ตอนที่ 4
ธีร์วัฒน์เดินหายเข้าไปในห้องก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมผ้าสีขาวเนื้อนุ่มลื่นผืนใหญ่ผืนหนึ่ง แล้วยื่นมันส่งมาให้เธอ เมลดาหยิบผ้าจากฝ่ามือเขาขึ้นมาดู มันผืนใหญ่พอจะคลุมเธอได้ทั้งตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา
“นั่นห้องพักผม คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนั้นได้เลย เสื้อคลุมแขวนอยู่ในห้อง”
เธอกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ใบหน้าตอนนี้แดงก่ำไปจนถึงใบหู ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องพักของเขา เธอมองไปรอบๆ ห้องสีขาวขนาดใหญ่ มีเตียงนอนตรงกลาง และพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และผนังห้องมุมหนึ่งที่เป็นกระจก เธอยืนส่องกระจกบนผนังนั้นสักพัก ดูสไตล์การตกแต่งห้องของเขาแล้วเธอรู้สึกแปลกๆ พิกล ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น เหลือแต่ชุดชั้นใน เธอรู้สึกใจหวิวๆ ทั้งยังตื่นเต้นและรู้สึกกระดากเขินอาย ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่และถือผ้าสีขาวที่เขาให้เดินออกไปจากห้องพัก
“คุณไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกลางห้อง ถอดเสื้อคลุมออกแล้วเอาผ้าที่ผมให้คลุมตัวไว้”
เมลดาทำตามที่เขาสั่ง แต่ยังไม่ยอมถอดเสื้อคลุมออกจากตัว เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันหลังให้เธอ เธอค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะคลุมผ้าสีขาวผืนนั้นคลุมตัวไว้ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะ
ชายหนุ่มหันกลับมามองเธอก่อนเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ จ้องมองดูเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้เเสดงอารมณ์ใดใดออกมา
“ถอดบราเซียออกด้วย มันเห็นสายเสื้อในน่ะคุณ”
“คุณหันไปก่อนได้ไหม”
ธีร์วัฒน์อมยิ้มขำๆ ก่อนจะหันหลังให้ตามที่เธอบอก
“เสร็จยัง?”
“เอ่ออ..ค่ะ”
เขาหันกลับมามองดูเธอก่อนจะเอื้อมมือไปดึงผ้าคลุมลงมาจากไหล่กลมมนของเธอ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะดึงผ้าไว้แน่น เขาพยายามกลั้นหัวเราะก่อนจะพูดกับเธอ
“เมลดาคุณไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ผ่อนคลายหน่อยได้ไหม ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า ผมเห็นรูปร่างสรีระผู้หญิงทุกซอกทุกมุมจนชาชินตาแล้วแค่จะจัดท่าทางให้คุณเอง คลุมหมดแบบนี้มันจะวาดรูปได้ยังไงเล่า ปล่อยมือสิ”
เมลดาเงยหน้ามองเขาพลางคิดในใจ เขาอาจจะเห็นจนชาชินตาแล้วแต่เธอไม่ใช่เขาซะหน่อย ก็มันทั้งเขินทั้งอาย ก่อนจะปล่อยมือออกตามที่เขาบอก ฝ่ามือใหญ่ดึงผ้าสีขาวเนื้อนุ่มลื่นลงมาจนถึงร่องอกเธอ
“ยกแขนขึ้นสิแล้ว แล้วเอามือจับผ้าที่หน้าอกไว้ ยกขาขึ้นข้างนึงด้วย ไม่ใช่คุณ ต้องยกมันขึ้นแบบนี้สิ”
ชายหนุ่มจับเรียวขาข้างหนึ่งยกขึ้นก่อนจะดึงปลายเท้าเธอมาไว้ตรงขอบเก้าอี้ ด้วยความตกใจและไม่ทันตั้งตัว เธอเผลอปล่อยมือที่ถือผ้าอยู่จนมันลื่นไหลตกลงมา เขามองจ้องหน้าอกอวบอิ่มขาวนวลของเธอและปลายยอดอกสีชมพูอ่อนนิ่งไปครู่นึง ก่อนที่เธอจะรีบดึงผ้าขึ้นมาปิดไว้ หน้าเธอตอนนี้แดงก่ำด้วยความอายขณะหลบสายตาเขาและเบือนหน้าไปทางอื่น เขาดึงผ้าที่คลุมบนขาเธอขึ้นไปจนถึงขาอ่อนและดึงผ้าตรงแผ่นหลังลงมาจนถึงสะโพกล่าง ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือเขาสัมผัสโดนผิวกาย ใจเต้นเร็วเเรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เขาจัดท่าทางของเธอจนได้ตามที่ต้องการแล้วถึงเดินออกมานั่งลงบนเก้าอี้ ด้านหน้าของเธอ ก่อนจะขยับเฟรมผ้าใบขนาดใหญ่ให้มันเอียงมาด้านข้างเล็กน้อย
ปกติเขาจะใช้นางแบบมืออาชีพหรือชาวต่างชาติมาเป็นแบบในการวาดรูป พวกเธอจะรู้งานดีโดยไม่ต้องบอกอะไรมาก และเขาจะไม่สัมผัสหรือโดนตัวตัวนางแบบเลย นั่นเป็นกฎในการวาดรูปของเขา นอกเสียจากพวกเธอจะอยากทำอย่างอื่นนอกเหนือจากการเป็นแค่แบบวาดรูปให้เขา
ธีรวัฒน์เดินไปจุดเทียนหอมกลิ่นลาเเวนเดอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม
“เมลดา คุณผ่อนคลายหน่อย นั่งเกร็งขนาดนั้นกว่าจะสเกตรูปเสร็จคุณตะคริวกินแน่ๆ ช่วยดึงผ้าที่หน้าอกลงมาอีกจนถึงร่องอกล่าง โอเค.. แล้วเงยหน้าขึ้นมาทางผมด้วย”
ธีร์วัฒน์หยิบดินสอขึ้นมาสเก็ตรูป สายตาเขามองจ้องใบหน้าสวยหวานและเครื่องหน้าแบบปากนิดจมูกหน่อยของเธอ ก่อนจะไล้สายตาลงมาเรื่อยๆ ตามร่างกายของเธอ เขามองผิวขาวเนียนละเอียดไร้ริ้วรอยไฝฝ้า ซึ่งมันบ่งบอกถึงการดูแลเอาใจใส่ร่างกายของหญิงสาวเป็นอย่างดีแล้วอดคิดในใจไม่ได้ เห็นหุ่นเธอผอมบางแบบนี้ก็ซ่อนรูปเหมือนกัน หน้าอกสวยอวบอิ่มที่ขนาดพอเหมาะพอดีและสะโพกกลมกลึงงอนงามน่าสัมผัสนั่นอีก ขณะที่เขาก็ขยับมือสเกตรูปภาพของเธอไปเรื่อยๆ
เมลดาหลบสายตาลงเล็กน้อยก่อนจะชำเลืองสายตากลับขึ้นมามองดูเขา ใบหน้าหล่อเหลาของธีร์วัฒน์ที่ดูจริงจังกับการวาดรูป และสายตาคมกริบของเขาที่ดูเรียบเฉยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ขณะที่มือเขาก็ขยับดินสอสเก็ตรูปไปเรื่อยๆ มันดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหลทำให้เธอละสายตาจากเขาไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของลาแวนเดอร์ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากไม่ค่อยเขินอายเหมือนตอนแรกๆ
“เอ่อ.. ทำไมคุณถึงชอบงานศิลปะเเนวนี้คะ” เธอเอ่ยถามเขาเบาๆ
“มันเป็นความชอบและรสนิยมส่วนตัว ผมชอบความสวยงามของสรีระบนร่างกายเปลือยเปล่าของผู้หญิง นอกจากนั้นผมก็วาดรูปภาพวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติบ้าง เหมือนงานที่คุณเห็นในห้องนี้”
เมลดาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเงียบไป เกรงว่าถ้าชวนเขาคุยจะทำให้เขาเสียสมาธิในการวาดรูป
“คุณล่ะชอบงานศิลปะไหม?”
“ก็ชอบค่ะ ฉันชอบงานลายเส้นพวกงานสีน้ำ งานภาพวาดพวกวิวทิวทัศน์ เอ่อจริงสิ.. คุณวาดรูปสวยจัง เรียนมาทางด้านนี้เหรอคะ”
" เปล่า ผมเรียนจบMBA ส่วนงานศิลปะนี่อาศัยใจรักล้วนๆ ผมไปเรียนตามคอร์สที่เขาเปิดสอนงานศิลปะโดยเฉพาะ ..ผมสเกตรูปคุณเกือบเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราพักสัก 20 นาที หลังจากนั้นผมจะวาดเก็บรายละเอียดอีกที โอเคไหม?”
เมลดาพยักหน้าตอบเขาเล็กน้อย บรรยากาศในห้องเงียบสงบลงอีกครั้งหนึ่งเมื่อสิ้นสุดบทสนทนาระหว่างเขากับเธอ
เขาเดินออกมาจากในห้องพักพร้อมกับถือกระป๋องเครื่องดื่มไว้ในมือ ก่อนจะยื่นกระป๋องเครื่องดื่มส่งมาให้เธอ
“ ขอบคุณค่ะ ”
“พัก 20 นาทีแล้วกัน ผมจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกหน่อย เดี๋ยวเราค่อยเริ่มวาดรูปกันอีกที ”
เธอมองเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะเวลาที่เขาอยู่ที่ร้าน เธอไม่เห็นเขาสูบบุหรี่เลย
ธีร์วัฒน์เดินออกไปจากห้อง เขาเดินตรงไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงด้านข้างของสตูดิโอ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ สายตาเขาเหม่อมองดูทะเลขณะพ่นควันบุหรี่ออกมา พลางครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เวลาผ่านไป 20 นาทีกว่าๆ แล้ว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในสตูดิโอ
ธีร์วัฒน์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอกำลังยืนอยู่ที่หน้าต่างขณะที่คลุมผ้าสีขาวไว้ทั้งตัว เเสงแดดข้างนอกที่ส่องเข้ามาตกกระทบผ้าคลุมสีขาวเนื้อบาง ทำให้เขามองเห็นเงารูปร่างของเธอที่อยู่ใต้เนื้อผ้าอย่างชัดเจน ภาพที่เห็นมันช่างมีเสน่ห์เย้ายวนชวนสะกดสายตาราวกับมีแรงดึงดูด เขายืนนิ่งจ้องมองดูเธอสักพัก ดวงตาคมกริบของเขาเป็นประกายวูบไหวก่อนจะกลับมาเรียบเฉยเป็นปกติเหมือนเดิม เมลดาหันมามองดูเขาก่อนจะปิดผ้าม่านลงและเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อเป็นแบบให้เขาวาดรูปต่อ
“ คุณช่วยโพสต์ท่าแบบเดิมแล้วดึงผ้าที่ต้นขาขึ้นอีกนิด ”
เขามองดูเธอที่กำลังจัดแจงท่าทาง ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาเธอ ฝ่ามือเขาดึงผ้าคลุมที่ต้นขาเธอขึ้นก่อนจะเลื่อนฝ่ามือไปบริเวณแผ่นหลังของเธอ เขาจงใจลากปลายนิ้ว ค่อยๆ ลูบไล้แผ่วเบาจากกลางหลังลงไปจนถึงสะโพกกลมมน มองดูร่างบางของเธอที่สั่นสะท้านเล็กน้อยและใบหน้าที่แดงก่ำ เธอหันมาสบสายตากับเขาก่อนจะเบี่ยงตัวออกห่างจากปลายนิ้วของเขา
“เอ่อ.. คุณธีร์คะ ” เธอจ้องใบหน้าเรียบเฉยของเขาก่อนจะพูดชื่อเขาออกมาน้ำเสียงสั่นๆ
“ มีอะไร? ”
“ เอ่อ..เปล่าค่ะ ” เธอรู้สึกแปลกๆ กับท่าทางของเขา แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่ใจยังเต้นแรงไม่เป็นส่ำและขนที่ยังลุกเกลียวไปทั่วร่างกับสัมผัสของเขาเมื่อครู่
“ โอเค งั้นเรามาวาดรูปกันต่อเถอะ ”
ธีร์วัฒน์เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นริมฝีปากของเขา ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติระหว่างสเก็ตรูปของเธอไปเรื่อยๆ ตอนเเรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไร พอเห็นหน้าตาท่าทางของเธอวันนี้แล้วมันทำให้เขาเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ตอนนี้เขาชักเริ่มเข้าใจว่าทำไมราชสีห์ถึงอยากจะกินลูกแกะนัก ก็เพราะลูกแกะมันน่ากินอย่างนี้นี่เอง แต่เขาคงจะไม่ทำอะไรรีบร้อนบุ่มบ่ามจนทำให้ลูกแกะรู้ตัวซะก่อน