บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

“แหม นังหนู ข้าก็นึกว่าเอ็ง จะนึกว่าข้าตายไปเสียแล้ว มาเยี่ยมข้าได้ด้วยเหรอ เชอะ !” หญิงชราที่ยืนรอรับกาญจน์กวินทร์อยู่ว่าเสียงดัง ทองพลุยังดูแข็งแรงมากสำหรับคนอายุ 78 ปี หน้าตาของหญิงชราดูค่อนข้างดุ และมองหลานสาวลอดแว่นเหมือนจะค้อน กาญจน์กวินทร์รีบไปไหว้ย่าของหล่อนทันที แล้วกอดรอบร่างของท่านอย่างคิดถึง หอมแก้มเหี่ยว ๆ หลายฟอดแรง ๆ จนทองพลุต้องโวย

“พอแล้ว ข้าอึดอัด “ กาญจน์กวินทร์หัวเราะ แล้วคลายกอด

“ย่าจ๋า กอดแน่น ๆ จะได้รู้ไงว่าย่ายังไม่เป็นอะไรไป หนูไม่ได้มาแค่สองเดือนเองก็โทรรายงานแล้วนี่นาว่าต้องไปทำงานที่เมืองนอก”

“สองเดือนอะไร เอ็งไปตั้งสามเดือนข้าแก่แล้วแต่ไม่ได้เลอะนะ “ ทองพลุค้อนหลานสาวขวับ “เอ่อ ไหว้พระเถอะแม่เตยหอม นี่มากับเขาด้วยเหรอ ?”

“ค่ะย่า ! “ หล่อนยิ้มให้หญิงชรา ทองพลุมองภัทรวัลย์แล้วก็หันมามองกาญจน์กวินทร์ แล้วก็เบ้ปาก ดึงภัทรวัลย์มายืนข้าง ๆ แล้วชี้ให้กาญจน์กวินทร์ดู

“เอ็งแต่งตัวอะไรของเอ็งนังหนู กระโปรงมันขาดแล้วเอามาใส่อีกทำไม แล้วก็สั้นเหลือเกิน เสื้อก็ฟิตจัง คอก็ลึก นี่หัดแต่งตัวแบบแม่เตยเขาบ้างสิเรานะ ย่าเห็นแล้วหัวใจจะวาย” กาญจน์กวินทร์ มองตัวเองที่สวมเสื้อแขนตุ๊กตาสีขาวคอวี พอดีตัว กระโปรงยีนส์สั้น มีรอยขาดแบบจงใจทำให้เป็น รองเท้าส้นสูงสีเงินที่ยิ่งทำให้กาญจน์กวินทร์ที่สูงถึง 173 cm อยู่แล้วยิ่งดูสูงมากขึ้น หล่อนผูกผมดำมันขลับไว้เป็นเหมือนผมจุก ปล่อยผมข้างหน้าไว้เคลียแก้ม สวมต่างหูห่วงสีเงิน แต่งหน้าออกโทนสีฟ้า ดูเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันเอามาก ๆ ขณะที่ภัทรวัลย์เพื่อนรัก สวมเสื้อเชิ้ตสีครีมลายดอกไม้ กับกางเกงขายาวสีขาว รองเท้าส้นเตี้ยสีน้ำตาล ผมยาวหยักศกประบ่า ผูกไว้เรียบ ๆ อวดใบหน้าสวยใสที่ไม่ได้แต่เติมอะไรมากนอกจากลิปสติกสีชมพูระเรื่อเท่านั้นเอง หล่อนเตี้ยกว่ากาญจน์กวินทร์เพราะสูงแค่ 165 cm เลยดูต่างกันเอามาก ๆ ในสายตาทองพลุที่อยากให้หลานสาวแต่งตัวเรียบร้อยมากกว่าเป็นสาวทันสมัยแบบนี้

“ปิดบนปิดล่างแบบเตยไม่ไหวหรอกย่า ต้องเปิด ๆ หน่อย ก็ย่าบ่นว่าหนูไม่มีใครมาจีบสักทีไม่ใช่เหรอก็ต้องแต่งตัวสวย ๆ หน่อย”

“มันจะหนีแกหมดนะสิ ! แต่งตัวแบบนี้นะ บ้านเราไม่ใช่กรุงเทพนะโว้ย เดี๋ยวเขาจะมองไม่ดี”

“หนูว่าจะมองเพลินมากกว่า” กาญจน์กวินทร์เถียง แล้วโพสท่าเหมือนนางแบบ “ใครจะไม่อยากมองของสวย ๆ งาม ๆ “

“นังหนูนี่ เอ็งมัน ไอ้หลานทะลึ่ง .........” ทองพลุเริ่มด่าเป็นชุด ภัทรวัลย์ที่ชินเสียแล้วกับสองยายหลานที่เวลาเจอกันทีไรก็มักจะเหมือนคนทะเลาะกันทุกที เพราะความช่างแหย่ของกาญจน์กวินทร์ และความปากจัดของทองพลุ จนหล่อนอดหัวเราะกิ๊กไม่ได้ สักพักทองพลุก็เริ่มเหนื่อย เลยเดินหนีขึ้นบ้านที่เป็นบ้านไม้แบบเรือนไทยโบราณยกใต้ถุนสูง ปากก็บ่นไปด้วย

“คุยกับเอ็งแล้วเหนื่อย ขึ้นบ้านดีกว่า แม่เตยหอมเอาของมาเก็บแล้วมากินน้ำกินท่าข้างบน สิลูก นังนวลไปเก็บสายบัวสวย ๆ กับซื้อปลาทูตัวโตสด ๆ เลยมาทำต้มสายบัวให้ มา ๆ ขึ้นข้างบนก่อน” หันมาชวนแล้ว ทองพลุก็ขึ้นบันไดนำไปก่อน ภัทรวัลย์ตีแขนเพื่อนอย่างอดไม่ได้

“ตัวไปแหย่ย่าทำไม ?”

“ย่าชอบจะตายที่ได้ด่าเรา อะลินนาดรีน พุ่งกระฉูดออก ถึงได้แข็งแรงอย่างนี้ไงละ เคยโกรธเราจริงจังที่ไหนกัน “ กาญจน์กวินทร์หัวเราะ ทำให้หญิงสาวอดขำตามไม่ได้ แล้วพากันเดินตามหลังทองพลุขึ้นไปบนเรือน ที่หญิงชรานั่งอยู่นอกชาน พร้อมทั้งมีขันใส่น้ำฝนเป็นขันเงินลอยดอกมะลิเย็นเจี๊ยบไว้รอท่าเรียบร้อย กาญจน์กวินทร์ รีบไปนั่งข้าง ๆ ทันที

“หนูอยากกินน้ำพริกมะขาม กับดอกขจรผัดน้ำมัน ย่าเอาใจแต่เตยหอมไม่เห็นทำให้หลานบ้างเลย “ หล่อนซบกับบ่าของหญิงชราอย่างประจบ

“ก็ทำให้เหมือนกันแหละน่า เอ็งเอาของไปเก็บแล้วไปเก็บผักกระถินข้างล่างไป๊ กำลังยอดงาม ๆ มะเขือเปราะก็กำลังอ่อน ๆ เลย “

“รักย่าจังเลย “ หล่อนกอดทองพลุแรง ๆ อย่างแกล้ง จนต้องเอามะเหงกเขกหัวเข้านั่นแหละถึงจะยอมปล่อย ภัทรวัลย์มองภาพสองยายหลานอย่างชื่นใจแกมอิจฉาหน่อย ๆ จนต้องแอบถอนใจ มาถึงที่นี่แล้วหล่อนก็คิดถึงมารดาเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากเจอหน้าพ่อเลี้ยงใจชั่วนั่น แม่ไม่ได้ตอบจดหมายหล่อนเลย ทั้ง ๆ ที่ภัทรวัลย์ส่งเงินให้ทุกเดือน

“เอาของไปเก็บกันเถอะเตย แล้วไปเก็บผักกัน “

“จ๊ะ “

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel