิกาขึ้นนั่งเบาะท้ายรถโดยอัตโนมัติ

“กอดฉัน!”

ยศพัฒน์ร้องขอ

เทวิกาชะงัก

“ฝึกไว้ไง”

เทวิกาส่งเสียงว่าอ๋อ แล้วยื่นมือคล้องรอบเอวเขาเบาๆ

“เทวิกา แบบนี้มันง่ายที่จะตกนะ เธอกอดแน่นๆ หน่อย”

“ฉัน ฉันจับเสื้อผ้าพี่ก็พอ”

ยศพัฒน์หันหน้ามายิ้ม “ถ้าไม่ระวังแล้วรถล้ม เสื้อของฉันก็อาจจะขาดนะ ฉันมีแค่สองชุด ต้องใส่ไปทำงาน”

เทวิกามุ่ยปาก ต้องกอดเอวเขาแน่นอย่างไม่มีทางเลือก

ผู้ชายหน้าเนื้อใจเสือคนนี้ พอใจที่จะขี่จักรยานพาภรรยากินลมชมวิว อ้อ ไม่ใช่ พาไปทานข้าว ฉลองวันแห่งการสิ้นสุดวันคนโสดของพวกเขา

……

บ้านตระกูลวาชัยยุง

“คุณแม่ คุณแม่ครับ”

ชเนนทร์ลงจากแท็กซี่แล้ววิ่งเข้าบ้าน วิ่งไปร้องเรียกแม่ไป

คนขับแท็กซี่ยิ้มและพูดกับตัวเอง “นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้ชายที่โตแล้ววิ่งกระตือรือร้นกลับบ้าน ร้องเรียกหาแม่ก่อนจะเข้าประตู”

บางทีคงเป็นลูกแหง่ติดแม่

ชเนนทร์ซึ่งถูกคนขับแท็กซี่สงสัยว่าเป็นลูกแหง่ติดแม่นั้นไม่สนใจสิ่งเหล่านี้

เขาออกไปทำงานนอกเมืองยังไม่ทันเสร็จเรื่อง ได้รู้ว่าน้องสาวกับยศพัฒน์จดทะเบียนสมรสกันแล้ว และน้องสาวก็ไม่ยอมพูดทางโทรศัพท์ให้ชัดเจน เขาจึงร้อนใจ

จึงมอบหมายงานให้เพื่อนร่วมงานแล้วซื้อตั๋วเครื่องบินบินกลับมาในไม่กี่ชั่วโมง

“คุณแม่ๆ อยู่บ้านไหมครับคุณแม่!”

ชเนนทร์วิ่งเข้าไปในบ้านและตะโกนเสียงดัง

พิชญ์สินีสวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถือตะหลิว เมื่อเห็นลูกชายก็ดุทันที “เรียกอะไรซะลั่น มีผีไล่ตามหลอกหลอนแกมาหรือไง เข้าบ้านมาก็ร้องหาแต่แม่ๆๆ แกออกไปทำงานไม่ใช่เหรอ งานเสร็จแล้วหรือไง ออกไปทำงานตั้งนานก็ไม่พาแฟนกลับมาด้วย แกคิดว่าแกยังเด็กเหรอ ปาเข้าไปจะสามสิบแล้วนะ”

สิรภพที่กำลังดูทีวีอยู่ในห้องโถงเพียงแค่เหลือบมองภรรยาและลูก ก่อนจะดูทีวีของเขาต่อไป

ชินแล้ว

ส่วนคนแก่อีกสองคนแสร้งหูหนวกเป็นใบ้ ไม่แม้แต่จะมองลูกหลาน

ไม่พาหลานสะใภ้กลับมาแล้วจะต้องมองทำไมล่ะ

พวกเขามองหน้าหลานชายมายี่สิบเก้าปีแล้ว

อาจเพราะชเนนทร์เคยชินกับการถูกด่า เขาวางกระเป๋าเดินทางของตัวเองไว้บนโซฟา แล้วเดินไปชงชาดื่มเองก่อน

