บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ตรงสเปค

การที่ชอบนักร้องเกาหลีหรือวง K- pop เรียกง่ายๆ ว่าการเป็นติ่งน ไม่ต้องบอกนะว่ามาตรฐานจะสูงแค่ไหน ถ้าไม่หล่อ นิสัยดี น่ารัก หรือพูดน้อยแต่ใส่ใจ ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาจีบ มีรุ่นพี่เข้ามาจีบฉันนะ เพราะฉันก็ไม่ใช่คนขี้เหร่อะไร เพียงแต่พอดูๆ แล้ว พวกเขาไม่เข้ากับฉันเลยสักนิด แถมยังมีเพื่อนคอยสแกนให้อีก เพื่อนบอกคนนี้ไม่โอเค ไม่ต้องคุยต่อ ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วย ฉันเลยปฏิเสธไป

ชาตินี้ทั้งชาติฉันคงไม่มีแฟนถ้าไม่เลิกเป็นติ่ง

แต่ถ้าเกิดว่ามีขึ้นมาจริง ๆ ผู้ชายคนนั้นเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าฉันคลั่งไคล้ผู้ชายคนอื่นนอกจากเขา ดังนั้นตอนนี้คือตัดปัญหา ไม่มีแฟน อยู่โสด ๆ สวย ๆ ไปก่อน

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า ฉันไม่เดือดร้อน” พอฉันพูดแบบนั้นพวกมันก็เงียบไป เดินไปหาโต๊ะนั่ง พอได้โต๊ะพากันสั่งเครื่องดื่ม ลูกพีชก้มลงมากระซิบกับฉัน

เพื่อนฉันแต่ละคนสายตาสอดส่องมองหาแต่ผู้ชาย ถึงจะไม่ค่อยเที่ยวแต่เรื่องผู้ชายหล่อ ๆ นี่ไว้ใจได้

“เก้านาฬิกาหล่อมากนิ่ง” ฉันกลอกตาไปมา

“ฉันไม่สนไง”

“หล่อจริงว่ะ” ปั้นหยาอีกคนเหมือนได้ยิน

“หล่อมาก หล่อจริง ๆ นะแก” ปั้นหยีต่อ

“อืม หล่อจริงว่ะนิ่ง สเปคแกเลย มาร์คต้วนสอง” คำว่ามาร์คต้วนสองของทับทิมทำให้ฉันนิ่งไป

“จริงดิ” ฉันหันไปกระซิบกับทับทิมมันก็พยักหน้างึกๆ ทับทิมเองก็รู้ว่าเพื่อนๆ ฉันไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นติ่ง

ฉันจึงค่อยๆ หันไปมองทางที่พวกนั้นบอก แล้วก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น ใช่เลย ถึงจะไม่ได้หน้าเหมือนไอดอลที่ฉันชอบแต่ก็มีเค้า สเปคฉันอย่างที่ทับทิมบอก

“สนใจอะดิ แต่วันนี้แกแต่งตัวไม่ผ่านน่าจะอดนะ”

“ฉันไม่ได้จะไปอ่อยเขาสักหน่อย แล้วแต่งตัวแบบไหนถ้าเขาจะสนใจเขาก็สน”

“แหมมมมม....พอคนนี้ออกตัวเลยนะ แสดงว่าสเปคแกเป็นแบบนี้จริงๆ” ปั้นหยีแหย่ฉัน

ฉันเลิ่กลั่ก

“แค่หน้าผ่าน นิสัยเป็นไงไม่รู้ แต่หล่อขนาดนั้นคงไม่เหลือที่จะมีแฟน” ผู้ชายหล่อ โสดๆ นี่หายากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรและฉันเองก็ไม่ใช่พวกที่จะไปยุ่งกับแฟนชาวบ้าน

“ฉันก็คิดว่างั้น งั้นก็มองเป็นอาหารตาไปแล้วกัน สักวันคงมีผู้สักคนตกถึงท้องแก”

