บทที่ 1
สนามบินนานาชาติ
ภายในพื้นที่พักคอยของส่วนผู้โดยสารขาเข้า หญิงสาวร่างเล็ก ผมสั้นประบ่ายืนกระสับกระส่าย ดวงตากลมโตเหลือบมองนาฬิกาข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพผู้คนรอบกายที่เดินลากกระเป๋าอย่างเร่งรีบ บางคนก็โผเข้ากอดคนที่มารับด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามทวีปทำให้เธออยากกลับไปอาบน้ำและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ เสียที
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ ทำให้เทียนแก้วรู้สึกเป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับพี่ชาย เพราะก่อนเดินทางก็นัดแนะเวลากันเรียบร้อย ที่สำคัญเขาไม่ใช่คนขี้ลืมและไม่เคยผิดเวลาเลยสักครั้ง หญิงสาวนึกโมโหตัวเองขึ้นมาที่ไม่ระมัดระวังทำโทรศัพท์ตกจนหน้าจอแตกละเอียดไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลย
“สวัสดีครับเทียน ขอโทษที่มารับช้า”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้เทียนแก้วรีบหันกลับไปด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มารับเต็มตามจากที่รู้สึกโล่งใจว่าจะได้กลับบ้านกลายเป็นความตกใจด้วย ไม่คาดคิดว่าผู้มารับจะเป็นคนที่เธอไม่อยากจะพบหน้าที่สุด
“คุณโรม” เสียงเรียกชื่อแผ่วเบา บ่งบอกถึงความไม่คาดฝันว่าจะได้เจอเขา
“ตกใจมากเหรอที่เจอฉันสาวน้อย” โรมเอ่ยถาม เมื่อเห็นเทียนแก้วนิ่งเงียบไป
“คงไม่คิดสินะว่าจะเป็นฉันที่มารับ เป็นไงสี่ปีนี่มันทำให้ฉันเปลี่ยนไปมากเหรอ เธอถึงจ้องหน้าฉันขนาดนั้น” ระหว่างที่พูดโรมก็เอื้อมไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเทียนแก้วมาไว้ในมือ
“นั่นคุณจะเอากระเป๋าฉันไปไหน” หญิงสาวตวาดขึ้นทันทีที่เห็นการกระทำของโรม
“อ้อ! ยังพูดได้ นึกว่าช็อกจนพูดไม่ได้แล้วซะอีก”
“ฉันถามว่าคุณจะเอากระเป๋าฉันไปไหน”
เทียนแก้วถามย้ำด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินลากกระเป๋าของเธอไปโดยไม่คิดที่จะหยุดตอบคำถามของเธอ
“เอาไปบ้านน่ะสิ ก็พี่ชายเธอส่งฉันมารับกลับบ้าน แล้วจะให้ฉันพาเธอไปไหนล่ะ ถ้าเธอไม่อยากนอนค้างที่สนามบินก็ตามมาเร็ว ๆ”
โรมตอบคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเบื่อหน่าย คราวนี้เทียนแก้วรีบก้าวตามเขาไปโดยเอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มลากกระเป๋าเธอเดินลิ่ว ๆ โดยไม่สนใจว่าเธอจะตามไปหรือไม่
“นี่คุณจะพาฉันไปไหน มันไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนี่” เทียนแก้วถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิด เมื่อรถยนต์คันหรูเลี้ยวไปยังทิศทางที่ไม่คุ้นเคย
“กินข้าวไงล่ะ นี่มันจะสองทุ่มแล้ว รถก็ติดอย่างนี้กว่าจะถึงบ้านก็ไส้ขาดกันพอดี”
“ฉันไม่กิน ฉันต้องการกลับบ้าน คุณเข้าใจมั้ยว่าฉันต้องการกลับบ้าน” หญิงสาวพูดเสียงดังขึ้น บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ไม่เอาน่าเทียน เธออย่ามาทำนิสัยเด็ก ๆ แบบนี้เลย ฉันรู้นะว่าเธอก็หิวเหมือนกัน ไม่งั้นคงจะไม่ซื้อขนมมาจากสนามบินหรอก แล้วทำไมถึงไม่กล้ากินข้าวกับฉันล่ะ กลัวอะไรงั้นหรือ”
“ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วย แต่ฉันไม่อยากทนกินข้าวกับคุณ แค่นั่งรถมาด้วยนี่ก็ ว้าย! นี่คุณขับรถประสาอะไรเนี่ย” หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ โรมก็เบรกรถอย่างกระทันหัน
“ทำไมแค่นั่งรถมากับฉันนี่มันทำให้เธออึดอัดมากเลยเหรอ งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวแล้วกลับบ้านเลยดีกว่าก่อนที่เธอจะขาดใจตายเพราะฉัน” พูดจบชายหนุ่มก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว จนเทียนแก้วเริ่มรู้สึกกลัวเมื่อเหลือบเห็นเข็มวัดระดับความเร็วของรถพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เอ้อ คุณขับรถให้ช้าลงกว่านี้ได้มั้ย” เทียนแก้วขอร้องเสียงอ่อย
“กลัวเหรอ จะกลัวทำไมล่ะ จะได้ถึงบ้านเร็ว ๆ ไง เธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับฉันให้มันนานนัก” ว่าแล้วโรมก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลเทียนแก้วก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปแตะมือแขนของโรมแล้วเอ่ยปากขอโทษ
“คุณโรมคะ ฉันขอโทษ ขับช้ากว่านี้เถอะค่ะ ฉันกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ”
โรมชำเลืองมองใบหน้าหญิงสาวแล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะผ่อนคันเร่งจนระดับความเร็วลดลงสู่ระดับปกติ ระดับความโกรธของโรมก็ลดลงเหมือนกัน ชายหนุ่มเริ่มที่จะชวนหญิงสาวคุยอีกครั้ง
“ฟังเพลงมั้ย” โรมถามเทียนแก้วเมื่อเห็นว่าบรรยากาศในรถเริ่มจะเงียบชวนให้อึดอัด
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ ฉันอยากนั่งคิดอะไรเงียบ ๆ มากกว่า” เทียนแก้วตอบโดยมีจุดประสงค์ให้เขารู้ว่าหล่อนไม่ต้องการเสวนากับเขา
“ตามใจ ว่าจะคิดเรื่องอะไรล่ะ คิดถึงเรื่องที่ฉันเคยขับรถพาเธอไปเที่ยวแล้วต้องจอดรถเพื่อช่วยให้เธอรู้จักกับความสุขระหว่างชายหญิงรึเปล่า”
โรมเหลือบตามองหล่อนแล้วยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าเทียนแก้วกำมือแน่น นัยน์ตาเขียวปั้ดด้วยความโกรธที่เขาพูดถึงเรื่องราวเมื่อครั้งเทียนแก้วเพิ่งรุ่นสาวอายุสิบแปดปี ที่เขาพาหล่อนไปเที่ยวทะเลตามที่ได้สัญญาไว้ว่าจะพาไปเมื่อสอบเสร็จ ครั้งนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเธอเลย แต่เป็นเพราะความน่ารักขี้อ้อนของเธอทำให้เขาถึงกับอดใจไม่อยู่เมื่อเธอคลอเคลียเนื้อตัวเขาราวลูกแมว
“คุณโรม เรื่องเก่า ๆ น่ะ ฉันลืมไปหมดแล้ว กรุณาอย่าพยายามรื้อฟื้นเลย”
เทียนแก้วตอบสะบัด ๆ ด้วยความโมโห ไม่ใช่เพราะเธอกำลังคิดอย่างที่เขาถาม แต่เป็นเพราะคำพูดของเขาทำให้ความทรงจำที่เธอพยายามเก็บซุกซ่อนให้ลึกที่สุดนั้นกลับมาปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจนเธอยังจำสัมผัสร้อนรุ่มของริมฝีปากเขาได้ดี มือแข็งแรงที่ถือพวงมาลัยรถนั้น เคยลูบไล้เรือนร่างเธอตรงไหน นิ้วเรียวยาวที่เคยสอดไซ้เข้ามาในร่างกายเธอ แล้วร่ายมนต์สะกดจนเธอได้รู้จักกับความสุขทางเพศเป็นครั้งแรกของชีวิตสาว ความรู้สึกอับอาย โกรธเคือง ทำให้เธอสาดคำพูดตัดรอนที่แสนเย็นชาออกไป ทำให้ความอดทนของโรมสิ้นสุดลงทันที
“เธอลืมจริง ๆ หรือเทียนแก้ว” โรมถามเสียงเครียดก่อนจะหักพวงมาลัยบังคับรถเข้าจอดข้างทาง แล้วหันไปดึงร่างหญิงสาวเข้ามากอดพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากของเขาลงไปบนเรียวปากบางของเธออย่างรุนแรงจนเธอรู้สึกถึงรสเค็มปร่าของเลือด เทียนแก้วทุบไหล่เขาแรง ๆ แต่เขาไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิดกลับใช้มือลูบไล้บีบเคล้นทรวงอกอวบอิ่มอย่างรุนแรงเหมือนต้องการแกล้งให้เจ็บ หากในความรุนแรงนั้นก็ทำให้เทียนแก้วรู้สึกวูบไหวไปกับสัมผัสที่คุ้นเคย หญิงสาวนึกโกรธตัวเองนัก และเขาเองก็รู้ได้ทันทีเหมือนกันว่าเธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาเพราะถูกเขาปลุกเร้า ยิ่งเธอต่อสู้เขาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งลงมือเล้าโลมเธอหนักขึ้นเหมือนกัน
