บทที่ 5 นอกสายตา
พยายามข่มน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา จะให้อีกฝ่ายมองว่าเธอเสียใจ อ่อนแอไม่ได้
“นรีไม่ได้รักคุณกวีวัธน์ และคุณกวีวัธน์ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนรีเหมือนกันค่ะ”
“ถ้าไม่รัก ก็ไม่ควรทำแบบนั้น ถ้าทำไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ หนูนรีอย่าทำให้ลูกชายของลุง ดูน่ารังเกียจไปมากกว่านี้เลย” วิฑูรย์ออกความเห็น ทำเอาชายหนุ่มสะอึก
คนตัวเล็กน้ำตาเริ่มไหลริน พยายามฝืนมากแค่ไหน ก็ยังไม่อาจทานทน ไม่ใช่ไม่เสียใจ แต่เธอแค่ไม่อยากเก็บมันเอาไว้ทรมานตัวเอง
“แต่งกันไปก็คงมีแต่ความทุกข์ค่ะ” เธอย้อนเสียงสั่นเครือ
“เธอรู้ได้ยังไง!” กวีวัธน์ย้อนถามเสียงขุ่น
“ทำไมฉันจะไม่รู้ คุณไม่เคยให้เกียรติฉันเลย แม้กระทั่งตอนนี้”
ชายหนุ่มเงียบกริบ คิดตามคำพูด ใช่เขาผิดเอง ถึงได้ยอมรับผิดชอบอยู่นี่ไง แล้วยังต้องการอะไรอีก
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้ ลุงกับป้าจะขอปรึกษาแม่ของนรีก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความรับผิดชอบของลุงกับป้าด้วย ที่ปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ในบ้าน” วิฑูรย์ตัดบท
“แต่ว่า...”
“ลุงยอมปล่อยผ่านไปไม่ได้จริงๆ นรี ลุงจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ อย่างที่มันควรจะเป็น”
คนตัวเล็กเลือกเงียบ ผู้ใหญ่คงไม่ยินยอมทำตามความต้องการ เธอแค่ไม่อยากถูกเขาดูถูกเย้ยหยัน ว่าเธอนั้นจนตรอกไม่มีทางเลือก ต้องยอมรับชะตากรรมเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น
“เอาเป็นว่าตกลงตามที่คุณลุงวิฑูรย์พูดก็แล้วกันนะนรี ป้าไม่อยากให้ลูกชายป้า ไร้ความรับผิดชอบ เอาไว้เรื่องนี้ป้าจะคุยกับแม่ของหนูอีกที”
นรีกานต์เม้มริมฝีปากแน่น “หนูทราบแล้วค่ะ”
“คืนนี้ก็แยกย้ายกันไปนอนก่อนเถอะ”
หญิงสาวลุกยืน สาวเท้าอย่างเชื่องช้าขึ้นชั้นบน อาการปวดร้าวยังไม่หายดี ทำเอาแทบเดินไม่ไหว เปิดประตูเพื่อก้าวเข้าห้องระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนโลกกำลังถล่มลงมา เธอไม่อาจทำอะไรได้เลย ยกมือปิดหน้าปล่อยโฮด้วยความอดสู่ เธอไม่น่าพลาดเลย
นั่งปรับสติอารมณ์พักใหญ่ ตัดสินใจเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ยืนมองตัวเองหน้ากระจก ร่องรอยยังคงอยู่ แม้อีกไม่นานมันเจือจางแต่สัมผัสมันชัดเจน น้ำตาไหลอาบแก้ม มันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย จัดการธุระเสร็จก้าวออกมาจากห้องน้ำ ยืนมองตนเองหน้ากระจก ภาพสะท้อนทำเอาหญิงสาวชะงักหันควับจ้องมอง ดวงตาคมกริบสบตา กอดอกอยู่เบื้องหลัง
“เข้ามาได้ยังไง!” นรีกานต์ร้องถามในทันที ยกมือกอดอกตนเองหน้าซีดเผือด
เขายักไหล่ “ก็เดินเข้ามา”
“ไม่มีทาง ฉันล็อกประตูแล้ว!”
กวีวัธน์ชูกุญแจในมือ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ นรีกานต์เม้มริมฝีปากแน่น สีหน้าไม่พอใจ
“มันจะมากไปแล้วนะ ออกไปจากห้องนี้ซะ!”
“ทำไมต้องออก บ้านหลังนี้มันเป็นของฉัน!”
ไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้เลย เธอไม่ได้นอนทั้งคืน ร่างกายก็ยังไม่หายดี เขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้ทำแบบนี้
“พูดมาดีกว่าว่าต้องการอะไร!” หญิงสาวถามเสียงแข็ง
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก
“ถ้าบอกแล้วจะให้เหรอ” ไม่พูดเปล่ากลับก้าวเข้ามาหา ร่างบางเดินถอยหลัง มองรอบห้องเพื่อหาทางเอาตัวรอด แต่เขากลับรู้
นรีกานต์ถอยจนชิดกำแพง มือหนายกขึ้นกางกั้นกักขังไม่ให้คนสวยหลีกหนีไปไหน เธอรีบกระชับผ้าขนหนูซึ่งพันกายอยู่แน่น แล้วหลุบตามองพื้น
“เงยหน้าขึ้นมามองฉันซะนรีกานต์!” เขาสั่งเสียงเข้ม
ริมฝีปากบางกัดแน่น ไม่ยอมเงยหน้า
“เลิกรังแกกันสักทีได้ไหม!” เธอย้อนเสียงสั่น หัวใจเต้นหนักขึ้นทุกที
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่าเลย ฉันยังไม่ได้รังแกเธอเลย ถ้ารังแกมันต้องแบบนี้!”
ผ้าขนหนูถูกกระชากจนหลุดออกจากเรือนร่างอย่างไม่ทันตั้งตัว คนถูกกระทำรีบยกมือปิดสัดส่วนที่ไม่อาจมิดชิดได้ เธอตั้งใจย่อกายลงเพื่อไม่ให้อีกคนมองเห็น แต่กลับทำไม่ได้อย่างใจคิด ข้อมือถูกรวบไว้เหนือศีรษะติดกำแพง ลมหายใจหอบสะท้าน ทรวงอกกำลังกระเพื่อมไหวตามแรงอารมณ์
“ปล่อยฉันนะ!” นรีกานต์ร้องบอก น้ำตาปริ่มขอบ เพราะอับอายเหลือเกิน “คุณควรให้เกียรติกันบ้าง ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”
กวีวัธน์ขบกราม ข่มอารมณ์อย่างสุดกำลัง เรือนร่างเย้ายวนเขาเคยสัมผัสมันเป็นคนแรก มันทำเอาเลือดในกายร้อนฉ่าอีกครั้ง
“ทำไมจะทำไม่ได้ ลืมไปหรือเปล่าว่าไม่มีชั่วโมงที่ผ่านมา เราเป็นอะไรกัน” เขาย้อนถาม น้ำเสียงเยาะ
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็แค่ผิดพลาด เพราะคุณเมา!” นรีกานต์เถียง
ชายหนุ่มไม่ได้ฟังเสียง เมื่อสายตาหยุดลงตรงทรวงอกคู่งาม ซึ่งกำลังกระเพื่อมไหวตามแรงโทสะของอีกฝ่าย ยอดบัวกำลังชูชันราวกับต้องการให้เขาดื่มด่ำกับมัน คราแรกตั้งใจแค่มาพูดคุย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ สติยับยั้งชั่งใจเขาเลือนหายจนหมดสิ้น
“อ๊ะ!” นรีกานต์ร้องเมื่อยถูกเขาดูดดื่มยอดบัวงาม “ยะ...อย่านะ คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่ออีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว” เขาย้อน ดวงตาวาบหวาม
นรีกานต์ดิ้นรนสุดกำลัง เธอไม่อยากเป็นของเขาให้อับอายไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ไม่ได้นะ ปล่อยฉันนะ คุณมันทุเรศ หยาบคาย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนนะ!” หญิงสาวตวาดลั่น
“ก็ไม่ใช่ไง ถ้าใช่ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไม!”
“ไม่ต้องมาแต่งด้วย ฉันไม่ต้องการ แค่อย่ามายุ่งกันก็พอ!” นรีกานต์สวนกลับทันควัน
ทว่าคนตัวใหญ่ไม่ฟังเสียง ปิดริมฝีปากช่างพูดนั้นเสีย ร่างเปลือยเปล่าถูกดันจนชิดกำแพง มือบางแม้ยกผลักไสแต่ไม่อาจสู้แรง มือหนารวบข้อมือสองข้างไว้เหนือศีรษะ อีกข้างที่ว่างลูบไล้ไปตามเรือนร่างอรชร ก่อนรวบร่างคนสวยมาไว้ในอ้อมแขน โอบรัดแล้วยกพาไปยังเตียงกว้าง
เขาถอนริมฝีปาก นรีกานต์ดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้ต้องตกเป็นของเขาอีกครั้ง แต่ทว่าคนตัวใหญ่กลับไม่ยินยอม โถมกายเข้าหา เลื่อนไล้ริมฝีปากไปทุกสัดส่วน จนเจ้าของมันสั่นสะท้าน
“อ๊ะ..ยะ..อย่าพอแล้ว” เธอร้องห้าม ขณะเขาแยกเรียวขาคู่งามเพื่อเชยชมดอกไม้แรกแย้ม ซึ่งกำลังเต้นระริก