4 ป่าประหลาด
4 ป่าประหลาด
ห้องนอนสมัยเด็กของไลลายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน คนตัวเล็กเก็บข้าวของและมองไปรอบ ๆ ตัว หนังสือนิยายบนชั้นถูกมารดาเก็บใส่ถุงซิปล็อกและวางให้เป็นอย่างดี หญิงสาวจำได้ว่าอาชีพนักจัดดอกไม้เป็นอาชีพหนึ่งของนางเอกในนิยาย นั่นเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เธอเลือกเดินเส้นทางนี้และได้รู้จักกับผู้คนมากมาย แต่เรื่องไหนนั้นเธอจำไม่ได้แล้ว
ไลลายิ้มเบา ๆ ในอดีตเธอชอบอ่านนิยายเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบิดาและมารดาจะเป็นคนบ้านนอกการศึกษาไม่สูง แต่ก็สนับสนุนให้ลูก ๆ ได้รักการอ่าน ถ้าหากไปเปิดห้องนอนของน้องชายทั้งสองคนจะเป็นหนังสืออีกประเภท เมื่อคิดแล้วก็ตลกดี ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องราวในวัยเยาว์ไลลาก็มักจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีกว่าคนอื่น ๆ
เธอไม่เคยคิดอิจฉาเพื่อนสนิทอย่างพระพาย รายนั้นทั้งสวยและเรียนเก่งกว่าเธอเป็นดาวโรงเรียน เป็นที่ชื่นชอบของครูอาจารย์ รุ่นพี่รุ่นน้องหรือแม้กระทั่งเด็กต่างโรงเรียน ที่มักจะมาแอบเฝ้ามองนางฟ้าประจำตำบลอย่างหล่อนอยู่เสมอ
“ทั้งที่สนิทกันขนาดนั้นแท้ ๆ”
คนตัวเล็กพึมพำ เธอกับพระพายเคยมีช่วงชีวิตวัยรุ่นร่วมกัน ไลลาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของเธอจริง ๆ เสียอีก แต่เปล่าเลยดูเหมือนว่าจะคิดไปเองฝ่ายเดียว รวมถึงพลพลด้วยไลลาเคยวาดฝันชีวิตที่มีกันและกันด้วยกันแท้ ๆ แต่ผู้ชายคนนั้นกลับทำลายทุกอย่างด้วยตนเอง เขาบดขยี้ความรักความหวังดีของเธอทิ้งราวกับเป็นเศษกระดาษชำระ
พลพลจีบเธอก่อน ผู้ชายคนนั้นเข้าหาเธอก่อน และก็เป็นฝ่ายนอกใจเธอก่อน ไลลาคิดถึงวันนั้น คิดถึงวันงานเลี้ยงรุ่นที่เขาใหญ่ นั่นเป็นวันแรกที่แนะนำให้เขารู้จักกับพระพายเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าจากเพื่อนรักจะกลายมาเป็นเพื่อนร้าย
“เลิกคิดได้แล้วไลลา” คนตัวเล็กสะบัดหัวและตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากสมอง
เพื่อสลัดความกลัดกลุ้มที่ผ่านมาตลอดสองเดือน หนังสือนิยายที่อยู่บนชั้นหนังสือของไลลา ถูกหยิบมาอ่านคำโปรยเล่มแล้วเล่มเล่า หญิงสาวทำแบบนั้นจนผ่านไปค่อนคืนก็ยังไม่ได้สักเล่ม กว่าจะตัดสินใจสักเล่มได้ก็เกือบเช้าแล้ว อ่านไปได้แค่สามหน้ากระดาษเท่านั้น ไก่ตัวดีก็ขันบอกเวลา
นั่นเท่ากับว่าถึงเวลาที่เธอต้องเข้าป่าไปเก็บเห็ดกับบิดาแล้ว
เสื้อผ้าแขนยาวที่บิดาได้รับแถมจากการซื้ออาหารวัว ถูกนำมาใส่ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุกเมื่อนึกถึงความร่มรื่นของป่าในฤดูนี้
“ไลตื่นยังลูก” อินตาตะโกนปลุกบุตรสาวแต่เช้า
“ตื่นแล้วค่า....” พูดจบไลลาก็รีบออกมาจากห้อง
“ไปล้างหน้าหน่อยไป ดูไม่ได้เลย” ผู้เป็นบิดาบ่น “กันดงกันแดดอะไรก็เอาไปด้วย ทำมาหลายบาทไม่ใช่เหรอหน้าน่ะ”
“พ่อ!!!!!!!”
ตอนที่เดินไปล้างหน้าได้ยินแต่เสียงหัวเราะของบิดา ส่วนมารดาก็ลุกขึ้นมาหุงข้าวเหนียวและทำกับข้าวเป็นเสบียงให้ตั้งแต่เช้า กลิ่นควันไฟและข้าวเหนียวนึ่งสุกใหม่ ๆ หอมจนน่าประหลาด ตอนยังเด็กผู้เป็นลูกไม่เคยชอบเลยสักครั้งที่มารดาลุกขึ้นมาทำอะไรเสียงดังตั้งแต่เช้า แต่วันนี้เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของมารดากำลังขะมักเขม้นทำนู่นทำนี่ให้ ไลลาอดไม่ได้ที่จะเดินไปสวมกอดผู้เป็นมารดาอย่างรักใคร่
“หมูทอดเหรอแม่ กินเลยได้ไหม”
“เอาสิ” บัวสอนหยิบหมูติดมันชิ้นหนึ่งมาเป่าให้หายร้อนแล้วจึงป้อนเข้าปากของบุตรสาว
“จำได้ด้วยว่าชอบติดมัน”
“จำได้สิดินชอบเนื้อล้วน ลมกับไล ชอบแบบติดมันแล้วก็ตีกันประจำเรื่องแย่งหมู” บัวสอนพูดเจื้อยแจ้ว
"รักแม่น้า...”
“เอาเถอะตอนกลางวันก็กลับมากินซุปมะเขือนะ ส่วนตอนเย็นค่อยเป็นแกงเห็ด”
“ค่า...”
อันที่จริงบัวสอนไม่ค่อยเห็นด้วยนัก ที่บุตรสาวจะเข้าป่าในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อคืนเธอฝันร้าย ในฝันเธอมีลูกแก้วสามดวงที่รักมาก จู่ ๆ ดวงที่ใหญ่ที่อยู่แรกสุดก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ความฝันนั้นทำให้บัวสอนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ท้ายที่สุดก็ออกมาจุดไฟหุงข้าว
ที่ปลายขอบฟ้ามีแสงสว่างเรืองรอง ไลลานั่งรถอีแต๋นออกไปกับบิดาและนำไปจอดเอาไว้ที่ชายป่า ตามปกติหากตื่นเช้าขนาดนี้ หญิงสาวจะต้องดื่มกาแฟสักแก้วเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
“ง่วงเหรอลูก”
“นิดหนึ่งค่ะ ปกติหนูจะต้องกินกาแฟ”
“เอา ๆ ลูกอมกาแฟ ได้ไหม แทนกันได้ไหม” อินตาส่งลูกอมกาแฟให้บุตรสาวหนึ่งกำมือ “เออไลลูก ป่ามันเปลี่ยนไปนะ ให้เดินเฉพาะที่มีทางเดินนะลูกอย่าออกนอกเส้นทาง”
“ค่ะ” ไลลาฟังสิ่งที่บิดากำชับ เธอรู้ดีว่าเรื่องลึกลับในป่าเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะคาดเดา ทุกครั้งจึงไม่เคยแหกกฎหรือทำเรื่องที่ผิดมารยาทในป่าเลยสักครั้ง ตอนที่คุณตาคุณยายยังมีชีวิตอยู่ ก็ชอบเล่าเรื่องลึกลับเกี่ยวกับป่าให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อพูดคุยตกลงกันเรื่องเวลาเรียบร้อยแล้ว สองคนพ่อลูกก็เดินเข้าป่าเหมือนที่เคยทำมาตลอด กระทั่งเข้าไปยังจุดที่เป็นพื้นที่ที่มักจะมีเห็ดงอกเป็นประจำ ก็แยกกันหาเห็ดตามปกติ ตอนที่บิดาบอกว่าป่าเปลี่ยนไปไลลายังคิดว่าบิดาพูดเล่น ที่นี่เปลี่ยนไปจริง ๆ มันเคยมีต้นไม้เยอะกว่านี้และทึบกว่านี้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น มันดูแห้งแล้งต้นไม้ใหญ่บางต้นก็ทิ้งใบรอวันตาย
“เฮ้อ ไม่ต่างอะไรกับชีวิตคนเรานั่นแหละนะ ขนาดหัวใจและความรู้สึกยังเปลี่ยนได้เลย” ไลลาพึมพำ
เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ไลลาก็พบว่าป่ายังคงมืดเหมือนเมื่อตอนเข้ามา ทั้งที่ตอนนั่งรถอีแต๋นออกมาจากบ้านฟ้ากำลังจะสว่าง แต่เปล่าเลยยังมืดมิดราวกับเป็นกลางคืน ยิ่งเดินก็ยิ่งมืดลงเรื่อย ๆ หญิงสาวดูนาฬิกาของตัวเอง และพบว่ามันหยุดเดินเท่ากับเวลาที่เธอลงจากรถอีแต๋นและเข้าป่า
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เมื่อคิดถึงความผิดปกติไลลาก็ร้องเรียกหาบิดา
“พ่อ พ่อจ๋า.....” ไลลาตะโกนเสียงดังลั่น ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา มีแต่เพียงเสียงสะท้อนของเธอเท่านั้น
“พ่ออยู่ไหน พ่อจ๋าช่วยไลด้วย”
ร่างเล็กเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อย ๆ และเริ่มเกิดอาการหน้ามืดจากการพักผ่อนน้อยและไม่ได้ดื่มกาแฟขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มือเรียวเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบลูกอมกาแฟที่บิดาส่งให้ก่อนเข้าป่ามากินเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
“พ่อ!!! พ่อช่วยไลด้วย” น้ำเสียงที่เคยเข้มแข็งและแข็งแกร่งเริ่มเจือเสียงสะอื้น
เมื่อเดินไปได้อีกสักพักหนึ่ง ไลลาก็รู้สึกว่าป่ารอบ ๆ ตัวกำลังหมุนวนราวกับว่าเธอกำลังอยู่บนรถไฟลอยฟ้าในสวนสนุก หัวสมองของไลลารู้สึกวิงเวียนร่างกายเริ่มรู้สึกหนักอึ้ง ร่างเล็กแบบบางทรุดตัวและล้มลงในที่สุด