หลังจากทำให้ชุ่มคอแล้ว เขาจึงพูดกับแม่ว่า “คุณแม่ชอบเร่งให้แต่งงานอยู่นั่นแหละ ผมยังไม่ถึงสามสิบเลยนะ คิดว่าผมไม่อยากพาสะใภ้กลับมาแต่งงานเพื่อปิดปากคุณแม่เหรอ แต่ปัญหาคือผมยังไม่เจอคนที่ชอบ แล้วจะแต่งงานได้ยังไง”

“วันๆ คุณแม่เอาแต่เร่งๆๆ เร่งจนเทวิกาเกิดเรื่องแล้ว”

“เคร้ง”

เสียงหนึ่งดังขึ้น

ตะหลิวในมือพิชญ์สินีตกพื้น

สามคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ยืนขึ้นพร้อมๆ กัน หันมามองชเนนทร์พร้อมๆ กัน และถามอย่างร้อนใจพร้อม ๆ กัน “เทวิกาเกิดเรื่องอะไร”

พิชญ์สินีถึงกับคว้าเนคไทของลูกชายอย่างหุนหันพลันแล่น ดึงเข้ามาใกล้และเร่งรีบตะคอกถาม “ชเนนทร์ แกบอกมาเร็วๆ น้องสาวแกเกิดเรื่องอะไร รู้ใช่ไหมว่าน้องสาวเกิดเรื่อง แกถึงได้กลับมากะทันหัน”

ชเนนทร์ “คุณแม่ปล่อยมือก่อนได้ไหม ผมกำลังจะโดนรัดคอตายแล้ว”

ทั้งครอบครัวถือว่าน้องสาวเป็นแก้วตาดวงใจ

ตอนเด็กเวลาเขาล้มไม่มีใครช่วยเลย แต่ให้เขาลุกเอง

คุณพ่อยังบอกด้วยว่าล้มตรงไหนก็ต้องลุกขึ้นตรงนั้น

แต่เวลาที่น้องสาวล้ม ทั้งครอบครัวต่างปวดใจมาก รีบเข้าไปช่วยไปกอด การดูแลต่างกันราวฟ้ากับดิน

แต่ตัวเขาก็รักน้องสาวมากเหมือนกัน

“ที่ผมบอกว่าเทวิกาเกิดเรื่อง เพราะว่าเทวิกาแต่งงานแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียง แม่ของเขาปล่อยมือ ก้มตัวไปหยิบตะหลิวที่ตกพื้น แล้วเอาตะหลิวมาตีไหล่ของเขา

“ไอ้ลูกบ้า!”

พิชญ์สินีด่าลูกชายหนึ่งคำ แล้วหันหลังเดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็นของครอบครัวต่อ

ทั้งสามคนที่กำลังดูทีวีก็สีหน้าโล่งใจ นั่งลงพร้อมๆ กันและดูทีวีต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ราวกับว่าคนที่วิตกกังวลร้อนใจเมื่อครู่ไม่ใช่พวกเขา

“คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า ผมพูดความจริงนะ เทวิกาแต่งงานแล้วจริงๆ”

ความรู้สึกที่ไม่มีใครเชื่อถือนี่มันแย่มาก!

สิรภพนั้นสองตาดูทีวีส่วนปากก็พูดอย่างเย็นชา “วันนี้น้องสาวของแกนัดบอดล้มเหลว แถมถูกคนโทรมาบ่นว่าน้องสาวแกตาถั่ว สมควรแล้วที่อายุยี่สิบสี่แล้วยังไม่ได้แต่งงาน ให้บ้านเราเตรียมเลี้ยงเธอไปตลอดชีวิต”

ไอ้ลูกบ้านี่บอกว่าเทวิกาแต่งงานแล้วงั้นเหรอ เธอจะแต่งกับใครได้ มือซ้ายแต่งกับมือขวาสิไม่ว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel