บทนำ
บทนำ
ภาพเลือนรางราวมีเมฆหมอกมาบดบังแต่เขายังจำความรู้สึกวันนั้นได้เป็นอย่างดีไม่เคยลืม บนเตียงกว้างภายในคอนโดสุดหรูซึ่งผู้เป็นพ่อยกให้มาพักอาศัยระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย บางครั้งเขาก็นอนอยู่ที่นี่เมื่อเลิกเรียนดึก แต่บางครั้งก็กลับบ้านเพราะทนคิดถึงมารดาไม่ไหว แต่วันนั้น..เขากลับมาห้องด้วยสภาพเมามายข้างกายมีผู้หญิงที่รักพยุงไม่ห่าง เธอทิ้งเขาไว้บนเตียงกว้างก่อนจะจากไป
ความหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศและหัวใจที่ถูกเหยียบย่ำแทบไม่เหลือชิ้นดีทำให้ร่างสูงอยากใช้โอกาสครั้งนี้เพื่อรั้งคนรักเอาไว้แม้เธอคนนั้นจะไม่ยอมทำตามก็ขอลองดูอีกครั้งแล้วกัน
“อย่าไปได้ไหม อยู่ด้วยกันก่อนนะ” เพราะหัวใจที่เจ็บปวดและด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนแทบมองไม่เห็นใบหน้าหวาน เขาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้พยายามลุกขึ้นนั่งใช้แรงน้อยนิดดึงตัวเธอเข้ามากอด“อย่าไปเลยนะ เลือกผมไม่ได้เหรอ เป็นผมไม่ได้เหรอ” ขอร้องอ้อนวอนโดยไม่สนใจว่าแรงกอดรัดจะทำร้ายคนในอ้อมแขนมากเพียงไร
ร่างเล็กตัวสั่นจากการกลั้นสะอื้น เธอเงียบไม่ตอบกลับและไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เขาร้องขอราวกับเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจ
“ผมรักคุณจริงๆ นะ ได้ยินไหมปลาย ผมรักคุณ ฮึก รักผมได้ไหม ได้โปรด” น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาช้าๆ ก่อนที่เขาจะซบลงบนไหล่เล็กดึงเธอขึ้นมานั่งบนตักกอดจากข้างหลังด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ภาพเหตุการณ์เมื่อเย็นยังคงแจ่มชัดในความรู้สึก ภาพที่เขากลายเป็นผู้แพ้โดยสมบูรณ์แบบ
“ปล่อย ฮือ” คนในอ้อมกอดก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เธอพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดที่กำลังทิ่มแทงใจอยู่ในขณะนี้ อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่เขากำลังบอกรัก
คนเจ็บปวดทั้งสองนั่งกอดกันภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามา ห้องนอนสุดหรูไม่ได้เปิดไฟมีเพียงผ้าม่านที่ถูกเปิดเอาไว้ตั้งแต่เช้าทำให้มีแสงธรรมชาติลอดผ่านและมองเห็นทุกอย่างเลือนราง
กองทัพรับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอด
เธอร้องไห้..ร้องทำไม
..หรือว่าเธอยังรักเขาอยู่เหมือนกัน
ความคิดนั้นจุดประกายให้ห้ามน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าไม่ให้รินไหลออกมา เขายกคนตัวเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเองอย่างง่ายดาย
..เธอตัวเบาอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
เกิดความสงสัยแต่ความคิดนั้นก็ถูกปัดไปทันทีเมื่อได้รับรู้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตที่คุ้นเคย
ทำไม รู้สึกแปลกแบบนี้..
“หยุดร้องนะคนดี” มือหนาเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบซับน้ำตา
คนตัวเล็กหลับตาลงยินยอมให้เขากระทำตามที่ใจคิด ริมฝีปากได้รูปจุมพิตที่เปลือกตาของเธออย่างแผ่วเบาแล้วไล่ลงมาที่แก้ม รสน้ำตาไม่ได้หวานปานน้ำผึ้งแต่เขาก็ยินดีที่จะซับให้อย่างไม่รังเกียจ
“ถ้ายอมเป็นผู้หญิงคนนั้น คุณจะรักฉันใช่ไหมคะ” ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นเสหลบตาเขาเพราะกลัวว่าอีกไม่กี่วินาทีชายหนุ่มจะจำได้ว่าดวงตาคู่นี้เป็นคู่ที่เขาแสนรำคาญมาโดยตลอด
“รักสิ รักอยู่แล้ว รักมาโดยตลอด” คำตอบนั้นเป็นการสิ้นสุดความอดทน แม้จะโดนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย ยอมแลกได้แม้กระทั่งศักดิ์ศรีเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียวที่ไม่เคยแลเหลียวเลยสักครั้ง ได้แต่วิ่งตามความรักโดยไม่มีวันรู้ว่าจะได้กลับมาหรือเปล่า
..แค่ได้รักก็พอแล้ว
พอแล้วจริงใช่ไหม..
ใบหน้าหวานยื่นเข้าไปจุมพิตเขาก่อนจะหยุดนิ่งแบบนั้น เพราะความไม่เคยทำให้ทุกอย่างดูประดักประเดิดไปหมด
จนในที่สุดร่างสูงก็ทนไม่ไหวคว้าใบหน้าหวานมาบดจูบอย่างเร่าร้อนดังที่เคยทำด้วยกัน บทรักที่เธอเป็นคนสอนเขาวันนี้เขาจะสอนเธอกลับบ้าง ชายหนุ่มดูดกลืนริมฝีปากบางจนบวมเปล่ง
เธอพยายามผลักเขาออกเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ
ร่างสูงยอมผละออกแล้วเลื่อนไปซุกไซ้ซอกคอขาวแทน ความเนียนนุ่มที่น่าหลงใหลทำให้อารมณ์เขาติดได้โดยง่าย เสื้อยืดตัวเล็กที่หญิงสาวใส่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็วเมื่อความรู้สึกแห่งราคะถูกจุดขึ้น
กองทัพในชุดเสื้อเชิ้ตก็ไม่รอช้าเขาปลดกระดุมของตนเอง ริมฝีปากก็ไม่ยอมผละจากใบหน้าหวานพรมจูบไปทั่วอย่างโหยหา
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้สาวน้อยไร้อาภรณ์ต้องคว้าร่างหนาเอาไว้ กายสาวที่ไม่เคยเปลือยเปล่าต่อหน้าใครกลับอยู่ในสายตาของเขาภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา เธอเหมือนนางบุษบายามที่ถูกอิเหนาเฝ้ามองเมื่อไฟดับ งดงามเสียเหลือเกินจนอยากเก็บเอาไว้เชยชมเพียงคนเดียว กายหนาเคลื่อนลงชิมความหวานจากดอกบัวตูมไม่ลืมเคล้นคลึงอย่างมันมือ
..ขนาดของเธอใหญ่ขึ้นหรือเปล่านะ
ผมยาวถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง เธอนั่งแอ่นอกรับสัมผัสแปลกใหม่แม้ในใจจะเจ็บปวดก็ตาม
..เธอไม่ใช่คนที่เขาต้องการ แค่ยอมพลีกายให้ก็ถือว่าไร้ศักดิ์ศรีมากพอแล้ว ไม่เป็นไรหรอก เขาจะไม่มีวันรู้ว่าเป็นเธอเพราะอีกไม่นานเราก็จะไม่เจอกันอีก เขาจะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่เจ็บปวดของผู้หญิงคนนี้เพราะฉะนั้นหากจะเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายก็ไม่เป็นไรใช่ไหม
