บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9

“อืม...สวยเหมือนแม่ แต่อย่าให้อาภัพเหมือนแม่เลยนะ แม่น่ะสังเวชใจเหลือเกิน ถ้าเป็นไปได้อยากจะขอยายเล็กเอามาอยู่ซะด้วยกันที่นี่เลย ไม่รู้ว่าแกจะยอมหรือเปล่า เฮ้อ!”

“ก็ลองดูสิครับแม่ ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้าแกไม่ได้รักหนูหล้าแกก็น่าจะให้เราเอามาเลี้ยงได้ แต่ถ้าแกไม่ยอม จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่างน้อยเราก็ยังได้รู้ว่าแกยังต้องการเด็กคนนี้อยู่” ปณิธานเสนอความคิด เพราะแม่ของเขาเอาแต่ถอนหายใจเสียงดังอย่างอึดอัดหัวใจเต็มแก่

“แกไม่ให้หรอกแม่รู้ แกรักฟ้ารุ่งที่สุด ถึงจะบอกว่าไม่รักหลาน ไม่ต้องการหลาน แต่ลูกของลูกสาวที่แกรักที่สุด แกคงไม่มีวันส่งไปให้ใครหรอก ไม่อย่างงั้นแกคงไม่รับเอามาเลี้ยงตั้งแต่แรก”

“งั้นสรุปว่าแกก็รักหนูหล้าอยู่เหมือนกันหรือครับ”

“ก็คงอย่างงั้น คนอะไรไม่รู้หัวโบราณ ฝังจิตฝังใจ เฮ้อ...”

“หึๆ ใครจะทันสมัยเท่าแม่ของผมล่ะครับ ลูกสะใภ้เป็นฝรั่งยังโอเคเลย”

“นั่นน่ะยอมเพราะตารบหรอก”

ปณิธานโอบกอดมารดาด้วยความรัก แม่ของเขามีจิตใจที่โอบอ้อมอารีต่อผู้อื่นเสมอ แม้ในระยะแรกที่เขาบอกว่าจะแต่งงานกับแคทเทอรีนแม่จะไม่เห็นด้วย แต่ท่านก็ไม่ห้ามไม่ขัดขวาง เพียงแต่บอกให้ดูกันไปให้ดี เพราะวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันมากอาจทำให้แคทเทอรีนทนอยู่กับเขาที่เมืองไทยไม่ได้ และก็เป็นจริงอย่างที่แม่พูดทุกอย่าง เพียง 6 ปีของการร่วมชีวิต แคทเทอรีนก็หย่าขาดจากเขาเพราะไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านทหารอยู่ที่เมืองไทยได้ และจะให้เขาออกจากราชการแล้วย้ายไปอยู่กับเธอที่อเมริกาเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะเขารักเมืองไทยเกินกว่าที่จะย้ายไปตั้งรกรากที่อื่นได้ แต่เขาก็ไม่เคยกีดกันลูกชายกับเธอ ทุกซัมเมอร์เด็กชายที่เป็นหัวใจของคนทั้งบ้านก็จะได้เดินทางไปอยู่กับแม่ของเขาที่อเมริกาเสมอ

“ถ้าที่โรงเรียนเขาไม่มีทุนให้ ผมจะอุปการะเด็กคนนี้เองนะครับ” ปณิธานเอ่ยเสียงทุ้มเจือความปรานีที่ฉายชัดในแววตา

“จะเอาอย่างนั้นหรือลูก”

“ครับ มีลูกสาวเพิ่มขึ้นอีกคนขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอก แค่รายได้จากงานพิเศษของผมก็เลี้ยงเจ้ารบพอแล้ว เงินเดือนไม่ได้ใช้เลยสักบาท”

ปณิธานหมายถึงงานถ่ายภาพส่งนิตยสารที่เขาทำเป็นงานอดิเรก ซึ่งแม้จะไม่ใช่รายได้หลักที่ได้รับประจำทุกเดือน แต่ทุกครั้งที่ได้รับก็มากกว่าเงินเดือนข้าราชการทหารหลายเท่าตัว ทำให้เขาพอจะมีเงินเก็บอยู่มาก ประกอบกับฐานะทางบ้านที่ไม่ได้เดือดร้อน ทั้งยังมีที่ทางที่ได้รับเป็นมรดกจากพ่อ ซึ่งบางส่วนปล่อยให้ชาวนาชาวสวนเช่าก็ยิ่งเพิ่มรายได้ให้แก่เขาอีกทางหนึ่ง

“ธานใจดีจังลูก”

“หึๆ ก็ผมลูกแม่นี่ครับ”

“จ้า...ปากหวานจริงลูก ปะ ไปกินข้าวเย็นกันเถอะ มาลองกินฝีมือยายเล็กดูซิว่ายังถูกปากธานเหมือนเดิมหรือเปล่า”

ปณิธานโอบประคองมารดาเดินเข้าสู่ตัวบ้าน บ้านที่ให้ความรักและความอบอุ่นใจแก่เขาเสมอ และเขาก็หวังอย่างที่สุดว่าเด็กชายนักรบจะเติบโตขึ้นโดยซึมซับความรักของครอบครัวไว้เป็นเสบียงหล่อเลี้ยงหัวใจไม่ให้เป็นคนเห็นแก่ตัวในวันข้างหน้า

เด็กหญิงหล้าจ้องมองถุงกระดาษสีน้ำตาลที่ด้านข้างมีลวดลายเป็นเส้นสีชมพูกับสีฟ้าตัดกันไปมาสลับกับมองใบหน้าเจ้าของถุงที่ยิ้มจนเห็นฟันสีขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบด้วยความสงสัย เพราะถุงกระดาษใบนี้ถูกยื่นมาตรงหน้าในขณะอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงบ้านที่มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับบ้านของยายพิศที่เพิ่งเดินจากมา

“เอ้า พี่ให้” นักรบเอ่ยซ้ำเมื่อเธอไม่ยอมขยับมือมารับสิ่งที่เขายื่นให้

“ให้...ให้หล้าเหรอ” เด็กหญิงมองถุงกระดาษในมือของพี่ชายใจดีก่อนจะส่ายศีรษะไปมา

“อ้าว พี่ให้จริงนะ น้องหล้าจะได้เอาไว้เล่นแทนเจ้าเปี๊ยก แล้วอย่าลืมพาเปี๊ยกไปส่งแม่เขาด้วย เขายังไม่หย่านม น้องหล้าไปเอาเขามาอย่างนี้แม่เขาจะคิดถึงลูกเอาได้”

“คิดถึงเหรอ” เด็กหญิงลูบศีรษะลูกสุนัข แววตาหมองเศร้าสื่อออกมาจนคนที่มองอยู่รับรู้ได้

“อืม ใช่สิ ก็ต้องคิดถึง เอ่อ...พี่หมายถึง แม่เขาอยากให้ลูกมากินนมน่ะ จริงไหมครับอาปาน” ใบหน้าจิ้มลิ้มที่หมองลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้เด็กชายรู้ตัวว่าคงพูดอะไรผิดไป

“ใช่จ้ะ ถ้าถึงเวลากินนมแล้วลูกไม่ได้กินแม่เขาจะเจ็บเต้านมมาก หล้าไม่ควรแยกเขาจากแม่นะลูก อีกอย่างถ้าแม่เขาหงุดหงิดเขาก็อาจจะกัดหล้าได้ ไหนหล้าเอาเขามาจากตรงไหน เราเอาเขาไปคืนแม่ก่อนดีกว่า ป่านนี้เปี๊ยกคงจะคิดถึงแม่แล้วแหละ ดีไหม”

เด็กหญิงอมยิ้มแสดงให้เห็นว่าเข้าใจและคงลืมเรื่องเศร้าในใจไปบ้างแล้ว ดวงตาสุกใสคล้ายมีความฝันเล็กๆ จ้องมองถุงกระดาษในมือของเด็กชาย แววตาตื่นเต้นที่เจ้าตัวพยายามก้มหน้าก้มตามองแต่เพียงสุนัขตัวน้อยในมือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองมาอีกครั้ง แต่เมื่อเขายื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลใบโตให้ เธอก็ไม่กล้าเอื้อมมือมาหยิบ ทั้งที่การแสดงออกด้วยความบริสุทธิ์นั้นบ่งบอกว่าอยากได้ และคงตื่นเต้นเป็นหนักหนาที่จะมีใครให้สิ่งของ ทั้งที่ยังไม่รู้สักนิดว่าอะไรกันที่อยู่ในนั้น

“รับไปสิลูก พี่นักรบเขาเลือกมาเองเลยนะ หล้าต้องชอบแน่นอน” ปานใจเอ่ยสนับสนุนและยิ่งรู้สึกสงสารเด็กน้อยมากขึ้นไปอีก เมื่อสิ่งที่รับรู้อีกอย่างหนึ่งคือ หล้าคงไม่เคยมีใครให้ของอะไรเลยสักอย่าง

“รับไปสิน้องหล้า พี่ให้จริงๆ แต่ต้องเอาไปเปิดที่บ้านนะ จะได้ตื่นเต้น” เด็กชายบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแทนคนได้รับ พร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel