บทย่อ
เทวิกาถูกบังคับแต่งงานซ้ำๆจนบ้านก็ไม่กล้ากลับ เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบ เช่าพี่ชายเพื่อนอย่างยศพัฒน์มาเป็นสามี นึกว่าเค้านั้นจะเป็นแค่ผู้ชายที่เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ ใครจะรู้ว่าครอบครัวเค้าเป็นตระกูลร่ำรวยเชียว ......พันธะสัญญาของเทวิกาเป็นโมฆะ ยศพัฒน์:คุณภรรยา อย่างอแงสิครับ เด็กดี กลับบ้านกลับสามีเถอะ
บทที่ 001 นัดบอดแต่มาเจอกับผู้ชายห่วยแตก
“คุณเทวิกา คุณมีรายได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”
เทวิกาที่กำลังใช้ช้อนคนกาแฟแสดงอาการชะงักทันที พลางเงยหน้ามองผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม อีกฝ่ายคือคู่นัดบอดของเธอวันนี้เองแหละ คนที่แนะนำมาบอกกับแม่ของเธอว่าผู้ชายคนนี้เพอร์เฟคมากคนหนึ่ง เป็นหัวหน้าในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เงินเดือนดีมาก ราวๆ เป็นแสนต่อเดือนเลยแหละ
เทวิกาที่อายุเพิ่งยี่สิบสี่ปีหมาดๆ กลับถูกคุณแม่อันเป็นที่รักรบเร้าจนไม่กล้ากลับบ้านอยู่แล้ว เบื่อสุดๆ แต่ก็ไร้วิธีต่อกรจึงต้องมานัดบอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อมาเจอกับผู้ชายที่ให้คำนิยามว่าเพอร์เฟคที่เอ่ยถึงกันคนนี้ คิดไม่ถึงเลยพออีกฝ่ายอ้าปากก็เอ่ยถามถึงรายรับของเธอทันที
“ฉันเปิดร้านกาแฟนี้ค่ะ” เทวิการักษาอากัปกิริยาเอาไว้ หลังจากใช้สายตาสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว จังหวะที่กำลังแสดงอาการพอใจออกนอกหน้า เทวิกาจึงพูดต่อ “แต่ตอนนี้ยังไม่ได้กำไรคืนนะ”
พออีกฝ่ายได้ยิน สีหน้าเปลี่ยน แถมถามเธอกลับ “หมายความว่าตอนนี้คุณยังอยู่ในสภาพขาดทุนใช่มั้ย?”
เทวิกาพยักหน้ารับ
อีกฝ่ายย่นคิ้วหากัน “งั้น คุณใช้เงินตัวเองมาลงทุนหรือว่าไปหยิบยืมคนอื่นมา แล้วยังติดหนี้อยู่อีกเท่าไหร่?”
“ฉันร่วมหุ้นกับเพื่อนค่ะ หยิบยืมเงินมานิดหน่อยเอง ติดหนี้อยู่ห้าหกแสนได้มั้ง” เทวิกาตอบตามความเป็นจริง เมื่อเห็นอากัปกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย ซึ่งแสดงอาการไม่พอใจทันที ประจวบเหมาะตรงที่เธอเองก็ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนี่อยู่แล้ว
“คุณเทวิกา ทั้งหมดนี่มันเป็นหนี้ที่คุณก่อเอาไว้ก่อนที่คุณจะแต่งงาน หลังจากแต่งงานกันแล้วผมจะไม่ช่วยคุณใช้หนี้ ตอนนี้คุณติดหนี้ ดูเหมือนคงไม่มีอสังหาริมทรัพย์อะไรใช่มั้ย? ผมมีบ้านสองหลังที่เป็นชื่อผมนะ ถือว่าเป็นทรัพย์สินก่อนสมรส หลังจากแต่งงานกันแล้วคุณสามารถเข้าพักได้ เราสามารถร่วมแรงแข่งขันช่วยผ่อนบ้านด้วยกัน แต่ผมจะไม่เอาชื่อคุณเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านนะ”
“คุณเทวิกา ผมอายุเริ่มเยอะแล้ว พ่อแม่ผมหวังอุ้มหลาน หลังจากแต่งกันแล้ว ผมหวังว่าคุณจะรีบตั้งท้องมีลูกเร็วๆ พ่อแม่ผมเลี้ยงดูผมกับพี่ๆ น้องๆ ไม่ง่ายเลย ลำบากมาค่อนชีวิตสิ พอถึงเวลาที่คุณมีลูก พวกเขาจะไม่ช่วยเลี้ยงหลานให้ คุณต้องเลี้ยงเอาเอง”
“ผมทำกับข้าวไม่เป็น งานยุ่งมาก คุณต้องรับผิดชอบทำกับข้าวสามมื้อ ผมจะไม่ช่วยงานบ้านอะไรเลย แต่ผมเป็นคนรักสะอาด คุณต้องเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงตอนผมกลับบ้านมาแล้วเห็นสภาพรกรุงรังจนมันส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผม”
“ยังมีอีก...”
