ตอนที่4(คนใจร้าย)
โรงพยาบาล QY
19:00น.
ฟางข้าว ขวัญข้าว...
“ขอบคุณนะคะที่มาส่งหนู” ฉันเอ่ยบอกคุณป๋าอาร์ตไปพลางยกมือไหว้ไปบนไหล่เขา เขาก็ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันอย่างเอ็นดู
“หนูไม่น่าไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นเลย” ป๋าอาร์ตพูดด้วยความเป็นห่วงฉัน ฉันก็มองหน้าท่านไปและยิ้มบางๆ ไปให้ท่าน
“คนอย่างหนูไม่เคยคิดร้ายกับใคร ป๋าไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ ป๋าดูแลสุขภาพของป๋าให้แข็งแรงก็พอแล้วค่ะ”
“จ๊ะ ขอบใจมากที่หนูยังเป็นห่วงฉัน ไม่เหมือนกับลูกชายของฉัน” ป๋าอาร์ตพูดออกมาด้วยท่าทางน้อยใจ ฉันจึงเอื้อมมือไปวางบนมือของเขาพลางยิ้มให้เขาเพื่อให้กำลังใจเขา
“ไม่หรอกค่ะ ไม่มีลูกคนไหนที่ไม่รักพ่อของตัวเอง”
“ฉันล่ะภูมิใจแทนพ่อแม่หนูจริงๆ ที่สอนหนูได้ดีขนาดนี้ อายุแค่จะยี่สิบหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ เก่งจริงๆ” ป๋าอาร์ตพูดบอกฉันด้วยแววตาและน้ำเสียงที่ชื่นชมฉัน
“อาชีพของหนูถึงจะสบายได้เงินเยอะ แต่หนูก็เป็นผู้หญิงหากินกลางคืน ป๋ายังภูมิใจในตัวหนูอีกเหรอคะ?” ฉันถามเขาไปอย่างสงสัย เขาก็ยิ้มและยื่นมือมาจับมือฉัน
“ไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไร ขอแค่เราทำอาชีพที่สุจริตก็พอแล้ว ไม่ได้ไปคดโกงใครเขากิน…” ป๋าอาร์ตพูดบอกฉันแววตาของท่านช่างอบอุ่นทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนที่กำลังรอให้ฉันไปหาเขาอยู่
“จงภูมิใจในตัวเองว่าหนูน่ะเก่ง…เก่งมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
“หนูรีบไปเถอะจ๊ะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะป๋า” ฉันยกมือไหว้ป๋าอาร์ตและหยิบกระเป๋าสะพายเดินลงมาจากรถสุดหรูที่มีบอดี้การ์ดเป็นคนเปิดประตูให้ ฉันก้มหัวให้บอดี้การ์ดประจำตัวของป๋าอาร์ตอย่างเคารพเขาก็ก้มศีรษะให้ฉันเช่นกัน
ฉันรีบมุ่งหน้าเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอย่างไว เพราะอีกแค่หนึ่งชั่วโมงจะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว ฉันยกถุงขนมครกขึ้นมาพลางยิ้มด้วยนำ้ตาคลอและรีบเดินไปกดลิฟต์มุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นที่ยี่สิบทันที โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลใหญ่และมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร คนไข้แต่ละคนจะมีนางพยาบาลมาคอยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงซึ่งฉันเรียนและทำงานจึงไม่มีเวลาดูคุณพ่อของฉัน ฉันเลยส่งให้ท่านเข้ามารักษาที่นี้และฉันก็จะมาหาท่านทุกวัน
ปิ๋ง
ก๊อกๆๆๆ
ฉันเคาะประตูเพื่อขออนุญาตคนในห้องและฉันก็เปิดประตูเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ห้องที่นี้ใหญ่มาก ฉันเช่าเป็นเดือน เดือนละสามหมื่น ค่าจ้างนางพยาบาลเฝ้าอีกตั้งหาก ตกๆ แล้วเดือนหนึ่งเกือบแสนแต่ไม่เป็นไรเพื่อคุณพ่อของฉัน ฉันทำได้
“เมื่อไหร่ข้าวจะมานะ?” เสียงของคนสงสัยเอ่ยถามใครสักคน ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ คุณพ่อของฉันนั้นเองที่ถามหาลูกสาวสุดที่รักอย่างฉัน
