บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ชีวิตที่กำหนดเอง 4

เสียงพูดแผ่วเบาแต่หนักแน่นเรียกให้มือขวาของจอมมารคนปัจจุบันหันกลับไปมองยังซ้ายมือของตนเอง

“ได้ ถ้าเช่นนั้นระวังตัวด้วย” เมื่อได้มือซ้ายของจอมมารไปตามหาจอมมารด้วยตัวเอง มือขวาอย่าเขาก็เบาใจไปได้หนึ่งส่วน

บนโลกมารแห่งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดย่อมเป็นจอมมาร หากไม่มีจอมมารแล้ว สิ่งอื่นใดในโลกมารล้วนไม่สำคัญทั้งสิ้น

“พี่รอง พี่รองรักษามันได้ไหมเจ้าคะ”

หลีเริ่นหรานเอ่ยถามพี่ชายคนรองทันทีที่ร่างของนกยักษ์สีดำถูกบิดาวางลงตรงพื้นลานด้านหน้า หลีหยางเดินก้าวเท้าเข้ามาดูสิ่งนั้นด้วยความตื่นเต้น ไม่คิดว่าบิดาและเหล่าน้องๆ ที่ขึ้นเขาวันนี้จะได้เจ้านกอินทรีตัวใหญ่นี้มาด้วย

“พี่ไม่เคยรักษาสิ่งมีชีวิตใดเลยนะหลานเอ๋อร์”

หลีหยางตอบตามความเป็นจริง แม้ว่าตัวเขาจะมีความรู้เกี่ยวกับสมุนอยู่บ้าง และถึงแม้จะเคยเป็นลูกมือหมอหลวงในวังรักษาคน แต่เขาก็ไม่เคยรักษาด้วยตนเองมาก่อน

ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะตัวเขานั้นยังไม่รู้ว่าตนมีพลังปราณต้นกำเนิดเป็นธาตุปราณโอสถหรือไม่ จึงทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจ อีกทั้งความรู้ที่มีก็ยังเรียกตนเองว่าเป็นหมอไม่ได้ เขามีแค่เพียงวิชาความรู้เรื่องสมุนไพรเท่านั้น

โดยปกติคนหนึ่งคนจะมีพลังปราณติดตัวมาแต่กำเนิดคนละหนึ่งธาตุ ซึ่งส่วนมากจะรู้ได้ก็ต่อเมื่ออายุครบสิบขวบปี ทว่าตัวเขาเองก็เพิ่งอายุเก้าขวบ ยังอีกหลายเดือนกว่าจะเต็มสิบ ฉะนั้นการรักษาอินทรีดำตัวนี้จึงเป็นเรื่องที่ยังถือว่าไกลตัวนัก

“ลองดูก็ไม่ได้หรือเจ้าคะพี่รอง” เด็กหญิงตัวน้อยทำแก้มป่อง ก่อนจะล้วงเอาต้นพืชที่ตนเก็บมาด้วยในย่ามออกมาให้ผู้เป็นพี่ชายดู

“หรานเอ๋อร์! เจ้าไปเอาต้นนี้มาจากที่ใด?” หลีหยางเอ่ยถามน้องสาวด้วยความตื่นเต้น

“หรานเอ๋อร์เจอมันตอนขึ้นไปบนเขาคะ ตอนแรกเพราะไม่รู้ว่ามันเป็นต้นอะไรจึงไม่ได้เก็บมา แต่พอหรานเอ๋อร์มาเจอเจ้านกตัวนี้ อีกทั้งยังเจอเจ้าต้นนี้อีกต้น หรานเอ๋อร์ก็เลยเก็บมาให้พี่รองดูว่ามันเป็นต้นอะไรเจ้าคะ”

หลีเริ่นหรานตอบเสียยืดยาว ทว่านางก็ไม่ได้บอกออกไปว่าที่ตัดสินใจเก็บต้นที่ไม่รู้จักชื่อนี้มา เป็นเพราะว่านางสังเกตเห็นแมลงตัวเล็กบินเกาะอยู่ตามใบของเจ้าต้นนี้ อีกทั้งที่ใบยังรอยถูกแมลงกัดกิน แสดงว่าต้นนี้น่าจะเป็นพืชอะไรสักอย่าง และไม่มีอันตรายต่อสัตว์

“อาหยาง น้องเจ้าเก็บต้นอะไรมารึ” ฟังบุตรสาวบุตรชายคุยกันอยู่นานแต่ไม่ได้ข้อสรุปสักเรื่อง หลีหยุนจึงได้เอ่ยปากถามบ้าง เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นเดียวกันว่ามันคือต้นอะไร

“มันคือต้นหวงเซ่อขอรับท่านพ่อ”

“ต้นหวงเซ่อรึ?”

หลีหยางพยักหน้ารับ ก่อนจะอธิบายให่บิดาและน้องสาวฟังถึงสรรพคุณของต้นหวงเซ่อ

“ต้นหวงเซ่อนั้นจัดเป็นสมุนไพรหายาก ลำต้นและใบใช้ทำยาบำรุงกำลัง ทว่าดอกสีเหลืองอ่อนของมันกลับมีพิษเป็นยาสลบอ่อนๆ”

“แล้วมันขายได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“อืม...มันขายได้ ได้ราคาดีกว่าสมุนไพรธรรมดาที่เราเก็บไปขายอยู่บ้าง”

หลีเริ่นหรานยิ้มกว้าง นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่นางอยากรู้ ขอแค่อะไรที่ขายได้เป็นเงินได้ที่สามารถทำให้ครอบครัวเธอสุขสบายนั่นต่างหากที่สำคัญกับนาง

“แล้วอินทรีดำตัวนี้เล่า พวกเราจะทำเช่นไร” หลีหลุนเอ่ยถามถึงเจ้านกยักษ์ที่ดูคล้ายจะกลายเป็นตัวปัญหาแล้วในตอนนี้

ทุกสายตามองไปยังร่างของอินทรีดำที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น จากนั้นก็พลันเงยหน้ามองกัน และหัวเราะออกมาโดยมิได้นัดหมาย

“ท่านพ่อ” หลีเริ่นหรานเอ่ยเรียกผู้เป็นบิดา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของบิดาที่นั่งอยู่ด้วยกิริยาออดอ้อน

“ว่าอย่างไรหรานเอ๋อร์ของพ่อ” หลีหยุนโอบกอดบุตรสาวคนเดียวเข้ามาในอ้อมกอด การกระทำนั้นทำให้เด็กกำพร้าอย่างลลิลรู้สึกอุ่นซ่านไปถึงขั้วหัวใจ การมีครอบครัวคอยดูแลปกป้องมันดีเช่นนี้เอง

“เรารักษาเจ้านกยักษ์ตัวนี้ไว้เถอะเจ้าคะ”

“รักษาอย่างไรเล่า? พี่รองของเจ้าก็บอกอยู่มิใช่รึว่าเขาไม่เคยรักษาสิ่งมีชีวิตใด”

หลีเริ่นหรานเม้มปาก อย่างไรเสียนางก็ต้องทำตามที่ตนตั้งใจไว้ให้ได้ ในเมื่อสมุนไพรหวงเซ่อขายได้ นางก็ต้องละเว้นชีวิตของเจ้าอินทรีดำตัวนี้ไว้ แม้ลึกๆจะแอบเสียดายที่จะไม่ได้กินเนื้อก็ตาม

“ท่านพ่อ ลำพังตัวมันเองก็หายใจรวยรินนัก เราไม่ฆ่ามันมันก็จะตายเองอยู่แล้ว ลูกว่าเราเก็บมันไว้ในเรือนก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ หากมันไม่ฟื้นหรือตายเองแล้ว เราค่อยนำมันมาเป็นอาหารก็ยังได้”

มือเล็กๆ เอื้อมไปกอดคอบิดาอย่างต้องการออดอ้อนหนักกว่าเก่า ด้านหลีหลุนนั้นก็มองน้องสาวยิ้มๆ แม้หรานเอ๋อร์จะมีความเอาแต่ใจอยู่บ้าง ทว่านางก็ยังมีจิตใจเอื้ออารี

“เช่นนั้นพี่รองจะลองรักษามันดู เจ้าว่าดีหรือไม่หรานเอ๋อร์” หลีหยางเอ่ยขึ้นอย่างต้องการเอาใจน้องสาว ทั้งยังนับเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองวิชาที่มีติดตัว

“เช่นนั้นก็อดกินเนื้อนกย่างใช่หรือไม่?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel