ตอนที่ 7
อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจที่ภายในวันเดียวมีหลากหลายเรื่องที่ต้องเผชิญ ทำให้ยายเล็กระเบิดความอัดอั้นออกมาทั้งที่พยายามจะสะกดกลั้นให้มากที่สุด แต่เรื่องต่างๆ ที่วิ่งเข้าโถมใส่ก็ทำให้แกทนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของฟ้ารุ่งที่ถูกรื้อฟื้นให้สะเทือนจิตใจ ไหนจะถูกมัดมือชกเรื่องส่งหล้าไปเรียนหนังสือ ถูกลมรำเพยต่อว่าต่อขาน แล้วเมฆยังมาพูดแขวะให้แกช้ำใจเล่นอีก
“แหม แม่ พูดเล่นแค่นี้ทำเป็นมีน้ำโห ฉันก็แค่จำที่พี่ลมมันพูดมา ใครจะไปกล้ามีปัญหากับแม่ล่ะ ว่าแต่แม่มีให้ฉันสักหกสิบไหม ฉันจะเอาไปซื้อ...”
เมฆเปลี่ยนอารมณ์และปรับน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมกับกระดิกมือเพื่อบอกเป็นนัยถึงสิ่งที่ต้องการ
“กูไม่มี ข้าวต้มยังห่อไม่เสร็จ ต้องรอนังหล้ามันเอาไปขายพรุ่งนี้ก่อน”
เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เมฆต้องการให้หลานตัวน้อยไปซื้อคืออะไร แกจึงโกหกว่าไม่มีเงิน ข้าวมีให้กินแต่ไม่ให้เงิน คงเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตามที่ผู้ใหญ่บ้านแนะนำแกมา แต่ตอนนี้ท่าทางจะไม่ใช่เสียแล้ว
“แม่อย่ามาโกหกฉันเลย ไหนดูซิมีเท่าไร”
“ไอ้เมฆ เอากระเป๋ากูคืนมา! ไอ้เมฆ กูบอกให้เอาคืนมา! ไอ้ลูกเวร เอามา!”
ยายเล็กลุกพรวดเมื่อเมฆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าของแกแล้วหยิบกระเป๋าพลาสติกใส่เงินใบเก่าออกไปด้วย ร่างท้วมพยายามไขว่คว้าแย่งชิงกระเป๋าคืน แต่ลูกชายที่คอยหันหน้าหันหลัง กันไม่ให้แกหยิบได้ก็ทำให้ผู้เป็นแม่น้ำตาแทบร่วง
“โห! มีเงินตั้งเยอะทำเป็นหวงลูก งั้นฉันเอาร้อยนึงละกัน”
เมฆกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเห็นธนบัตรสีแดงหลายใบพับซ้อนอัดกันแน่นอยู่ในกระเป๋า แต่เมื่อหันไปเห็นดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำของผู้เป็นแม่ อาการลิงโลดที่คิดว่าวันนี้คงได้หลายบาทก็พลันชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนใจเอาเท่าที่พอซื้อได้แทน
“ไม่ได้! กูต้องเอาไว้ซื้อของขายพรุ่งนี้ เอาคืนมานะไอ้เมฆ ถ้ามึงเอาไป กูก็ซื้อของไม่พอ” ยายเล็กพูดพร้อมกับพยายามไขว่คว้าแย่งกระเป๋าเงินคืน ทั้งที่เรี่ยวแรงเหมือนจะหดหายไปกับความช้ำใจจนหมด
“แม่มีตั้งเยอะ ถ้าไม่พอแม่ก็รอให้นังหล้ามันขายข้าวต้มมัดให้ได้ก่อนสิ แล้วแม่ค่อยไปซื้อของ” เมฆวางกระเป๋าใบเก่าตรงหน้าเจ้าของ ก่อนจะรีบออกไปโดยไม่สนใจเสียงตะโกนไล่หลังของแม่สักนิด เพราะเขากำลังจะได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างง่ายดาย แค่มีธนบัตรใบสีแดงไปแลกเท่านั้น
“ไม่นะ! ไอ้เมฆ เอาเงินกูคืนมา ไอ้เมฆ ไอ้ลูกเวร!”
ร่างท้วมทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ทว่าน้ำตาที่คิดว่ามันจะไหลออกมากลับย้อนคืนสู่ภายใน เพราะน้ำตาของนางเหือดแห้งไปกว่าเจ็ดปีแล้ว แค่คิดว่ามันเป็นกรรมอะไรที่มีลูกก็ไม่ได้ดีสักคนเดียว แม้จะขาดฟ้ารุ่งไปแล้ว ลมรำเพยก็ไม่คิดจะเรียนต่อ จากเด็กร่าเริงกลับกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดปากคอเราะราย เมฆที่เคยเป็นเด็กเรียนเก่งสามารถสอบชิงทุนของจังหวัดได้ก็กลับติดยาจนชีวิตหมดอนาคต วันๆ เอาแต่นอน ไม่คิดจะทำมาหากินอะไร ส่วนหมอกลูกชายคนเล็กก็ไม่ต่างจากพี่ชายเลยสักนิด หนำซ้ำยังมีคดีพรากผู้เยาว์ติดตัวจนแกต้องวิ่งเต้นเสียเงินเสียทองเพื่อให้ลูกชายพ้นคดี และหมอกก็เข้าสู่วังวนของยาเสพติดไม่ต่างจากเมฆ
ทำไมชีวิตนางถึงต้องเผชิญกับวิบากกรรมอย่างนี้ แกไปทำเวรทำกรรมกับใครไว้ ทำไมชาตินี้ถึงได้มีแต่ความทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้น หากกำหนดชีวิตตัวเองได้แกก็อยากจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่ามีภาระจำยอมที่ต้องเลี้ยงดูหลานที่แกไม่ต้องการ แกก็คงไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
ร่างท้วมเอนกายนอนราบลงกับพื้นกระดานบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง ดวงตาฝ้าฟางปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อนหัวใจแสนสาหัส จะมีใครบ้างนะที่จะสงสารและรับรู้ในชะตากรรมของแก...จะมีใครรู้บ้าง
ใบหน้าน้อยๆ ที่ก้มต่ำ ดวงตาเหม่อลอยไม่ต่างจากคนกำลังครุ่นคิด ติดที่ว่ากิริยานั้นเป็นการกระทำของเด็กอายุแค่หกปีเท่านั้น ผู้ใหญ่ในที่นี้จึงได้แต่มองดูด้วยความสงสารปนสังเวชใจที่โชคชะตาที่ช่างมีอิทธิพลต่อชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเจริญเติบโตนี้เสียจริง
‘หมามันยังรักลูก แล้วทำไมอีฟ้าไม่รักลูกมัน แม่คิดบ้างไหม ฮึ! ฉันคงไปแตะลูกรักของแม่ไม่ได้หรอก แต่คอยดูละกัน ฉันพนันกับแม่ได้เลยว่าน้ำหน้าอย่างอีหล้า ไม่เกิน ม.3 มีผัวแน่’
เสียงเย้ยอันหวั่นเกรงของน้าสาวยังคงก้องอยู่ในหู เสียงที่ทำให้หัวใจจดจ่อว่าต้องมาให้ถึงที่นี่ให้ได้ แต่ตอนนี้เธอจะตอบคำถามของคุณยายพิศและคุณครูปานใจได้อย่างไร เพราะสิ่งที่น้าสาวพูดมาทั้งหมดนั้นแม้จะเข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง แต่เธอก็แยกแยะได้ว่ามันเป็นคำไม่สุภาพ
“ว่ายังไงล่ะลูก หนูหล้า กินขนมอิ่มแล้วก็ต้องบอกยายแล้วนะว่าหนูน่ะเดินร้องไห้มาทำไม ใครรังแกหนูหรือเปล่า บอกยายกับคุณครูปานใจได้ ยายจะให้คุณครูไปจัดการให้”
