ตอนที่ 4
“ว่าบาปน่ะป้า ลุงเข้มแกเป็นผู้ใหญ่ใจดี อย่าไปว่าแกอย่างนั้น แกไม่คิดอะไรกับฉันหรอก บ้านเช่าติดกันแกคงคิดว่าเป็นลูกเป็นหลาน แกเอ็นดูน่ะ”
“ชิ๊… ที่มันเอ็นดูเอ็ง เพราะมันอยากให้เอ็ง ‘ดูเอ็น’ มันน่ะสิ ข้านี่แหละรู้จักมันดีกว่าใคร”
“ป้า…”
อุทานแล้วจำปาก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง เพราะรู้ว่าป้าช้อยเป็นคนยังไง หล่อนจึงไม่ถือสาคำพูดคำจาของแก แต่ก็ไม่คิดว่าจะทะลึ่งสัปดนขนาดนี้
ครั้นแล้วป้าช้อยก็กวาดสายตาสำรวจไปทั่วเรือนร่างอิ่มสมบูรณ์ของจำปาอีกครั้ง
“มองยังกะจะกินเลือดกินเนื้อฉันยังงั้นแหละป้า…”
วิธีการมองของป้าช้อยทำให้คนถูกมองยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“เอ็งอยากทำงานมั้ย… ข้าพอจะแนะนำได้”
“อยากสิป้า”
“ไหน… งั้นเอ็งลองลุกขึ้นยืนให้ข้าดูชัดๆ หน่อยซิ”
จำปาดูงงๆ แต่ก็ลุกขึ้นตามที่ป้าช้อยว่า เพราะอยากรู้ว่าแกเกิดความคิดพิสดารอะไรขึ้นมาอีก
“ป้าอย่าบอกนะว่าที่ไหนกำลังจะจัดประกวดนางงามแม่ลูกอ่อน”
จำปานึกเล่นๆ เพราะความคิดหลายๆ อย่างของป้าช้อยมักจะนำความแปลกใจมาให้หล่อนอยู่เสมอ
สตรีผู้สูงวัยกว่าลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปใกล้ร่างอิ่มสมบูรณ์ของแม่ลูกอ่อนตรงหน้า พร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งของแกก็เลิกชายเสื้อคอกระเช้าของจำปา
“ว้าย…”
หล่อนสะดุ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าป้าช้อยจะทำอะไรพิเรนทร์แบบนั้น
“โอ้โห…”
ดวงตาแกเบิกกว้าง แลเห็นตาดำลอยเด่นอยู่กลางตาขาว
สายตาของแกจับอยู่ที่เต้าทรวงอวบใหญ่ของจำปา หนั่นเนื้อเรียบเนียนตรงหน้า ขาวจนแลเห็นเส้นเลือดสีเขียวลางๆ กระจายอยู่ใต้ผิวบอบบางของเต้านมทั้งสองข้าง แลดูคัดเป่งเพราะยังอยู่ในช่วงให้นมลูกอ่อนที่นอนอยู่ในเปล
“เอ็งมันมีของดีอย่างที่ร่ำลือจริงๆ…”
อันที่จริงป้าช้อยเคยเห็นทรวงอกของผู้หญิงด้วยกันมานักต่อนัก แม้แต่ของจำปาก็เคยเห็นตอนที่หล่อนควักนมออกมาป้อนให้ลูกบ่อยๆ แต่ก็วับๆ แวมๆ ไม่เคยได้เห็นจะแจ้งชัดเจนเท่ากับที่กำลังปรากฏเต็มสองตาอยู่ในตอนนี้
“หน้าอกเอ็งสวยมาก… เต่งตึง ไม่หย่อน ไม่ย้อย ไม่คล้อย ไม่คล้ำ” แววตาชื่นชมจับอยู่ที่ปลายถันของจำปา
“แล้วก็ไม่ยานเหมือนของป้าใช่มั้ย… อิอิ”
จำปาแกล้งกระเซ้า
“แหม… นังนี่ทะลึ่ง ก็เอ็งลองแก่แบบข้าสิ ตอนนั้นมันจะไม่หย่อนไม่ยานก็ให้รู้กันไป”
ป้าช้อยเคยเห็นของใหญ่มานักต่อนัก แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าของใครจะใหญ่และสวยเหมือนของจำปา
ผิวที่ขาวละเลียดลออของหล่อนทำให้ฐานป้านของยอดปทุมนั้นไม่แลดูคล้ำ น่าแปลกที่ยังคงความเป็นสีเนื้ออมชมพูเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เม็ดทับทิมทั้งสองข้างแดงเด่นได้รูปทรงสวย และที่สะดุดตาจนป้าช้อยอดที่จะนึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้… ก็คือยอดทรวงซึ่งชี้งอนและเต่งตั้งราวกับเอาลูกเชอร์รี่สีแดงปลั่งไปวางประดับเอาไว้ที่ปลายยอด
“ฉันอายนะป้า…”
หล่อนกระชากชายเสื้อคอกระเช้าปิดฉับลงทันใด ด้วยความกระดากอายสายตาป้าช้อย
“ผู้หญิงด้วยกันนะ แหม… อย่าดัดจริต เอ็งจะมาอายทำไมวะอีห่า”
ขณะพูดนั้นสายตาของแกก็ยังจับอยู่ที่ปลายถันชี้งอนของจำปาที่เสียดสีอยู่ใต้เสื้อบางๆ แลเห็นคราบน้ำนมแม่ลูกอ่อนเป็นวงชื้นอยู่ระหว่างยอดอกเต่งตั้งทั้งสองข้าง
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเอ็งมีอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้หญิงคนอื่นไม่มี” แกเอ่ยให้จำปาได้คิด
“แล้วมันอะไรล่ะป้า…”
หล่อนทำหน้าสงสัยขึ้นมาอีก นึกในใจว่ายัยป้าสัปดนคนนี้กำลังคิดพิเรนทร์อะไรขึ้นมาอีก?
“สะโพก อก เอว ก้น ผิวพรรณผุดผาดแบบนี้ ตา หู จมูก ปาก แบบนี้… น่าเสียดายที่เอ็งเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับไอ้เชิดซะหลายปี”
“พูดอย่างนี้ฉันเลยงงไปใหญ่…” จำปายกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
“งั้นข้าขอดูอีกอย่าง…” แกเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
และแล้ว…
โดยที่จำปาไม่ทันได้ระวัง
“ว้าย…”
หล่อนอุทานเสียงดังขึ้นอีกครั้ง กับความสัปดนอย่างคาดไม่ถึงของป้าช้อย เมื่อมือไวของแก เอื้อมมากระตุกปมผ้าถุงของจำปาที่ขมวดเอาไว้หลวมๆ
เพียงเท่านั้น…
ผ้าถุงลายดอกก็ร่วงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า เผยให้เห็นร่องเนื้อสีชมพูอวบใหญ่เบียดอัดกันอยู่ใต้ขาหนีบ ดูราวกับว่าจำปาเอากระดองเต่าตัวเขื่องมาหนีบเอาไว้ระหว่างพุ่มแพรไหมดกดำกระจุกกระจายอยู่รอบๆ ความโหนกนูนที่เห็น เส้นขนสีดำช่วยขับเน้นกลีบเนื้อสีขาวอมชมพูของ