บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5

“แม่คิดยังไงถึงจะให้อีหล้ามันไปเรียนหนังสือ" ลมรำเพยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ และคำตอบที่ได้รับจากสายตาของคนเป็นแม่ก็ทำให้เธอรู้สึกคล้ายกับกลืนของแข็งลงคอ ก่อนจะพูดเสียงสั่น เพราะยังจำสิ่งที่ฟ้ารุ่งทำไว้ได้ไม่ลืมเลือน

"คนอย่างมัน...เดี๋ยวลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น ให้มันเรียนไปจะมีประโยชน์อาไร้! หน้าตาอย่างมัน คงไม่แคล้วได้มีผัวก่อนเรียนจบแน่”

พี่สาวที่แก่กว่ากันแค่ปีเดียว แต่หน้าตาสะสวยแตกต่างจากเธอที่หน้าตาพื้นๆ แม้จะไม่ได้ขี้เหร่ แต่เมื่อเทียบกับฟ้ารุ่งความหมายก็คงจะไม่ต่างกันนัก ‘สวยและเรียนเก่ง’ เป็นคุณสมบัติที่ทำให้แม่รัก และก็ทำให้ผู้ชายมากหน้าหลายตามารุมชอบ แต่เธอกลับมองว่ามันไม่ต่างจากแมลงวันรุมตอมของเน่าเหม็น เพราะสุดท้ายผู้เป็นพี่ก็ส่งกลิ่นเน่าหนีตามผู้ชายไปจนได้ แล้วลูกที่หน้าเหมือนแม่อย่างกับแกะกันออกมาจะต่างกันสักเท่าไรกันเชียว

“ก็ไม่ได้อยากให้มันไปเรียน แต่เกรงใจแม่พิศเขา” ยายเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเรียบไม่ส่ออารมณ์แล้วก้มหน้าก้มตาเจียนใบตองสำหรับทำขนมในช่วงเช้ามืดต่อไป

“จะไปเกรงใจเขาทำไมกันแม่ ก็แค่คนรวย ไม่เห็นจะอยากญาติดีด้วยซ้ำ เชอะ!”

ลมรำเพยเบะปากตามอารมณ์หมั่นไส้คนรวยที่เธอมักจะเป็นเสมอเมื่อเห็นคนจากบ้านยายพิศออกมาจับจ่ายซื้อหาข้าวของในตลาด แต่ก็ไม่ได้รังเกียจมากเท่าครั้งนี้ที่ได้รู้ว่าความคิดที่จะส่งหล้าไปเรียนหนังสือมาจากคนบ้านนั้น

“มึงไม่อยากแต่กูอยาก เวลาไม่มีเงินมีทองให้พวกมึงใช้ก็ได้แม่พิศนี่แหละที่ให้หยิบให้ยืม ทั้งบ้านช่องนี่ก็ที่ของเขา ค่าเช่าที่เขาก็ไม่เคยมาทวงถามเอากับกู ถ้ากูไม่เกรงใจเขา วันข้างหน้ากูขาดเงินกูจะไปเอาได้เรอะ และอีกอย่างกูก็ไม่ได้เสียเงินสักบาท แม่พิศแกว่าหนูปานจะจัดการให้ทั้งหมด”

ยายเล็กยังไม่หยุดเจียนใบตองแต่น้ำเสียงที่พูดเริ่มแสดงอารมณ์เมื่อเห็นว่าลมรำเพยทำท่าจะพาลไม่เลิก เพราะแม้แกไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ยายพิศร้องขอแต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะวันหนึ่งก็ต้องส่งมัตติกาเข้าเรียนอยู่ดี แถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะแกไม่ต้องเสียเงินเสียทองส่งเสียหลานสาวสักบาท

“เชอะ! คนรวย ก็ดี! ทำนาบนหลังคนมานานก็ควรจะช่วยเหลือชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง”

“นี่! นังลม อย่าให้มันมากนักนะ แม่พิศเขาไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำแบบนั้น ใครยากจนข้นแค้นก็ไม่เคยต้องจ่ายดอกสักบาท อย่างกูนี่ไง เงินต้นกูก็ยังไม่คืน เรื่องดอกอย่าได้ฝัน กูคงไม่มีปัญญาหาให้หรอก และน้ำหน้าอย่างมึงก็คงไม่ช่วยกูด้วย”

เมื่อทนไม่ไหวยายเล็กจึงละมือจากใบตอง เงยหน้าขึ้นมาด่าว่าลูกสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในเวลานี้ เพราะไม่เชื่อน้ำหน้าว่าหากเกิดเดือดเนื้อร้อนใจขึ้นมาอีกลมรำเพยจะช่วยอะไรแกได้

“ทำไมแม่! น้ำหน้าอย่างฉันมันเป็นไง อย่างน้อยฉันก็ยังหาเงินมาเป็นค่าน้ำค่าไฟให้แม่ได้ละน่า ไม่เหมือนนังลูกสุดสวาทของแม่ ฮึ! ขนาดตัวไม่อยู่ยังอุตส่าห์ส่งลูกมาเป็นตัวแทน หมามันยังรักลูก แล้วทำไมอีฟ้าไม่รักลูกมัน แม่คิดบ้างไหมฮึ! ฉันคงไปแตะลูกรักของแม่ไม่ได้หรอก แต่คอยดูละกัน ฉันพนันกับแม่ได้เลยว่าน้ำหน้าอย่างอีหล้า ไม่เกิน ม. 3 ได้มีผัวแน่ หลงกันเข้าไปเถอะ วันหนึ่งมันเจริญรอยตามแม่มันแล้วแม่จะรู้สึก แม่ไม่รู้เหรอว่าชื่อมันแปลว่าอะไร”

สายตาที่ผู้เป็นแม่มองตรงมาทำให้ลมรำเพยต้องกัดริมฝีปากแรงๆ สายตากราดเกรี้ยวรังเกียจ...ที่เธอไม่รู้ว่าแม่รังเกียจตัวเธอหรือว่ารังเกียจอดีตที่เจ็บปวดกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือคนที่เธอรังเกียจอย่างที่สุดแม้ตัวจะไม่อยู่ ก็ยังอุตส่าห์ส่งตัวแทนมาคอยทิ่มตำจิตใจและทำให้เธอมีเรื่องกระทบกระทั่งกับแม่อยู่ทุกวัน

“มัตติกามันแปลว่า ‘ดิน’ ยังไงล่ะแม่ หนำซ้ำชื่ออีหล้าก็ยังแปลว่าดินเหมือนกัน แล้วแม่ยังคิดว่ามันจะไปเป็นนางฟ้านางสวรรค์ได้ยังไง อย่าไปหวังให้มันกลายเป็นดอกฟ้าล่ะ เพราะยังไงอีนี่มันก็เป็นได้แค่ดอกดินเท่านั้น แม่ฟังคำฉันไว้ อีหล้ามันเป็นได้แค่ดอกดินเท่านั้นแหละ อีดอกดิน! ฮ่าๆๆ"

ลมรำเพยแหงนหน้าหัวเราะด้วยความสะใจหลังจากได้ระบายอารมณ์ที่อัดแน่นออกไปบ้าง เธอต้องทนมองใบหน้าเล็กไร้เดียงสาที่ถอดแบบพี่สาวของเธอมาอย่างกับ ‘ตัวตายตัวแทน’ ทั้งที่เธออยากจะหนี แต่ก็หนีไม่พ้น

เสียงหัวเราะบาดลึกของลมรำเพยไม่เพียงทำให้ยายเล็กต้องปิดเปลือกตาลงด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงหัวเราะนั้นยังมีผลกับคนที่นั่งตัวลีบติดอยู่ข้างฝาบ้าน ฝากระดานแผ่นบางๆ นั้นไม่สามารถกั้นเสียงที่ส่งผ่านมาได้เลยสักนิด มือน้อยที่กำลังลูบลำตัวลูกสุนัขจรจัดสั่นเทาเล็กน้อย ดวงตากลมโตดำขลับฉายแววเศร้าก่อนที่เด็กหญิงหล้าจะซบใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตากับลูกสุนัขตัวน้อยที่โอบอุ้มไว้ด้วยความทะนุถนอม ความหวังความดีใจที่มีมากจนสะกดเก็บไม่อยู่ถึงกับต้องแอบเอามาเล่าให้เพื่อนสี่ขาตัวเดียวบนโลกใบนี้ฟัง เพื่อให้ร่วมแสดงความยินดีกลับมืดบอดลง เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนั่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel