บทที่ 5
ภาพเทียนแก้วเดินเคียงคู่กับโรมเข้าอาคารภัทรคอมเพล็กซ์ ดึงดูดความสนใจจากสายตาหลายต่อหลายคู่ของพนักงานในบริษัทที่มองด้วยความแปลกใจปนสงสัย เสียงซุบซิบดังแว่วมาเป็นระยะ เนื่องจากไม่เคยมีใครเห็นเจ้านายพาผู้หญิงคนไหนมาด้วย เพราะงานแต่งงานระหว่างเทียนแก้วกับโรมเมื่อปีก่อนสี่ปีก่อนนั้นจัดขึ้นเป็นการภายใน ทุกคนรู้เพียงแต่ว่าเจ้านายแต่งงานแล้วแต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นหน้าภรรยาเลย และชีวิตคู่ครั้งนั้นก็คงอยู่เพียงแค่หกเดือน พายุใหญ่ก็ซัดกระหน่ำจนนาวารักอับปางลง มีเสียงร่ำลือกันสะพัดไปทั้งตึกว่าที่เจ้านายไม่มาทำงาน ปล่อยให้คุณธูปเป็นคนบริหารงานทั้งหมดก็เพราะเสียใจอย่างหนักที่ถูกภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานทิ้งไป และเมื่อโรมกลับมาทำงานอีกครั้งก็แทบจะไม่มีใครเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มนั้นอีกเลย หากแต่วันนี้โรมกลับส่งยิ้มให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในระยะสายตา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
“เทียนแก้วนี่อารตีเลขาฉันนะ อารตีนี่คุณเทียนแก้ว น้องสาวของคุณธูปเพิ่งกลับจากต่างประเทศ เดี๋ยวเอางานทั้งหมดไปให้ผม แล้วก็จัดการเลื่อนนัดช่วงบ่ายให้หมด ผมจะออกข้างนอกตอนเที่ยง อ้อ เทียนระหว่างรอฉันถ้าเบื่อก็นั่งคุยกับอารตีแล้วกัน รู้สึกว่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน คงคุยกันง่าย”
โรมแนะนำสองสาวให้รู้จัก แล้วสั่งงานเลขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสนิทสนมเป็นพิเศษ ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน ทิ้งให้เทียนแก้วยืนนิ่งอยู่ด้วยความงุนงง เธอรู้สึกอึ้งนิด ๆ เมื่อได้ยินโรมแนะนำกับเลขาของเขาว่าเธอเป็นน้องสาวของธูป เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา หากต้องออกงานไปพบกันผู้อื่น โรมจะแนะนำเทียนแก้วด้วยความภูมิใจทุกครั้งว่าเธอเป็นภรรยา หากแต่ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมโรมถึงปิดบังสถานะของเธอไม่ให้เลขาของเขารู้ ถึงแม้ว่าการที่เธอกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อจะหย่ากับโรมก็เถอะ แต่มันก็ทำให้เทียนแก้วรู้สึกแปลบปลาบในใจเหมือนกำลังจะสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป
“คุณเทียนแก้วรับกาแฟมั้ยคะ หรือจะรับน้ำชา”
เทียนแก้วหันไปมองหน้าคนถามอย่างพินิจพิจารณา หญิงสาวตรงหน้าเธอนั้นมีรูปร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบ ใบหน้าแม้จะตกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์บางเบาหากก็ดูโฉบเฉี่ยว เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูดีไปหมด บุคลิกท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวมั่นอกมั่นใจ
“คุณเทียนแก้วจะรับกาแฟหรือชาดีคะ” อารตีถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเทียนแก้วไม่ตอบเอาแต่มองหน้าเธอ เหมือนไม่ได้ยินที่เธอถามไป
“เอ่อ ไม่ล่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มองคุณจนเสียมารยาท” เทียนแก้วรีบตอบเสียงแผ่ว
“ไม่เป็นไรค่ะ เรียกดิฉันว่า ‘รตี’ ก็ได้นะคะ” อารตีส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“งั้นคุณรตีก็ต้องเรียกแค่ ‘เทียน’ เช่นกันนะคะ” หากแต่เทียนแก้วยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ
“ได้สิคะ งั้นเดี๋ยวรตีขอตัวเอาเอกสารไปให้นายก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะมาคุยเป็นเพื่อน ขอตัวสักครู่ค่ะ” อารตีขอตัวตามมารยาท ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของโรมด้วยท่าทีสง่างาม
เทียนแก้วมองตามร่างสูงโปร่งของอารตีด้วยความสับสน ในสมองก็ครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรมกับอารตีเลขาคนสวย
‘คุณโรมมีอะไร ๆ กับเลขาหรือเปล่าเนี่ย ถึงไม่กล้าแนะนำว่าเราเป็นใคร แต่ถ้าคุณโรมกับคุณรตีมีความสัมพันธ์กัน พี่ธูปก็ไม่น่าที่จะให้เรากลับไปอยู่กับคุณโรมนี่นา นอกจากว่าพี่ธูปจะไม่รู้เรื่องนี้ แล้วทำไมเรารู้สึกใจมันหวิว ๆ ล่ะเนี่ย ก็เราจะหย่ากับคุณโรมอยู่แล้วนี่นา จะไปคิดมากทำไมกัน เฮ้อ’ เทียนแก้วถอนใจยาว
“คุณเทียนเธอหน้าซีดเลยนะคะที่นายแนะนำเธอกับรตีว่าเป็นน้องสาวคุณธูปน่ะ” อารตีบอกโรมถึงสีหน้าของเทียนแก้วที่เธอสังเกตเห็น น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความขี้เล่น สนุกสนาน
“นั่นพอจะทำให้ผมมีความหวังขึ้นบ้างหรือเปล่าล่ะ” โรมถามกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“รตีว่าคุณเทียนเธอยังมีนายอยู่ในหัวใจนะคะ ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้เธอคงไม่สำรวจรตีตั้งแต่ทรงผมจนถึงรองเท้าหรอกค่ะ” อารตีพูดตามที่เธอสังเกตเห็น
“ว่าแต่คุณตกลงใจจะช่วยผมหรือเปล่ารตี ผมไม่รู้จะหาใครมาช่วยแล้วล่ะ” โรมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเมื่อคืนหลังจากเทียนแก้วแยกตัวไป เขาก็โทรขอความช่วยเหลือจากอารตี
“โธ่ นายคะ หล่อ ๆ อย่างนายเนี่ย แค่เอ่ยปากก็มีสาว ๆ พร้อมจะช่วยเยอะแยะแล้ว” อารตีแซว
“นั่นมันก็ใช่ แต่คนที่จะช่วยเหลือโดยที่ไม่คิดจะมาผูกมัดผมให้เป็นปัญหาใหญ่ขึ้นน่ะมันหายากออก”
“คิก ๆๆ จริงสินะคะ รตีลืมไปได้ไงคะเนี่ย ว่านายของรตีมีผู้หญิงคอยจะจับมัดไปแต่งงานด้วยเกือบครึ่งค่อนเมือง” อารตีหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“คุณก็ว่าไปนั่น” โรมยิ้มเจื่อนด้วยความเขิน
“เอาล่ะค่ะ เอาเป็นว่ารตีจะช่วยนายละกันนะคะ ถ้าสำเร็จรตีขอค่าช่วยเหลือไม่แพงหรอกค่ะ เอาแค่โบนัสสี่เดือนก็พอ”
“ผมให้คุณหกเดือน พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับต่างประเทศด้วยเอ้า แต่ว่าข้อตกลงระหว่างผมกับคุณนี่ห้ามใครรู้เด็ดขาดนะ โดยเฉพาะเจ้าธูป เพราะถึงยังไงเค้าก็เป็นพี่ชายเทียนเดี๋ยวหมอนั่นเผลอหลุดปากแล้วจะยุ่ง” โลมรีบเกทับพร้อมกับย้ำข้อตกลงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจ้านายหนุ่มและลูกน้องสาวต่างก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันดังลั่นด้วยความถูกใจในแผนการและข้อตกลงระหว่างกัน ถ้าเพียงแต่อารตีจะมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า วันนี้เธอคงไม่ตอบตกลงช่วยเหลือโรมเป็นแน่
เทียนแก้วที่นั่งรออยู่ด้านหน้าเงยหน้าขึ้นมองไปยังห้องทำงานของโรม นึกอยากจะมีสายตาเลเซอร์มองทะลุประตูห้องที่ไม่ได้ปิดสนิทด้วยความอยากรู้เต็มแก่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสองคนนั้นดังลอดออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในใจ แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าลงอ่านหนังสือในมืออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นบานประตูเปิดออก
“คุณเทียนเบื่อหรือเปล่าคะ รตีเข้าไปคุยกับนายตั้งนานแน่ะ” อารตีถามด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงสดใส
“ไม่หรอกค่ะ เทียนก็อ่านหนังสือไปเพลิน ๆ เอ่อว่าแต่คุณรตีมาทำงานกับคุณโรมนานหรือยังคะ ดูสนิทสนมดีนะคะ” เทียนแก้วเลียบเคียงถาม
‘เอาละซิ คุณเทียนเริ่มซักประวัติเราแล้ว เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือเจ้านายเลยดีกว่า’ อารตีนึกแผนการช่วยเหลือโรมในใจก่อนจะตอบคำถามของเทียนแก้วด้วยท่าทีเป็นกันเอง
“ก็สองปีกว่า ๆ ได้แล้วค่ะ ตอนนั้นรตีเพิ่งจะเรียนจบ ปวส. มา ก็อยากทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยน่ะค่ะ เลยมาสมัครงานที่นี่ พอดีเจอคุณโรมในลิฟท์ คุยกันถูกคอยังไงไม่ทราบ คุณโรมก็เรียกให้มาเป็นเลขานี่ล่ะค่ะ” ระหว่างที่พูดอารตีก็ลอบสังเกต สีหน้าของเทียนแก้วไปด้วย แล้วก็แอบยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าเทียนแก้วหน้าหมองลง แววตามีร่องรอยครุ่นคิดมากขึ้น ‘แผนนี้ดูท่าจะไปได้ดีแฮะ’
“เอ่อ รตีต้องขอตัวทำงานก่อนนะคะ นายสั่งงานออกมาเยอะเลย เดี๋ยวรตีทำไม่ทันแล้วจะแย่”
“เชิญค่ะ เทียนขอโทษด้วยที่มัวแต่ชวนคุณรตีคุย”
เทียนแก้วก้มหน้าอ่านหนังสือในมือต่อ แต่สายตานั้นพร่ามัวมองตัวหนังสือไม่เห็นเลยแม้แต่ตัวเดียว สิ่งที่มองเห็นคือใบหน้าของโรมและอารตี เสียงหัวเราะของทั้งคู่ยังก้องอยู่ในหู เธอเอาแต่ครุ่นคิดจนลืมทุก ๆ สิ่งรอบกาย
“เทียน เทียน” โรมส่งเสียงเรียกดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเทียนแก้วสนใจหนังสือในมือจนขนาดที่ว่าเขามายืนตรงหน้าแล้วเธอยังไม่รู้สึกตัว
“อ้าว คุณโรม ออกมานานหรือยังคะ ฉันอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อย
“หนังสืออะไร น่าสนใจมากเหรอ ฉันมายืนตรงหน้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ไปซื้อของกันเถอะ ฉันเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว” พูดจบโรมก็เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของอารตี โดยไม่สนใจว่าเทียนแก้วจะลุกขึ้นตามมาหรือไม่ ท่าทางดูรีบร้อน
“ผมไม่กลับเข้ามาแล้วนะ จะพาเทียนไปซื้อของ รตีอยากได้อะไรหรือเปล่า ผมจะซื้อมาให้” โรมขยิบตาให้อารตีเป็นการส่งสัญญาณ
“รตีไม่อยากได้อะไรหรอกคะ แต่ถ้าคุณโรมคิดว่ามีอะไรเหมาะสมกับรตี รตีก็ไม่ขัดศรัทธาค่ะ” อารตีตอบพร้อมรอยยิ้มเลศนัย
เทียนแก้วที่เดินตามมายืนข้างหลังโรม ได้ยินทุกคำสนทนา เธอรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ในใจราวกับถูกเข็มเล่มเล็ก ๆ ทิ่มแทงอีกแล้ว
“ไปกันได้แล้ว” โรมหันมาเรียกเทียนแก้วแล้วเดินตรงไปที่ลิฟท์โดยปล่อยให้เทียนแก้วเดินตามไปห่าง ๆ