หลังจากนั้นพวกมันก็ไม่เซ้าซี้ให้ฉันดูผู้ชายอีก ส่วนฉันก็มีดื่มบ้างโยกไปตามเพลงบ้างและก็เล่นมือถือ กระซิบกระซาบกันอยู่สองคนกับทับทิม

ลูกพีชกับปั้นหยาลุกขึ้นเต้น เวลาที่เพลงมัน ๆ ยัยทับทิมก็ไปร่วมแจมด้วยบางครั้ง

ส่วนฉันก็แอบมองผู้ชายคนนั้น คนที่พวกมันชี้ให้ดูตอนแรก บอกไม่สนใจแต่ก็มีเหลือบๆมองบ้าง ฉันไม่ได้จะจีบหรืออะไรเขาหรอกนะ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเพราะว่าเขามีความคล้ายไอดอลของฉัน แต่มองดี ๆ ก็ไม่คล้ายเท่าไหร่ เขาก็หล่อนะ หล่อมากด้วย ผิวเขาขาวมาก มองไกล ๆ ยังรู้เลยว่าผิวเขาละเอียดเรียบเนียนมาก

เป็นเพราะฉันจ้องเขามากเกินไปรึเปล่าไม่รู้ ทำให้เขาหันมาสบตากับฉัน สายตาเราสบกันเสี้ยววินาที เป็นฉันที่หลบก่อนเพราะตกใจ ฉันตกใจมากที่เขาเห็นว่าฉันจ้องเขาอยู่

ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงมาก

หลังจากสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ ฉันก็ไม่กล้าหันไปมองเขาอีก ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ

จนกระทั่งเลยเวลามาถึงห้าทุ่ม ฉันก็สะกิดพวกมัน

“ห้าทุ่มแล้วกลับกันไหม”

“ห้าทุ่มแล้วเหรอ” ทับทิมหันมาถามฉัน ฉันพยักหน้า

ทับทิมเลยสะกิดเรียกคนอื่น ๆ

“อยู่ต่ออีกนิดนะ กำลังมันเลย” ลูกพีชว่าพร้อมกับหันไปเต้น ไหนบอกเบาๆ ไม่ใช่สายดื่ม นี่ฉันว่าพวกมันเริ่มจะเมากันแล้วนะ

“ทับทิม แกว่าไง”

“เพื่อนแกอยากอยู่ต่อทำไงได้ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวค่อยกลับไปหวีดก็ได้นาน ๆ ทีออกมาเที่ยว”

ฉันถอนหายใจ ฉันไม่เคยพลาดเลยสักครั้งเวลาที่พวกเขามีคอน แต่ก็ได้ วันนี้พิเศษยอมให้ครั้งหนึ่ง

“โอเคๆ เอาให้สุดไปเลยเพื่อน” ฉันว่าก่อนจะบอกพวกมันจัดให้สุด

นาน ๆ ทีจะออกมาเที่ยวกัน ดีที่ฉันไม่ได้เพื่อนสายเที่ยว นาน ๆ ทีถึงจะมากัน ยัยพวกนี้ชอบกินมากกว่า ชอบออกไปหาอะไรอร่อยๆ กิน บ่อยสุดก็ปิ้งย่าง ส่วนฉันก็ไปได้หมดถ้าอยากไป แต่ส่วนมากจะชอบอยู่ห้องมากกว่า

ขี้เกียจออกข้างนอก แดดประเทศไทยเบาซะที่ไหน

นั่งไปนั่งมาก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ฉันเลยลุกขึ้นไปสะกิดยัยทับทิม

“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม” มันก้มลงมากระซิบถาม

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้เมา” ฉันเดินเลี่ยงออกมา เบียดคนที่เต้นๆ กันอยู่จนมาถึงห้องน้ำหญิง ก่อนจะไปต่อแถวเข้าเพราะคนเยอะ

พอได้เข้าก็โล่งมาก ฉันมองทางที่จะเดินไปถึงโต๊ะแล้วถอนหายใจ ทำไมวันนี้คนเยอะจัง

ฉันเดินเบียดคนไปตามทางแต่เหมือนจะโดนชนเพราะคนข้างหน้าเขาเต้นอยู่ ทำให้ฉันเซเล็กน้อย