“อ๊าาาา อยะ อย่านะ” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อริมฝีปากร้อน ๆ ของเขาก็จูบระลงมาที่คางเรื่อยลงมาจนมาหยุดที่คอ เขากดจูบซ้ำ ๆ จนเป็นรอยแดงช้ำอย่างเห็นได้ชัด พร้อม ๆ กับมือข้างนึงเริ่มรุกล้ำเข้าไปในเสื้อแล้วลูบไล้เบา ๆ
“อย่าค่ะ พอเถอะ” เสียงสั่นพร่าของเทียนแก้วอ้อนวอนขอร้องให้หยุด หากแต่ร่างกายของเธอกลับไม่ได้ปฏิเสธเขาอย่างปากสองมือของเธอเกาะเกี่ยวไหล่ของเขาไว้เมื่อรู้สึกว่าเขาละมือจากหน้าอก และขยับตัวออกห่าง
“ใจเย็น ๆ สาวน้อย” น้ำเสียงแหบพร่าด้วยแรงอารมณ์ของโรมดังขึ้น ชายหนุ่มละมือเพียงเพื่อจะดึงรั้งเสื้อของเธอขึ้นก่อนที่จะก้มหน้าลงไปซุกไซ้ดูดดื่มกับความหอมหวานที่เขาโหยหามานาน
“อ๊า…. คุณโรม!”
การกระทำของเขาปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้พุ่งสูงขึ้นจนเกือบถึงขีดสุดแล้วจู่ ๆ เขาก็หยุดการกระทำทั้งหมด สองมือของเทียนแก้วไขว่คว้าตัวโรม นัยน์ตาทั้งสองของเธอหรี่ปรือหวานฉ่ำเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาปรนเปรอให้
“ว่าไงล่ะเทียนแก้ว คราวนี้คงรู้สินะว่าเธอไม่ลืมหรอก ร่างกายของเธอยังตอบรับสัมผัสจากฉัน แค่โดนจับโดนจูบนิด ๆ หน่อย ๆ ความต้องการในตัวเธอก็พุ่งขึ้นสูงยิ่งกว่าน้ำเดือด ๆ ซะอีก” โรมพูดด้วยน้ำเสียเยาะหยันหลังจากที่เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย คำพูดของเขาเรียกสติเธอได้ดียิ่งกว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นเสียอีก
‘เพี๊ยะ’ เทียนแก้วตวัดมือตบลงบนใบหน้าคมอย่างแรงก่อนจะหันไปเปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว หากแต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวเธอก็โดนกระชากแขนจนล้มลงไปกองอยู่แทบเท้าเขา
“ลุกขึ้น แล้วกลับไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้!” โรมก้มลงมาดึงแขนหล่อนให้ลุกขึ้นยืน ดวงตาคมวาววับด้วยความโกรธ
“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่อยากไปกับคุณ ฉันเกลียดคุณ ปล่อย” เทียนแก้วพยายามบิดตัวให้หลุดจากมือแข็ง ๆ ที่ขยุ้มลงมาบนต้นแขนของเธอ แต่นอกจากจะไม่หลุดแล้วเขายังบีบแน่นขึ้นอีกด้วย
“หยุด! เทียนแก้ว ถ้าเธอไม่หยุด ก็น่าจะรู้นะว่าฉันจะทำยังไงกับเธอ!” โรมเขย่าร่างเล็กของเธออย่างแรง ก่อนจะดึงเข้ามากอดเมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานนองไปด้วยน้ำตา เนื้อตัวสั่นไหวเพราะความกลัว
“เทียน พี่ขอโทษ อย่าร้องไห้ พี่ไม่ทำอะไรแล้ว หยุดร้องเถอะ ไปสิคนดีขึ้นรถนะ” โรมพูดพร่ำด้วยเสียงสั่นพร่าด้วยความสงสารเมื่อคิดได้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงมีปฏิกิริยาหวาดกลัวเขา อย่างรุนแรงเมื่อถูกขู่เข็ญ เหตุการณ์ร้ายแรงในอดีตที่ทำให้เทียนแก้วต้องหนีไปจากเขา มันคงยังฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนึกของเธอเสมอ โรมประคองเทียนแก้วขึ้นนั่งบนรถ แล้วเดินไปเปิดประตูด้านหลังหยิบกระดาษทิชชูส่งให้
“เช็ดน้ำตาเสีย พี่จะพากลับบ้าน”
เทียนแก้วรับกระดาษมาซับน้ำตา แล้วเอนตัวพิงเบาะ หลับตาลง ด้วยความอ่อนล้าทั้งจากการเดินทางอีกทั้งต้องมาปะทะอารมณ์กับโรมทำให้เธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“เทียน ตื่นได้แล้ว ถึงบ้านแล้วนะ”
เสียงที่คุ้นเคยของโรม และแรงเขย่าเบา ๆ ทำให้เทียนแก้วเริ่มรู้สึกตัว
“ถึงแล้วเหรอคะ?” หญิงสาวพึมพำด้วยความง่วงงุน พยายามเต็มที่ในการลืมตาตื่น
“อืม ถึงบ้านของเราแล้ว” โรมตอบพลางปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยให้
เมื่อปรับสายตาได้ ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับไม่ใช่บ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่กับพี่ชาย แต่เป็นบ้านสองชั้นออกแบบในสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล หลังคาลาดเอียงเล่นระดับ ผนังสีขาวแซมด้วยไม้ระแนงสีเข้ม มีสวนดอกไม้เล็ก ๆ ด้านหน้า
“คุณโรม นี่มันอะไรกัน ฉันจะกลับบ้านนะคะ” เทียนแก้วหันไปมองหน้าโรมอย่างงุนงง
“บ้านของเรา” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนัก
“ซื้อไว้ก่อนที่เทียนจะทิ้งพี่ไปไม่เท่าไหร่ พี่ตั้งใจให้เป็นของขวัญครบรอบแต่งงานของเรา แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นมาซะก่อน” คำตอบของเขาเอาเทียนแก้วอึ้งไป ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วสะบัดเสียงใส่เขา
“แต่ฉันจะกลับบ้าน”
“ไม่เอาน่า อย่าดื้อนักได้ไหม ขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน” โรมหันมามอง แล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน
“ไม่ ฉันจะกลับบ้านของฉัน เอากระเป๋าฉันคืนมา ถ้าคุณไม่พาฉันไป ฉันกลับเองก็ได้” หญิงสาวเดินเข้าไปแย่งกระเป๋าเดินทางจากมือของโรม
“ตามใจ แต่เธอจะไปยังไงล่ะ เดินไปเหรอ ในเมื่อเธอยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ”
ชายหนุ่มปล่อยกระเป๋าให้เธอ และคำพูดของเขาก็ทำให้เธอหยุดชะงักแล้วมองไปรอบ ๆ ตัว และเห็นว่าภายนอกรั้วบ้านรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว นั้นมีแต่แสงไฟจากบ้านของเขาหลังเดียวเท่านั้น
“ว่าไงล่ะ จะนอนที่นี่หรือจะกลับดี ถ้าจะนอนก็ส่งกระเป๋ามา”
คราวนี้เทียนแก้วส่งให้แต่โดยดี เมื่อเห็นแล้วว่าตอนนี้เธอไม่มีทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้แน่ ๆ ทางเลือกที่ดีคือนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนจะดีกว่า
“เทียนนอนห้องนี้นะ แล้วหิวมั้ย จะได้สั่งแม่ครัวให้ทำอะไรอุ่น ๆ ให้กิน” โรมเดินนำไปยังห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้ ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีครีมชมพู เตียงขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าสีครีมลายดอกไม้สีชมพูอ่อนดอกเล็ก ๆ กระจายไปทั่วผืน หมอนนุ่มฟูสองใบพร้อมหมอนข้าง และที่ทำให้เทียนแก้วรู้สึกหน่วงในอกคือ ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เธอโปรดปรานนั่งพิงหัวเตียงอยู่
“ไม่หิวค่ะขอบคุณ ฉันอยากนอนมากกว่า” หญิงสาวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“ถ้าอย่างนั้นก็อาบน้ำแล้วพักผ่อนซะนะ หลับฝันดีล่ะ” พูดจบโรมก็เดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตู ปล่อยให้เทียนแก้วได้พักผ่อนเพียงลำพัง
หญิงสาวเดินสำรวจรอบห้อง ก็ทราบได้ทันทีว่าห้องนี้ถูกจัดไว้เพื่อเธอ นอกจากตุ๊กตาหมีบนเตียงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสีทาผนังหรือเครื่องตกแต่งห้องอื่น ๆ ก็เป็นแบบที่เธอชอบและเคยไปเลือกดูกับเขาทั้งนั้น หญิงสาวถึงกับน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงคืนวันที่หวานชื่น
‘บ้าจริง เราจะไปคิดถึงอีกทำไม กลับมาคราวนี้ก็จะมาหย่าให้มันจบ ๆ กันไปซักสักที’ เทียนแก้วเม้มปากแน่นปัดความคิดออกไปจากสมองก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ความอ่อนเพลียทำให้เธอหลับสนิทอย่างรวดเร็ว