..ไม่โกรธกันใช่ไหมคะพี่ทัพ
เมื่ออารมณ์พุ่งทะยานชายหนุ่มก็กลืนกินหญิงสาวโดยลืมแม้กระทั่งการป้องกัน ความสุขที่ไม่เคยพานพบทำเอาร่างบางรู้สึกเหมือนมีพลุจุดขึ้นมันสวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัว หลงระเริงในความสุขจนกระทั่งเขาเอ่ยบอกรัก
ชื่อที่ไม่ใช่ชื่อเธอ
“รักปลาย ทัพรักปลาย”
น้ำตาเม็ดโตไหลออกมา เธอนอนบนเตียงหันหลังให้เขาแต่ร่างสูงไม่ยอมปล่อยดึงร่างบางเข้าไปกอดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ทั้งสองไม่ได้ชำระกายและนอนทั้งที่ห้องมีกลิ่นน้ำแห่งรักอบอวลไปทั่ว ใบหน้าหวานพยายามกลั้นสะอื้นหลับตาลงเพราะเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมเมื่อสักครู่ หัวใจดวงน้อยถูกบีบรัดอีกครั้งเมื่อเขายังละเมอไม่หยุด
“อยู่ด้วยกันตลอดไปนะปลาย ผมรักคุณ อย่าจากผมไปไหนอีกนะ”
เธอมันโง่เองที่เคยคิดว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้หัวใจของชายหนุ่มได้ จะไม่มีใครได้ครอบครองเขานอกจากเธอ ความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คิดแม้แต่น้อย พี่ทัพเปิดหัวใจให้ผู้หญิงอีกคนเข้ามาและปิดตายไม่ให้ใครได้เข้าใกล้อีก
สายตารำคาญทุกครั้งที่มองมายังเธอทำให้เจ็บปวดได้เสมอแต่ก็ใช้ความสดใสเข้าช่วยถึงภายในจะร้าวรานเพียงใดก็ตาม อยากเลิกรักเขา อยากหนีให้ห่างแต่เพราะรักมากเกินไปเธอจึงไปไหนไม่ได้ ยังคงอยู่ใกล้เกาะติดให้เขารำคาญใจ แต่ต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว
แสงอาทิตย์ขึ้นเมื่อใดคงหมดเวลาของเธอ..
เสียงเคาะประตูยามเช้าและเสียงมารดายามเอ่ยเรียก
“ตาทัพตื่นได้แล้วนะลูก”
ปลุกร่างสูงให้ตื่นจากฝันที่ตามหลอกหลอนมานาน เหงื่อโซมกายก่อนจะลูบใบหน้าสลัดฝันเมื่อคืนออกไป ใบหน้าคมชัดขึ้นตามอายุกลายเป็นหนุ่มหล่อที่สาวหลายคนหมายปอง จากเด็กอ้วนกลายเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจนักธุรกิจน่าจับตามอง
“ครับแม่” ตะโกนตอบกลับลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อและกางเกงออกเหลือเพียงตัวเปล่าเปลือยเข้าไปยืนใต้ฝักบัว น้ำไหลลงมารดศีรษะทำให้โล่งขึ้น
คืนนั้นยังจำได้ไม่ลืมแม้จะผ่านมาแล้วหกปีก็ตาม คืนที่เขาจำได้เพียงกลิ่นและสัมผัสแห่งความสุขราวกับตนเองคือคนที่แสนพิเศษ เคยคิดว่าคนคนนั้นคือปลายฟ้าแต่จุดสีแดงบนที่นอนทำให้รู้ว่าไม่ใช่..ผู้หญิงที่มอบความสุขให้เขาทั้งคืนไม่ใช่ปลายฟ้า
แล้วเธอคือใคร..
ความสงสัยยังติดค้างในใจ แววตากลมโตฉายแววแห่งความเศร้าแต่ก็เอ่อล้นไปด้วยความสุข
..มันหมายความว่ายังไง
อาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัว จัดทรงผม ไม่ลืมแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยกลบเกลื่อนความเมื่อยล้า ผู้ชายใช่ว่าจะต้องหน้าสดเสมอไป อะไรที่พรางได้ก็ต้องพรางเพื่อหน้าตาของตนเองและบริษัท จัดการตนเองเรียบร้อยก็ลงไปข้างล่าง
บรรยากาศของวันนี้น่านอนจนไม่อยากออกไปทำงาน แต่เพราะหน้าที่ค้ำคอจึงต้องลงมารับประทานอาหารเช้าพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก บิดาของเขา คุณภราดร วิจิตรประภาในวัยห้าสิบเก้าปียังคงดูสง่าน่าเกรงขามไม่เปลี่ยน
“ไม่เป็นไรหรอกเปรม ปล่อยลูกบ้างเถอะ”
ได้ยินเสียงท่านคุยกันก่อนที่จะนั่งลงฝั่งขวาตรงข้ามมารดาที่ทำหน้าไม่สบายใจ คุณเปมิกา วิจิตรประภา อดีตดาราดังของเมืองไทยแม้จะอยู่ในวัยห้าสิบหกปีแต่หุ่นก็ยังดีเหมือนสาววัยรุ่น ใบหน้าสวยหวานเช่นเดิมติดจะเหี่ยวตามกาลเวลาแต่ก็ไม่สามารถบดบังความงดงามได้
“แต่ตารบไม่กลับบ้าน ไม่โทรมาบอกด้วยนะคะ เปรมเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นอันตราย” คนที่กลายเป็นประเด็นสนทนาคือนักรบ วิจิตรประภา น้องชายที่ห่างจากเขาถึงหกปีกำลังเรียนมหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่สาม มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นวันจนบางครั้งต้องไปประกันตัวถึงโรงพัก อารมณ์ร้อนไม่มีใครเกิน
“ถ้าลูกมีปัญหาก็โทรมาบอกแล้ว” ปลอบใจภรรยาก่อนจะชวนรับประทานอาหารเช้า
ลูกชายคนโตของบ้านนั่งเงียบไม่พูดจากินข้าวต้มที่มารดาทำโดยไม่ปริปาก จากเด็กที่เคยร่าเริงเหมือนมีคนมาพรากเสียงหัวเราะลูกชายไป เขากลายเป็นอีกคนที่เงียบขรึมเหมือนบิดาครั้งยังเป็นหนุ่มไม่มีผิด
“ทัพ น้าลิซบอกแม่ว่ามะรืนหนูป้อนจะกลับไทย ถ้าว่างไปหาน้องกันนะลูก” เอ่ยชวนเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเอ็นดูป้อนข้าวหรือณชา พิบูลกนก ตั้งแต่ยังเด็ก ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝดเพิ่งจะห่างกันไปเมื่อกองทัพโตขึ้น
ดวงตาเรียวจ้องมารดาแต่ดวงตากลับว่างเปล่า
ป้อนข้าวกำลังจะกลับมาอย่างนั้นหรือ..
“ขอดูก่อนนะครับ ช่วงนี้งานยุ่ง” แบ่งรับแบ่งสู้ก้มหน้ากินข้าวก่อนจะขอตัวออกไปทำงาน
ทุกวันนี้เขาเหมือนมีร่างกายแต่ไร้วิญญาณเพราะมันถูกกระชากไปเมื่อหลายปีก่อน ผู้หญิงที่รักกลับทิ้งอย่างไม่ไยดี ความรู้สึกที่เขามอบให้เธอกลายเป็นเพียงของไร้ค่าที่ไม่เคยได้รับการเหลียวแล เจ็บจนทานทนแทบไม่ได้
เขาคิดเพียงเรื่องของตัวเองจนลืมเลือนเรื่องของน้องสาวแสนดีไป ลืมว่าเธอจากเขาไปไม่มีแม้คำกล่าวลา ลืมว่าเธอไม่เข้ามาในครรลองสายตาหลายปี ลืมรอยยิ้มแสนหวาน ลืมคำพูดออดอ้อน ลืมหมดทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ณชา พิบูลกนก