“ขอโทษครับ” เขาหันมาขอโทษฉัน ฉันก็ก้มหัวให้นิดหน่อย ชนแล้วขอโทษฉันก็ไม่อะไร ฉันสามารถเดินฝ่าผู้คนมาได้เกือบจะถึงโต๊ะ สายตาของฉันก็ปะทะเข้ากับสายตาคมคู่หนึ่ง

คู่ที่ฉันเคยสบตาเขาเพียงเสี้ยววินาที เขากำลังเดินมาทางนี้ ตรงมาที่ฉัน และเรากำลังสบตากันอีกครั้ง เขามองฉันนิ่งๆ เป็นฉันที่ทนไม่ไหวหันไปมองทางอื่น ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง เขาคงจะไปเข้าห้องน้ำ และมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาเดินผ่านโต๊ะฉันไปทางห้องน้ำ

ว่าแต่ทำไมเขาต้องจ้องฉันขนาดนั้นด้วย เขาคงไม่ได้จะเอาเรื่องฉันที่ฉันแอบมองเขาก่อนหน้านี้หรอกนะ คงไม่หรอกมั้ง ฉันสลัดความคิดออกไป เลิกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วหันมากดโทรศัพท์ไถทวิตไปเรื่อย ๆ พอถึงเที่ยงคืนฉันก็จมอยู่กับโลกทวิต จนพวกเพื่อนที่ออกไปเต้นกลับมาฉันถึงเงยหน้าขึ้นมองพวกมัน

“สนุกมากเลยแก ไม่ได้ออกมาปลดปล่อยแบบนี้นานแล้ว เหมือนได้ละลายเนื้อย่างที่กินไป” ลูกพีชว่า ก่อนจะออกไปพวกมันเหมือนจะเมากันแต่พอกลับเข้ามาคงสร่างเมากันแล้ว

“หลับรึยังน้ำนิ่ง” ยัยปั่นหยีเข้ามานั่งใกล้ๆ ฉัน

“ใกล้แล้ว จะกลับกันยัง” ฉันรู้สึกว่ายิ่งดึกเสียงมันยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ

“อืม งั้นกลับกัน” ฉันยิ้มดีใจ ในที่สุดก็จะได้กลับบ้านสักที

ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนุกกับเพื่อนหรอกนะ ฉันก็สนุกแหละแต่สนุกในแบบของฉัน นั่งมองพวกมันเต้นหัวเราะฉันก็หัวเราะตามได้แล้ว

พวกเราพากันออกมาจากผับ

“กลับดี ๆ นะพวกแกถึงแล้วไลน์มาบอกด้วย” ฉันโบกมือลาสามสาว พวกเราไม่มีใครเอารถมาเพราะเข้าผับก็ต้องกินเหล้ามีแอลกอฮอล์ในร่างกายไม่เหมาะแก่การขับรถ

เมาไม่ขับ

“โอเค บาย”

หลังจากทั้งสามคนขึ้นแท็กซี่ไป ฉันกับทับทิมก็หันมาเรียกแท็กซี่บ้าง แต่ฉันที่พึ่งนึกอะไรออกก็ร้องบอกเพื่อนทันที

“ทิมฉันลืมหูฟังไว้ข้างใน”

“อ้าว กลับเข้าไปเอาไหม”

“ไปเอาสิ ฉันพึ่งถอยมาใหม่ แกรอฉันอยู่ตรงนี้นะ”

“ให้ไปด้วยไหม”

“ไม่ต้องๆ ฉันไปแป๊บเดียว”

“เออๆ รีบไปรีบมา”

ฉันรีบเดินกลับเข้าไปข้างใน มาเที่ยวผับใครจะบ้าเอาหูฟังมาด้วย เขาคงว่าบ้า ฉันเดินกลับมาโต๊ะที่เคยนั่ง ตอนนี้ดึกมากแล้ว คนก็เริ่มทยอยออกไปกันแล้ว ทำให้เดินสะดวกมากขึ้น มาถึงก็กวาดสายตามองหาสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะเจอมันนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงที่ฉันนั่ง ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีที่พนักงานยังไม่มาเก็บโต๊ะ

พอได้ของแล้วฉันที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอกก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ฉันหันไปมองทางต้นเสียง

“มึงอยากมีเรื่อง”

ผู้ชายคนหนึ่งผลักอกผู้ชายอีกคนแรงๆ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ที่ฉันได้ยินเพราะเพลงมันก็เบาลงด้วย คนเริ่มหันไปมอง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันอยู่ตรงหน้าฉันพอดีตรงทางที่ฉันเดินผ่านมาเป๊ะ

“ใจเย็นๆ พวก มีอะไรค่อยๆ คุยกัน” ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆคนที่โดนผลักเดินเข้ามาเจรจา แต่เหมือนจะไม่ได้ผล

“ทำไมกูต้องใจเย็น ในเมื่อมันมาจีบเมียกู” ผู้ชายคนนั้นตะโกนกลับ

“กูไม่ได้จีบ เมียมึงมาอ่อยกูเอง” คนที่โดนหาเรื่องแก้ตัว ไม่ทราบว่าแก้ตัวเพื่อที่จะรอดหรือจะโดนต่อยกันแน่

แต่เอ๊ะ แล้วทำไมฉันต้องมายืนดูพวกเขาทะเลาะกันด้วยเนี่ย

ว่าแล้วฉันก็มองหาช่องทางที่จะเดินออกไปเพราะพวกเขาทะเลาะกันตรงทางที่ฉันจะต้องเดินผ่าน แต่ก่อนที่ฉันจะได้ก้าวขา เสียงโต๊ะก็ล้มดังโครม

ฉันตาโตมองร่างคนที่กระเด็นมาอยู่ตรงหน้า คนที่บอกว่าผู้หญิงมาอ่อย เขาโดนต่อยจนล่ม

เสียงกรี๊ดดังขึ้น

“พอได้แล้วท๊อป อย่ามีเรื่อง”

“ปล่อย ฉันต้องจัดการกับเธอแน่” เขาหันไปชี้หน้าผู้หญิง

ว่าแล้วผู้ชายคนนั้นก็พุ่งเข้ามาทางผู้ชายที่เขาชก

“ว๊าย” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อโดนกระชากไปข้างหลัง

“ยืนเอ๋อ ให้โดนลูกหลงรึไง” ฉันเงยหน้ามองคนพูดเสียงห้วน ดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ ไม่แน่ใจว่าเต้นแรงเพราะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้หรือเต้นแรงเพราะผู้ชายคนที่ดึงฉันออกมากันแน่

เขาคือผู้ชายคนนั้น คนที่ฉันสบตาด้วย

ฉันเหมือนคนเอ๋อแดกอย่างที่เขาบอก เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ก็พยายามหาเสียงตัวเองจนเจอ

“ขอบคุณค่ะ” ฉันเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ ก้มหัวให้นิดหน่อย เขาช่วยฉันก็ต้องขอบคุณสิถูกไหม

ตอนนี้ฉันกับเขาอยู่ใกล้กันมาก มากจนได้กลิ่นน้ำหอมของเขา หอมมาก เขาใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรนะทำไมถึงหอมจัง หอมแบบน่าค้นหา

“จะออกไปข้างนอกใช่ไหม” เสียงของเขาทำให้ฉันได้สติ ฉันมองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้ารัวๆ

แค่นั้นแหละฉันก็โดนผู้ชายแปลกหน้าแต่หล่อมาก เดินจูงมือออกมาจากตรงนั้น โลกของฉันเหมือนหยุดไว้แค่ฉันกับเขา ฉันไม่ได้สนใจเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทอีกเพราะสมองของฉันมันตื้อไปหมด