“คุณจณัตว์” เทวิกาพูดขัดจังหวะการพูดของเขา อีกฝ่ายโดนเธอขัดจังหวะพลันแสดงความรู้สึกไม่พอใจมาก ส่วนเทวิกาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะพอใจหรือเปล่า พลางพูดอย่างไม่เกรงใจ “คุณจณัตว์ ขอโทษนะ คุณมาหาผิดคนแล้วแหละ ฉันไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของคุณได้ เชิญคุณไปหาผู้หญิงที่ยอมเป็นแม่บ้านให้คุณฟรีๆ เถอะค่ะ ส่วนกาแฟถือว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน”
เธอพูดจบ ก็แสดงท่าทางผายมือไปทางประตูแก่อีกฝ่าย
อีกฝ่ายหน้าแดงแปร๊ด น่าจะคาดไม่ถึงว่าเทวิกาจะแสดงอาการไม่รักษามารยาทเช่นนี้มั้ง เขารู้สึกว่าตนเองยอดเยี่ยมมาตลอด เงินเดือนก็สูง เขายอมลดตัวมาเจอกับเทวิกา ถือว่าเป็นการไว้หน้าเทวิกาแล้ว อาศัยความสวยและอายุยังน้อยของเทวิกา เขากล้ำกลืนฝืนทนยอมแต่งงานด้วย ทว่าเทวิกากลับไม่เข้าใจความหวังดีของตนเองเลย
จณัตว์ลุกพรวด พลางควานหากระเป๋าสตางค์ของตนเอง และหยิบเงินหนึ่งร้อยขึ้นมาหนึ่งใบ พลันวางฟาดลงบนโต๊ะอย่างเต็มแรง และพูดกับเทวิกา “อีแค่กาแฟแก้วเดียวผมมีปัญญาจ่าย ไม่ต้องให้คุณเทวิกาเลี้ยงหรอกครับ”
เขายัดกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงของตนเอง จากนั้นก็ลากเก้าอี้ถอยออกงอตัวและเดินออกทันที เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดลงและหันหน้ากลับมาพูดกับเทวิกา “ถ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักมารยาท ประพฤติตัวไม่เป็นแม่ศรีเรือนเหมือนคุณเทวิกา ขายไม่ออกหรอกครับ”
เทวิกายกแก้วกาแฟแก้วนั้นของตนเองขึ้นมาและจัดการขว้างทั้งแก้วไปทางจณัตว์ พลันตวาดเสียงแข็ง “ไสหัวไปซะ!”
จณัตว์คิดไม่ถึงว่าเทวิกาจะสาดใส่เขา การถูกสาดตรงๆ จนชุดสูทสีขาวบนตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบกาแฟ เขาโมโหจนกระทืบเท้า ลูกค้าที่อยู่รอบๆ ต่างมองมาทางนี้ เขาจึงไม่สามารถสบถด่าเทวิกาได้เต็มปากเต็มคำ ได้แต่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ “ผู้ชายดีๆ เขาไม่สู้กับผู้หญิงแย่ๆ หรอก”
พูดจบก็รีบเดินหนีออกทันควัน
“ชิ คนประเภทไหนเนี่ย นี่คือผู้ชายโปรไฟล์เพอร์เฟคเหรอ!”
เทวิการู้สึกว่าเธอเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ ผู้ชายห่วยแตกแบบนั้น เธอจะไม่แต่งงานกับผู้ชายประเภทนี้และยอมอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
เดิมทีมีลูกค้าหลายคนที่เตรียมจะออกจากร้าน ประจวบเหมาะได้เห็นฉากนัดบอดของเทวิกาเข้าพอดี จึงหยุดดูละครเด็ดๆ กันก่อน
เมื่อดูละครเด็ดจบแล้ว ผู้ชายหนึ่งในนั้นก็พูดกับคนอื่นอยู่หลายประโยค กลุ่มคนจึงเดินมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอกก่อน ส่วนผู้ชายคนนั้นหันข้างและเดินมาหาเทวิกา
“เทวิกาครับ”
มีเสียงเรียกชื่ออันสุขุมดังเข้าหูเทวิกา เธอหันไปทางผู้ชายที่เดินมาตามสัญชาตญาณ
พลันลุกพรวดตามมาติดๆ ใบหน้าอันงดงามฉีกรอยยิ้มอันสดใส “พี่พัฒน์ พี่มาที่นี่ได้ไงคะ?”
ยศพัฒน์ยิ้มตอบรับเล็กน้อยพลางกล่าวทันที “พี่นัดเพื่อนๆ มาเจอกันที่นี่ ตอนเข้ามาคุณไม่อยู่ในร้านนะ”
ในฐานะที่เป็นเจ้าของร้าน One Day In Coffee แต่กลับไม่เห็นตอนที่ยศพัฒน์เดินเข้ามาในร้าน
“พี่ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย?” ยศพัฒน์เอ่ยถามตามมารยาท
เทวิการีบเชื้อเชิญทันควัน พลันเรียกพนักงานให้เข้ามาเก็บของบนโต๊ะอีกครั้ง และพูดคุยกับยศพัฒน์ “พี่พัฒน์ พี่รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปชงกาแฟสดมาให้พี่เองคะ”
“ไม่ต้องแล้วแหละ ขอน้ำอุ่นสักแก้วให้พี่ก็พอ” เขาดื่มกาแฟมาแก้วหนึ่งแล้ว ถ้าให้ดื่มอีก คืนนี้ก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี
เทวิการินน้ำอุ่นให้ยศพัฒน์แก้วหนึ่งด้วยตนเอง แถมยังกำชับให้พนักงานนำขนมหลายอย่างเข้ามาเสิร์ฟ
ยศพัฒน์เป็นเพื่อนร่วมห้องของชเนนทร์พี่ชายของเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย สมัยที่พี่ชายคนโตเรียนมหาวิทยาลัย ช่วงปิดเทอมของทุกปีก็จะเดินทางจากเมืองโมโตเพื่อกลับมายังเมืองแอคเซสซ์ ถึงแม้ยศพัฒน์จะคบหากับพี่ชายคนโตของเธอเพียงผิวเผิน แต่เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกัน ทุกครั้งที่ปิดเทอมก็จะนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับมาพร้อมกัน
เทวิกาอายุน้อยกว่าพี่ชายคนโตของเธอห้าปี เธอจะไปรอรับพี่ชายคนโตของเธอที่สถานีขนส่งกับพ่อทุกครั้ง และสามารถพบเจอกับยศพัฒน์อีกด้วย
ถึงแม้จะได้เจอหน้าคร่าตากัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่ทุกครั้ง แต่บ้านของยศพัฒน์อยู่ที่ไหนเธอยังไม่รู้เลย จวบจนทุกวันนี้ทั้งสองคนรู้จักกันมานานจนสิบเอ็ดปีแล้ว
แม้ว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้เธอจะไม่ได้พบเจอกับยศพัฒน์เลยแต่พอเห็นแวบแรกก็สามารถจดจำได้ทันที
“เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ยศพัฒน์เอ่ยโทนเสียงอ่อนโยน
พอเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แล้ว เทวิกาทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก จากนั้นก็เริ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับยศพัฒน์ทันที “พี่พัฒน์ ฉันเพิ่งยี่สิบสี่เองนะ แต่แม่ฉันนะสิเร่งให้ฉันแต่งงานจนฉันไม่กล้ากลับบ้านแล้วเนี่ย ตราบใดที่คุณแม่ออกนอกบ้านแล้วไปเจอคนรู้จักแล้วละก็ จะขอร้องให้คนอื่นช่วยแนะนำผู้ชายให้ฉัน แถมยังจัดการนัดบอดให้ฉันอีก เดือนนี้ ฉันโดนแม่โทรศัพท์ก่อกวนสิบสายทุกวันเลย แถมนัดบอดสิบกว่าครั้งติดๆ กันอยู่ตลอดเลยเนี่ย”
ยศพัฒน์ “...คุณน้าดูรีบร้อนไปหน่อยนะ”
ตอนที่เขารู้จักเธอนั้น เธออายุเพิ่งจะสิบสามเอง ตอนนี้เธออายุยี่สิบสี่เข้าไปแล้ว ท่ามกลางเวลาผ่านพ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ใช่ค่ะ วันนี้คนที่นัดบอดกับฉันนะ บอกว่าโปรไฟล์เพอร์เฟคอะไรเทือกนี้แหละ ใกล้เคียงผู้ชายห่วยแตกก็ว่าได้ ไอ้ผู้ชายห่วยแตกนั่น สมน้ำหน้าอายุปาเข้าไปสามสิบกว่าเข้าไปแล้วยังหาเมียแต่งงานไม่ได้สักที เพราะอยากจะให้คนอื่นคอยปรนนิบัติพัดวี ส่วนตัวเองก็นั่งเพลิดเพลินสบายใจเฉิบอย่างเดียว”
ยศพัฒน์จ้องมองเทวิกา “คุณสมบัติขนาดนี้ของเธอ ทำไมต้องนัดบอดด้วย ผู้ชายที่ตามจีบเธอก็น่าจะเข้าแถวจนคิวยาวเหยียดถึงจะถูกสิ”
เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาเห็นแม่สาวน้อยคนนี้เติบโตมา เมื่อก่อนเธอยังเป็นเด็กสมวัย วันนี้เธอโตเป็นผู้ใหญ่แถมยังมีกลิ่นอายความเป็นผู้หญิงเต็มตัว ทุกอิริยาบถต่างมีเสน่ห์อย่างชัดเจน ตามหลักแล้วสามารถพูดได้เลยว่ามีคนตามจีบไม่ขาดสายเลยทีเดียว
เทวิกาเบะปาก พร้อมทั้งอธิบายทันที “สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันก็มีแฟนนะคะ คบหาดูใจกันมาสี่ปี เมื่อครึ่งปีมานี้ เขาหวังสูงหมายจะเด็ดดอกฟ้า เลยทิ้งฉันไป คุณแม่ฉันรู้สึกว่าฉันถูกผู้ชายสารเลวทำร้ายมา จึงเป็นห่วงว่าฉันจะไม่แต่งงาน เลยขอร้องให้คนช่วยแนะนำผู้ชายให้มาเป็นแฟนให้ฉันทุกวันเลยค่ะ”
เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนก่อร่างสร้างตัวก็เท่านั้นเอง จึงไม่มีกะจิตกะใจไปคิดถึงเรื่องความรัก
เธอเองก็ไม่ปฏิเสธ ความรู้สึกตลอดเวลาสี่ปีกลับถูกหลอกล่อด้วยตำแหน่งเงินทองจนสูญสิ้นไป และทำร้ายเธออย่างหนักหน่วง
เมื่อยศพัฒน์ได้ยินเทวิกาพูดถึงถูกแฟนทิ้ง นัยน์ตากระตุกวูบทันที แววตาแปรเปลี่ยนอย่างลึกล้ำจนยากแก่การคาดเดา