“ใกล้ได้เวลาแล้วล่ะค่ะ” นางพยาบาลที่ยืนปอกผลไม้ให้คุณพ่อที่ข้างเตียงเอ่ยขึ้น สงสัยพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเพราะโดนเสียงโทรทัศน์ที่กำลังเปิดอยู่กลบเสียงหมด
“เฮ้อ” คุณพ่อของฉันผ่อนลมหายใจออกมาพลางกดรีโมทโทรทัศน์เลื่อนดูรายการช่องอื่นไปเรื่อยๆ ฉันก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปเพื่อจะเซอร์ไพรส์ท่าน
หมับ
“คุณพ่อ” ฉันเดินเข้าไปเอามือวางไว้บนไหล่ของคุณพ่อและเอ่ยเรียกท่าน ท่านก็ตกใจและเมื่อเห็นว่าเป็นฉันท่านก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ข้าวลูก”
“สวัสดีค่ะพ่อ” ฉันยกมือไหว้คุณพ่อไปด้วยความเคารพท่านก็อ้าแขนทั้งสองข้างออกเพื่อจะรอให้ฉันเข้าไปสวมกอดท่าน
“คิดถึงหนูไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามคุณพ่อไปหลังจากที่เราสองคนกอดกันเสร็จแล้ว ท่านก็ยิ้มและมองหน้าฉัน
“ทำไมข้าวไม่มาหาพ่อหลายปีเลยล่ะลูก?” คุณพ่อเอ่ยถามฉันพลางทำสีหน้าและนำ้เสียงที่น้อยใจและตัดพ้อ
“ข้าวมาหาพ่อทุกวันนะค” ฉันตอบคุณพ่อไปพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียงของคุณพ่อและจับมือของท่านมาแนบแก้มของฉันเพื่อชาตพลังงานให้ตัวเอง ฉันจะเหนื่อยจะท้อไม่ได้เพราะฉันมีคนที่ฉันรักอยู่ข้างหลัง คุณพ่อยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มให้ท่าน
“คุณพ่อทานข้าวรึยังคะพี่นา?” ฉันเอ่ยถามพยาบาลประจำตัวของคุณพ่อที่เธอกำลังยืนมองฉันกับคุณพ่อและยิ้มอยู่
“ทานแล้วค่ะ ทานยาเรียบร้อยแล้วด้วยจ๊ะน้องข้าว” พี่นาตอบฉันมาพลางยกจานผลไม้ที่เธอปอกเสร็จมาให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ พี่นาไปทานข้าวเถอะคะเดี๋ยวข้าวดูคุณพ่อต่อเอง” ฉันบอกพี่นาไปในขณะที่ฉันยื่นมือไปรับจานผลไม้มาจากเธอ เธอก็ยิ้มและพยักหน้าให้ฉัน
“ทานผลไม้นะคะพ่อ” ฉันบอกคุณพ่อพลางใช้ส้อมจิ้มผลไม้ขึ้นมาหนึ่งชิ้นจ่อไปที่ริมฝีปากของท่าน ท่านก็มองฉันอย่างสงสัย
“เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ใส่เสื้อที่เเขนยาวๆ แล้วเหรอ?” เสื้อแขนยาวๆ ที่คุณพ่อถามถึงคือชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนตอนมัธยมปลายของฉันน่ะ แต่ตอนนี้ฉันสวมชุดนักศึกษาอยู่ยังไม่ได้กลับบ้านไปเปลี่ยนเลยเพราะป๋าอาร์ตส่งคนมารับฉันให้ไปทานข้าวกับท่านน่ะ
“ข้าวขึ้นมหาลัยแล้วค่ะ”
“หว่า พ่อลืมอีกแล้วแฮะๆๆ” คุณพ่อบอกฉันพลางยกมือขึ้นไปเกาศีรษะของท่าน ฉันก็มองท่านและก็ป้อนผลไม้ให้ท่านทานจนหมดต่อด้วยขนมครกที่ฉันซื้อมาให้ท่านกิน เพราะคุณพ่อของฉันชื่นชอบขนมครกมากที่สุด เมื่อคุณพ่อทานขนมครกเสร็จแล้วฉันก็หยิบแก้วนำ้ที่มีนำ้อยู่แล้วมาให้ท่านดื่ม
“ราชาไม่เห็นมาหาพ่อเลย?” ฉันที่หันเอาแก้วนำ้ไปเก็บก็ต้องตกใจกับคำพูดของคุณพ่อ ทำไมคุณพ่อยังจำพี่ราชาได้อีกทั้งๆ ที่ท่านก็เลิกพูดถึงเขาไปตั้งนานแล้ว คุณพ่อของฉันเพิ่งจะเริ่มป่วยเมื่อสองปีก่อน อาการของท่านจะหลงๆ ลืมๆ ช่วงแรกๆ เป็นหนักมาก
ฉันก็โหมงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาท่านหนักมากเหมือนกัน ฉันรับงานลูกค้าวันละสี่คน ถ้าใช้ร่องนมก็ได้เงินเยอะหน่อย แต่โชคดีที่พวกเขาเลือกใช้ร่องนมสำเร็จความใคร่และลูกค้าของฉันก็ไม่เคยที่จะขอมีอะไรกับฉันเลยสักคน เพราะพวกเขาคงรู้ละมั้งว่าถึงจะเสนอราคามาเท่าไหร่ฉันก็ไม่ยอม
“พี่ราชาเขาทำงานนะคะ”
“งั้นหนูเรียนจบมอปลายแล้ว หนูก็แต่งงานกับราชาได้แล้วน่ะสิ” คุณพ่อของฉันเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ใช่มันเคยเป็นอย่างที่คุณพ่อฉันพูด พี่ราชาเคยให้สัญญากับฉันว่าเขาจะขอฉันแต่งงานหลังจากที่ฉันเรียนจบมอปลาย แต่พอเขาได้ฉันเสร็จเขาก็หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อกลับมาหาฉัน
จนกระทั่งฉันไปเจอคุณพ่อคุณแม่ของพี่ราชาที่มาบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับลูกชายของพวกเขา เขาให้เงินฉันมาแค่แสนเดียว นั้นทำให้ฉันรู้ว่าผู้หญิงอย่างฉันมันไม่มีค่ามากพอที่จะไปคู่ควรกับใครเลยสักคน เรื่องที่พี่ราชาทิ้งฉันไป ฉันก็ไม่ได้เล่าให้คุณพ่อของฉันฟังเพราะช่วงนั้นธุรกิจของพ่อฉันกำลังจะล้มละลายฉันไม่อยากให้ท่านเคลียดมากขึ้นไปอีก
“ไม่ค่ะพ่อ หนูอยากอยู่กับพ่อมากกว่า” ฉันบอกท่านพลางเดินเข้าไปสวมกอดท่านและซบหน้าลงไปบนหน้าอกของท่าน
“อยู่กับพ่ออะไร ลูกน่ะโตแล้วควรจะมีคนมาดูแลได้แล้ว จะมาเป็นลูกแหง่ติดพ่อแบบนี้ไม่ได้”
“ไม่ค่ะ หนูจะอยู่กับพ่อไปจนแก่เลย”
“พาราชามาหาพ่อบ้างสิ พ่อมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา”
“เรื่องอะไรคะ?” ฉันเงยหน้าออกมาจากอกของพ่อและเอียงคอถามท่านไปอย่างสงสัย
“ไม่บอก”
“พ่ออ่ะ!” ฉันแกล้งทำนำ้เสียงงอนท่าน ท่านก็ลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้ พ่อของฉันชื่นชอบพี่ราชามากเพราะท่านอยากมีลูกผู้ชาย และความที่พี่ราชาเป็นคนเข้ากับคนง่ายคุยเก่งเอาใจเก่งเลยทำให้เขาสนิทกับคุณพ่อของฉันได้อย่างรวดเร็ว
“น้องข้าวกลับได้แล้วมั้งคะ?” พี่นาเดินเข้ามาในห้องพลางเอ่ยบอกฉัน ฉันจึงก้มหน้าลงไปดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ฉันรีบดันตัวออกมาจากร่างของคุณพ่อ
“ข้าวต้องกลับแล้วนะคะพ่อ มืดแล้ว” ฉันเดินไปจับมือของคุณพ่อมากุมไว้ ท่านก็ยิ้มและพยักหน้าให้ฉัน
“อย่าลืมพาราชามาหาพ่อนะ”
“ค่ะ”
“กลับบ้านดีๆ นะลูก”
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณพ่อสวัสดีค่ะพี่นา” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองท่านทั้งสองก็ยกมือรับไหว้ฉัน ฉันก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้มของคุณพ่อด้วยความรัก ท่านคือกำลังใจในทุกๆ วันของฉัน
ท่านคือฮีโร่และต้นแบบในชีวิตของฉันฉันเดินออกมาจากห้องพักของคุณพ่อเดินไปเรื่อยๆ จนออกมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก็เดินไปรอเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะกลับบ้าน ซึ่งมันคือกิจวัตรประจำวันของฉันไปแล้วก่อนกลับบ้านจะต้องมาหาพ่อทุกครั้ง
ปี้นๆๆ
เสียงแตรรถสปอร์ตหรูที่ฉันแสนจะคุ้นตาบีบแตรขึ้นพร้อมๆ กับแสงไฟจากหน้ารถยนต์ที่สาดส่องมากระทบร่างของฉัน
เอี้ยด!
“ว๊าย!” ฉันร้องอย่างตกใจที่รถคันนั้นตอนแรกที่ทำท่าเหมือนจะพุ่งตรงมาชนร่างฉันที่ยืนอยู่ข้างทางแต่ก็โชคดีที่เขาเหยียบเบรกไว้ได้ทัน ไม่งั้นฉันคงเหลือแต่ชื่อแน่
“น้องข้าว” เจ้าของรถหรูเลื่อนกระจกลงมาเรียกฉัน ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาอย่างไว
“เฮียเอ็กซ์?” ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาไปอย่างงุนงง เวลานี้เขามาทำอะไรแถวโรงพยาบาล สถานที่ที่เขาต้องไปคือไนท์คลับเพื่อนๆ เขาหรือไม่ก็สนามแข่งรถไม่ใช่เหรอ หรือไม่ก็ห้องสาวๆ ในสต๊อกของเขาสักคนแต่ทำไมวันนี้ เขามาอยู่นี่ได้
“ขึ้นรถครับ เดี๋ยวเฮียไปส่ง” เฮียเอ็กซ์เอ่ยขึ้นพลางเปิดประตูรถของเขาและเดินตรงเข้ามาหาฉัน
“นะครับ นะให้เฮียไปส่งนะ” ฉันที่ยื้อร่างของตัวเองไว้ไม่ยอมเดินตามเขาไปเขาก็หันมาทำสีหน้าอ้อนใส่ฉันทันที
“แต่ว่าข้าว”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ บ้านเพื่อนเฮียอยู่แถวบ้านข้าว ทางผ่านพอดี”
“ถ้าอย่างงั้นก็ได้ค่ะ” ฉันตอบเฮียเอ็กซ์ไปพลางบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของเขา
“โอ้ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะเฮียเอ็กซ์บิดข้อมือของฉันอย่างแรง
“หึ!” เสียงหัวเราะในลำคอของเฮียทำให้ฉันตกใจ เขาค่อยๆ หันใบหน้าหล่อๆ ของเขามาหาฉันที่ละนิดๆ
“เป็นอะไรของเธอ?” เขาเอ่ยถามฉันแววตาและนำ้เสียงที่ต่างไปจากตอนแรกที่เขาทักทายฉัน
“เป็นอิหนูขายตัวหนิ”
“ราคาอย่างเธอแค่พันเดียวก็เสียดายตังค์ล่ะ เพราะข้างในคงจะเน่าเฟ๊ะ!” เขาทำสีหน้าและนำ้เสียงที่ดูถูกฉัน เขาใช้สายตาของเขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่รังเกียจ อะไรของเขา?
ปกติเฮียเอ็กซ์ไม่ใช่คนที่จะทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้ เขาไม่เคยพูดดูถูกฉัน ไม่เคยมองฉันด้วยสายตารังเกียจและดูถูกแบบนี้
“มันจะมากไปแล้วนะเฮียเอ็กซ์!” ฉันตะโกนใส่หน้าเฮียเอ็กซ์ไปพลางบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของเขา
“มันไม่มากไปหรอกสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ” เขาบอกฉัน
“มานี้!!” เฮียเอ็กซ์กระชากร่างของฉันให้ขึ้นรถของเขาแต่ฉันไม่ขึ้นพยายามฝืนร่างตัวเองไม่ให้ไปกับเขา เฮียเอ็กซ์หันมาทำสีหน้าไม่พอใจใส่ฉัน
“ปล่อยข้าว เฮียเป็นอะไรของเฮียเนี่ย!” ฉันตะโกนถามเขาไป เขาก็หันมากระตุกยิ้มที่มุมปากให้ฉัน
โพล๊ะ
“อื้อ” ฉันร้องไม่ออกเพราะมันจุกท้องน้อยจากแรงกระแทกของกำปั้นที่เฮียเอ็กซ์ต่อยท้องฉัน ร่างกายของฉันทรุดลงนั่งตัวงอเฮียเอ็กซ์จึงอุ้มร่างของฉันและอุ้มขึ้นไปวางไว้บนรถเบาะคนนั่งข้างคนขับ
แกร๊ก
ฉันทำได้เพียงแค่มองการกระทำของเขา ไม่มีแรงต่อสู้อะไรเพราะเขาปล่อยหมัดของเขามาที่ท้องของฉันอย่างรุนแรงมันทำให้ฉันทั้งเจ็บและจุกจนร่างกายไม่มีแรง เขาใช้กุญแจมือใส่ข้อมือของฉัน และเขาก็หันมามองหน้าฉัน
“ผู้หญิงเลวๆ แบบเธอมันต้องเจอผู้ชายเหี้ยๆ แบบฉันมันถึงจะเหมาะสมกันมากกว่า” เฮียเอ็กซ์พูดแค่นั้นและเขาก็ปิดประตูรถใส่หน้าฉันอย่างแรงพร้อมกับเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ มุ่งหน้าไปที่ไหนสักที ที่มันมืดมิด
ฉันกลัวจัง เขาเป็นอะไรของเขา เขาไม่เคยมองฉันด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน สายตาที่เคยอบอุ่นและใจดีของเฮียเอ็กซ์คนเดิมหายไปไหน สายตาที่เขาใช้มองฉันในวันนี้เหมือนคนที่เกลียดกันมานานหลายสิบปีแล้ว…..เขาเป็นอะไรของเขา…?