ข้อมือถูกเขากำไว้แน่น ทำให้ใจฉันรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ว่าฉันใจง่ายให้เขาจับมือหรืออะไรหรอกนะ ฉันตกใจและตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองแอบมองจะมาอยู่ตรงนี้ ต่อหน้าฉันและกำลังจับมือฉันอยู่

ฉันพยายามรวบรวมสติตัวเองกลับมา พอเห็นว่าเขาพาเดินออกมาไกลจากตรงนั้นพอสมควรฉันก็หยุดเดิน ทำให้เขาต้องหยุดด้วย ก่อนจะหันมามองกัน ฉันจึงค่อยๆ ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเขา ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี

“ขอบคุณค่ะ ส่งแค่นี้ก็พอค่ะ” ฉันขอบคุณเขาอย่างสุภาพ ไม่โวยวายที่เขาถือวิสาสะจับมือถือแขน

ซึ่งพอฉันพูดแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้วมองฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

“อืม” และเดินออกไป ฉันมองตามหลังเขาก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ยัยนิ่ง ทำไมไปนาน” เสียงเรียกของทับทิมทำให้ฉันละสายตาจากแผ่นหลังกว้าง

“คนตีกันข้างในแก ฉันต้องหาทางหลบออกมา”

“จริงดิ แล้วแกเป็นอะไรไหม”

“ไม่ๆ กลับกันเถอะ”

ฉันปัดเรื่องของโอปป้าหน้าหล่อออกไปจากหัว ก่อนจะชวนเพื่อนกลับบ้าน คิดว่าคงไม่เจอเขาอีก เขาอาจจะเห็นว่าฉันยืนเอ๋ออยู่เลยเข้ามาช่วย คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น แค่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น

ฉันยอมรับว่าเขาหล่อตรงสเปคแต่แล้วไง นิสัยเขาอาจจะไม่ใช่สเปคฉันก็ได้

แต่เขาก็มีน้ำใจนะ

โว๊ะ น้ำนิ่ง แล้วแกจะคิดเรื่องของเขาทำไม หยุดๆ

ฉันบังคับตัวเองให้หยุดคิดจนถึงห้อง

พอถึงห้องฉันก็ปัดเขาออกจากหัวได้จริง ๆ เพราะกลับเข้ามาสู้โลกแห่งการหวีดผู้ชาย

กลับมาสู่โลกความเป็นจริงของฉันดีกว่า ถึงผู้ชายที่ฉันคลั่งจะเตะต้องไม่ได้ ได้แต่มโน พวกเขาก็ทำให้ฉันมีความสุข ยิ้มได้ หัวเราะได้ เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้

คนที่ไม่ใช่แฟนคลับอาจจะบอกว่าฉันพูดเวอร์ไป อะไรจะขนาดนั้น อันนี้ฉันก็ไม่ว่าเพราะพวกเขาไม่ได้มาติดตามเหมือนฉัน แต่ฉันอยากจะบอกว่า ไอดอลเป็นแรงบันดาลใจในหลายๆ เรื่องให้แฟนคลับได้จริง ๆ นะ

ถึงคนภายนอกจะมองว่าไร้สาระ ทำไมต้องรักขนาดนั้น ทำไมต้องเสียเงินขนาดนั้นให้ใครก็ไม่รู้ เอาเงินมาทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ

ฉันอยากจะบอกว่า ความสุขของใครของมัน ฉันไม่เคยเสียดายเงินที่เสียให้กับพวกเขาเลยสักนิด กดบัตรคอนแต่ละทีกลัวที่จะไม่ได้มากกว่ากลัวที่จะเสียเงิน

“คอนจบไปยังแก” ยัยทับทิมที่อาบน้ำเสร็จเอ่ยถามฉัน

“จบแล้ว ไปหวีดย้อนหลังในทวิตเอา ฉันไปอาบน้ำก่อน” ฉันวิ่งเข้าห้องน้ำบ้าง ง่วงนอนจะแย่ ดีที่พรุ่งนี้วันเสาร์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel