บทที่ 1
“โอ๊ย !! กลับถึงบ้านเสียที รถติ๊ดติด นะเตย เราซื้อของมาฝากตัวเยอะแยะเลยไว้เดี๋ยวค้นให้นะ ขอนั่งพักขาสักพักหนึ่งเถอะ แล้วจะเอาของฝากมาให้นะ“ เตยหอม หรือ ภัทรวัลย์ ฝืนเผื่อน ๆ ให้กับคนพูด ที่กำลังนั่งบีบขาตัวเองเพื่อคลายเมื่อยอยู่บนโซฟาตัวยาว ด้วยอารมณ์ภายในที่กำลังเกาะกุมอยู่ทำให้หล่อนไม่ได้ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายเพื่อนรักเหมือนเคย หล่อนยกน้ำส้มแช่เย็นเชียบมาให้หญิงสาว ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มของภัทรวัลย์เศร้าหมอง ไม่มีประกายสดใสเหมือนอย่างเคย จนคนที่อยู่บนโซฟาชักจะสงสัย เพราะแม้ว่าโดยนิสัยของหญิงสาวจะเป็นคนเงียบขรึม แต่ก็ไม่น่าจะเงียบถึงขนาดนี้ เลยอดถามไม่ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าเตย ? วันนี้ตัวดูแปลก ๆ ไม่คิดถึงเพื่อนหรือไงจ๊ะ เราไม่อยู่ตั้งเกือบสองเดือนแนะ น้อยใจนะเนี่ย “
“ไม่มีอะไรหรอกน่า กอบัวไม่ต้องคิดมากหรอก เราคงแค่เหนื่อยนะ พี่ออยเขาลางานเราก็เลยต้องทำคนเดียว ช่วงนี้ใกล้สอบด้วยเด็ก ๆ ก็เลยเข้าห้องสมุดกันเยอะ เราคิดถึงกอบัวจะตายไป ไม่มีคนทำอาหารอร่อย ๆ ให้กิน เหงาด้วย” ภัทรวัลย์กอดแขน กอบัว หรือ กาญจน์กวินทร์อย่างอ้อน ๆ หญิงสาวมองเพื่อนสนิท แล้วก็ยังรู้สึกว่าภัทรวัลย์ต้องมีเรื่องคับข้องใจอะไรอยู่แน่ ๆ ไม่เป็นไร ยังไง หล่อนก็ต้องรู้ให้ได้ว่าสองเดือนที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทบ้าง หล่อนมองเพื่อนที่ซบอยู่กับไหล่ด้วยสายตาห่วงใย
กาญจน์กวินทร์กับภัทรวัลย์เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้นิสัยจะต่างกันลิบลับและดูเหมือนว่าไม่น่าจะมาคบกันได้ ภัทรวัลย์เป็นสาวหวานเรียบร้อย รักการอ่าน อารมณ์เย็น นิ่งราวกับน้ำ ตัวเล็ก บอบบาง แต่ในความบอบบางและดูอ่อนแอ ภัทรวัลย์ก็ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ หล่อนเป็นลูกสาวคนเดียวที่ครอบครัวค่อนข้างจะมีปัญหา เริ่มตั้งแต่แม่ของหล่อนที่แต่งงานมีสามีใหม่ แต่พ่อเลี้ยงของหล่อนกลับอยากได้ภัทรวัลย์มาเป็นเมียด้วยอีกคน ซึ่งแม่ของหล่อนก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือช่วยอะไรเลย หล่อนจึงหนีออกจากบ้านมาและเกือบจะไม่ได้เรียน แต่ได้กาญจน์กวินทร์เพื่อนรักและย่าช่วยไว้ได้ ทองพลุประกาศห้ามแม่กับพ่อเลี้ยงของภัทรวัลย์เข้าใกล้หล่อนอีกเป็นอันขาด และให้ที่อยู่อาศัย ทุนการศึกษาแก่ภัทรวัลย์ ซึ่งหล่อนก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ช่วยงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ทั้งตัดบัว ดูแลสวนให้กับทองพลุ ซึ่งหญิงชราก็ชอบหญิงสาวร่างเล็ก หน้าใส บอบบางคนนี้ ว่าแกร่งกว่าที่หล่อนคิดไว้มากทีเดียว ภัทรวัลย์เรียนจบมาในเกณฑ์ค่อนข้างดี และถูกกาญจน์กวินทร์ลากมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ ด้วย ทันทีที่เรียนจบเพราะหล่อนอยากจะหนีมานอกกรอบใช้ชีวิตตามแบบของตัวเองบ้าง ทองพลุยอมให้หลานสาวอยู่ไกลตาเพราะไว้ใจภัทรวัลย์ว่า จะสามารถปราบและปรามกาญจน์กวินทร์ไม่ให้เหลวไหลได้ แต่มีข้อแม้ว่ากาญจน์กวินทร์ต้องกลับบ้านอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อจะรายงานตัวกับย่า แม้จะแอบขัดใจแต่กาญจน์กวินทร์ก็ยอมตามข้อตกลงแต่โดยดี
กาญจน์กวินทร์เป็นสาวสวยเปรี้ยว มั่นใจในตัวเองสุด ๆ อารมณ์ร้อนราวกับไฟถ้าใครไปแหย่ถูกจุด แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าจะเอาอะไรแล้ว กาญจน์กวินทร์ต้องได้ ความผิดหวังเป็นแทบจะเป็นสิ่งที่กาญจน์กวินทร์ไม่เคยได้ลิ้มรส แม้ว่าหล่อนจะไม่มีทั้งพ่อและแม่ เพราะท่านทั้งสองเสียไปแล้วทั้งคู่ แต่หล่อนก็มีย่า ที่แม้จะกระทบกระทั่งกันบ่อย ๆ แต่กาญจน์กวินทร์ก็รักย่าทองพลุของหล่อนมาก และไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดความอบอุ่นอะไร ตรงกันข้าม อุ่นเสียจนเกือบร้อน เพราะความดูแลอบรมอย่างดีของย่าของหล่อนที่กาญจน์กวินทร์เห็นว่า ดีมากจนกลายเป็นกรอบครอบสาวมั่นใจอย่างหล่อนไว้ ย่ามักจะชอบบ่นว่าหล่อนเสมอ ส่วนใหญ่ก็ไอ้เรื่องการแต่งตัวของกาญจน์กวินทร์ที่ย่าของหล่อนเห็นแล้วต้องดมยาดมทุกที ก็แค่กางเกงขาสั้นบ้าง เสื้อสายเดี่ยวบ้าง กระโปรงสั้นบ้าง ย่าของหล่อนก็บ่นเช้าบ่นเย็นแล้ว ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อกาญจน์กวินทร์ทำอาชีพนี้ ที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าที่ต้องตามสมัยเสมอ หล่อนมีอาชีพเป็นดีไซน์เนอร์มีร้านเป็นของตัวเองโดยรวมหุ้นกับพีรวัฒน์เพื่อนชายที่เรียนมาทางด้านเดียวกัน ส่วนภัทรวัลย์ความที่เป็นคนรักหนังสือ และมีความสุขที่ได้อยู่กับสิ่งที่หล่อนรัก หล่อนได้งานทำเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ได้เงินมากนัก แต่หล่อนก็มีความสุขแบบเรียบ ๆ กับงานของหล่อนดี ภัทรวัลย์แอบส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเพราะความเป็นห่วง เพราะจะอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของหล่อน แต่ภัทรวัลย์เพียงแต่เลี่ยงที่จะไม่ไปพบก็เท่านั้น หล่อนเกลียดหน้าไอ้ผู้ชายของแม่เกินกว่าจะทนเห็นหน้าเขาได้ กาญจน์กวินทร์ก็มีความสุขกับงานที่หล่อนทำมาก ๆ เพราะไม่จำเจและได้คิดอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ แม้จะต่างกันมากอย่างนี้แต่หล่อนกับภัทรวัลย์ก็สามารถเป็นเพื่อนรักกันได้ อาจจะเพราะความต่างนี้ก็ได้ ต่างคนต่างช่วยเติม ช่วยเสริมในส่วนที่ตัวเองขาด กาญจน์กวินทร์และภัทรวัลย์จึงรักกันมากจนเหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเลยทีเดียว