บทที่ 5
แต่การสนทนาระหว่างสาวต่างชาติทั้งคู่ มีอันต้องสะดุดลงชั่วขณะ เมื่อเรอัลเห็นเด็กน้อยชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นฝาแฝดกัน กำลังเดินจูงมือกันมาทรุดตัวลงนั่งเล่นปั้นปราสาททรายอยู่ไม่ห่างจากเขาสักเท่าไร
“เด็กน้อยคู่นี้น่ารักชะมัด”
เรอัลเอ่ยยิ้มๆ ขณะจ้องมองเด็กน้อยทั้งคู่เขม็ง และยิ่งทอดสายตามอง ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตาราวกับเคยรู้จักเด็กน้อยทั้งสองมาก่อน
“ทำไมเหมือนเคยเห็นเด็กคู่นี้มาก่อนนะ”
เรอัลพึมพำถามตัวเองอีกครั้ง แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะถูกฝ่ามือหนักๆ ของรอสส์ที่ซัดลงมาบนบ่าเต็มแรง พร้อมกับเอ่ยชวนเสียงดังว่า
“เรอัล นั่งอยู่ทำไม ไปเล่นน้ำกับเราดีกว่า สาวๆ กลุ่มนั้นหุ่นน่ากินมาก สเป๊กนายทั้งนั้นเลยว่ะ”
“รอสส์...นายว่าเด็กคู่นั้นน่ารักไหม”
ขณะเอ่ยถาม เรอัลไม่ได้หันไปมองหน้าแฝดน้อง เขายังคงจับตาสายทอดมองไปที่เด็กน้อยแสนน่ารักทั้งคู่อย่างไม่วางตา
ทางด้านของรอสส์ พอได้ยินคำถามเช่นนั้นก็หันไปมองตามสายตาของแฝดพี่อยู่ชั่วครู่ พอเห็นว่าคนที่พี่ชายจ้องมองไม่วางตาเป็นเด็กน้อยอายุไม่น่าจะเกินหกขวบ ก็ทำตาเบิกโพลงแสร้งร้องถามเสียงหลง
“เฮ้ย! เรอัล นายเปลี่ยนรสนิยมไปชอบเด็กแล้วหรือวะ ไม่ดีมั้ง คุกนะพี่ชาย”
“ไอ้บ้า! คิดอกุศล”
เรอัลซัดหนักๆ ไปบนหน้าท้องของรอสส์ด้วยความโมโห เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยแก้ต่างให้กับตัวเอง
“ที่เราบอกให้นายดู เพราะเด็กคู่นั้นน่ารักมากๆ และเรารู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน ราวกับว่าเคยเห็นเด็กน้อยคู่นี้จากไหนมาก่อน”
“นายรู้จักหรือ เรอัล”
คราวนี้รอสส์ให้ความสนใจกับเด็กน้อยทั้งคู่บ้าง ด้วยการหันไปมองอย่างจริงจัง และก็มีความรู้สึกเดียวกันกับเรอัล ว่าเด็กน้อยแฝดชายหญิงคู่นี้น่ารัก และคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเหมือนกัน
“ไม่ เราไม่รู้จัก แต่เราคุ้นสายตา เหมือนกำลังมองภาพย่อ...”
เรอัลชะงักคำพูดไปชั่วขณะ ก่อนจะเบือนหน้าหันมามองใบหน้าหล่อๆ ของรอสส์ แล้วเอ่ยตอบเสียงดังเมื่อนึกได้แล้วว่าใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองเหมือนใครกัน
“ใช่แล้ว ไอ้รอสส์”
“อะไรของนายว่ะ ตะโกนซะเสียงดัง ตกอกตกใจหมด”
เค้นเสียงต่อว่าเรอัลแล้ว รอสส์ก็รินแชมเปญเย็นเจี๊ยบใส่แก้วทรงสวยเอามาจ่อปาก กระดกน้ำสีอำพันราคาแพงเข้าสู่ลำคอ
“ก็เด็กสองคนนั้น เหมือนนายไม่มีผิด เวลามองเด็กทั้งสองเหมือนมองภาพย่อของนายตอนเด็กๆ ไอ้รอสส์ นายไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า เราสงสัยว่าเด็กสองคนนั้นจะเป็นลูกของนาย”
น้ำสีอำพันที่ถูกกระดกเข้าปากถึงกับพุ่งออกเพราะการสำลักของคนที่ถูกปรักปรำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
รอสส์ไอแค๊กๆ สำลักแชมเปญจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด พอเลิกสำลักก็แยกเขี้ยวใส่ ซัดหมัดหนักๆ บนหน้าท้องของเรอัล พร้อมกับเค้นเสียงด่าห้วนจัด
“ไอ้บ้า! พูดมาได้ว่าเด็กเป็นลูกเรา ทำเอาสำลักแชมเปญแทบตาย”
“ก็มันจริงนี่หนา...นายชอบพาเลขาฯ เปิดศึกรักในห้องทำงานเป็นประจำ ก็อาจจะมีบ้างที่นายจะเผลอไข่ทิ้งไว้โดยไม่รู้ตัว”
เรอัลพูดแทงใจดำ เพราะล่วงรู้พฤติกรรมสุดห่ามของแฝดน้องเป็นอย่างดี ที่มักจะพาเลขาฯ สาวทำงานนอกเวลาในห้องทำงาน จนบางครั้งเขาต้องห้ามปราม และไล่ให้ไปเปิดศึกรักที่คอนโดแทน
“เราไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว”
เถียงกลับเสียงแข็งไปแล้ว จู่ๆ ใบหน้าคมเข้มของรอสส์ก็ซีดเผือด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาอยากลืม แต่ก็ลืมไม่ลงสักที ได้ผุดขึ้นมาในหัวสมองชั่วขณะ
“รอสส์ เรารู้สึกว่าเด็กสองคนนั้นเหมือนนายจริงๆ”
เรอัลยังยืนกรานคำเดิม ปักใจเชื่อว่าเด็กน้อยน่ารักทั้งสองอาจจะเป็นลูกของน้องชาย
“ถ้าเด็กสองคนนั้นหน้าเหมือนเรา ก็ต้องเหมือนนายด้วย อย่าลืมนะว่าเราสองคนเป็นฝาแฝดกัน”
รอสส์จิ้มไปบนตัวของแฝดพี่ขณะเถียงกลับคืน
“เออ...จริงด้วย” เรอัลรับคำเสียงอ่อน ลืมไปเสียสนิทใจว่าตนเองกับรอสส์มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน “แต่เราว่าเด็กสองคนนั้นเหมือนนายมากกว่าเราน่ะ”
“เหมือนนายนั่นแหละ เรอัล เอ๊ะ...หรือว่านายก็แอบไปไข่ไว้เหมือนกัน นายก็ใช่ย่อยซะที่ไหนล่ะ ไอ้พี่ชาย” รอสส์ต่อว่ายิ้มๆ ทำเอาเรอัลต้องโวยวายเสียงหลง
“เฮ้ย! ไม่มี เราป้องกันทุกครั้งที่ออกศึกกับสาวๆ เราไม่ยอมให้พลาดเด็ดขาด”
แน่นอนว่าสาวๆ รักสนุกเหล่านั้นต้องการแค่เงินจากเขาหรือจากรอสส์ และเขาเองก็ยังไม่พร้อมสำหรับการทำหน้าที่เป็นพ่อพันธุ์ เพราะฉะนั้นจึงป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีในทุกๆ ครั้งที่เมคเลิฟกับพวกเธอ
“ช่างเถอะ เรอัล เลิกสนใจเด็กสองคนนั้นได้แล้ว ไปเล่นน้ำกับสาวๆ ดีกว่า พวกเธอตะโกนเรียกแล้ว”
ขณะเอ่ยบอกแฝดพี่ รอสส์ก็หันไปมองเด็กน้อยน่ารักทั้งคู่ชั่วขณะ และก็ต้องนิ่งขึงตัวชา เมื่อเด็กๆ ทั้งสองได้หันมามองสบตากับเขาพอดี
“นายไปคนเดียวเถอะ เราขอนอนอาบแดดอยู่ตรงนี้ดีกว่า”
ว่าแล้ว เรอัลก็หยิบแว่นตาดำมาสวมใส่อีกครั้ง ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้เปล อวดแผงอกกว้างเปล่าเปลือยมีไรขนขึ้นประปรายให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้มองเป็นอาหารตา
“นอนอาบแดดหรือนอนบริหารเสน่ห์กันแน่”
รอสส์ต่อว่าแฝดพี่ พออีกฝ่ายโต้ตอบด้วยการยกมือโบกไล่ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ ก็ขึงตาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมกับเดินลงไปที่ชายหาด ซึ่งมีสาวๆ กวักมือเรียกให้เขากลับไปเล่นน้ำกับพวกเธออีกครั้ง
“รอสส์มาแล้ว สาวๆ จ๋า...”
ขณะเดินเป็นวิ่งลงไปยังชายหาด รอสส์ก็ตะโกนบอกสาวๆ ด้วย แต่...ไม่รู้อะไรดลใจ พอวิ่งได้สองสามก้าว ใบหน้าคมเข้มก็เห็นไปมองเด็กน้อยทั้งคู่อีกครั้ง และแทนที่จะวิ่งลงทะเลเล่นน้ำโต้คลื่นกับสาวๆ รอสส์กลับเปลี่ยนใจเดินไปหาเด็กน้อยทั้งคู่แทน
ขณะก้าวเท้ายาวๆ เดินตรงเข้าไปใกล้ในรัศมีที่สามารถมองเห็นใบหน้าของเด็กน้อยชายหญิงทั้งคู่ได้ชัดๆ รอสส์ก็เกิดอาการใจเต้นรัวแรง จนชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดอาการเช่นนี้กับตัวเขา ราวกับไม่เคยเห็นเด็กๆ มาก่อนยังไงยังงั้น
“สวัสดีครับ ขอลุง เอ้ย! พี่นั่งด้วยได้ไหมครับ”
รอสส์ทิ้งตัวลงนั่งย่องๆ บนส้นเท้าขณะทักทายเด็กน้อยชายหญิงทั้งสองพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่แล้ว...รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อๆ ก็มีอันต้องจางหายไปกับคำตอบที่ได้รับ
“ไม่อนุญาต คุณแม่บอกไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า”
เด็กผู้ชายนัยน์ตาคมที่ส่อเค้าว่าโตขึ้นจะหล่อเหลาอย่างหาตัวจับได้ยากเอ่ยตอบเสียงดัง แถมยังจ้องมองรอสส์เขม็งด้วย
“ใช่ คุณแม่ไม่ให้คุยกับคนที่เราไม่รู้จัก”
คราวนี้หนูน้อยแก้มป่องถักผมเปียทั้งสองข้างเป็นฝ่ายเอ่ยตอบบ้าง ต่างก็จ้องมองคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนเองเขม็ง ซึ่งเด็กน้อยทั้งสองมีความรู้สึกไม่ต่างกันว่าคุณลุงคนนี้
ช่างมีใบหน้าที่เหมือนพวกตนซะเหลือเกิน
รอสส์อมยิ้มทอดสายตามองเด็กน้อยทั้งสอง โดยเฉพาะหนูน้อยแก้มป่องแดงระเรื่อเพราะถูกแสงแดดแผดเผา ที่ดูน่ารักน่าชังจนเขานึกอยากดึงมากอดและหอมพวงแก้มแดงๆ สักฟอดสองฟอด
“ลุงเป็นคนดีนะครับ ลุงไม่ทำร้ายพวกหนูแน่นอน”
รอสส์เอ่ยบอกยิ้มๆ คราวนี้ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทราย พลางแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“เรามาแนะนำตัวกันหน่อยดีไหมครับ ลุงชื่อรอสส์ หนูทั้งสองคนชื่ออะไรครับ”
ขณะเอ่ยแนะนำตัว รอสส์ก็ยื่นมือใหญ่ไปข้างหน้ารอให้เด็กน้อยทั้งสองจับทักทาย และแนะนำตัวด้วย
ทว่า...เด็กน้อยทั้งสองต่างก็หันมองหน้ากันราวกับต้องการปรึกษากันว่าควรจะขัดคำสั่งของแม่ แนะนำตัวกับคนแปลกหน้าดีหรือไม่
“ไม่เคยลุ้นอะไรเหมือนตอนนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ!”
รอสส์พึมพำเบาๆ กลั้วเสียงหัวเราะร่วน บอกไม่ถูกว่าทำไมใจเต้นแรง ขณะรอรับการทักทายผูกไมตรีจากเด็กน้อยที่น่ารักทั้งสอง
และในที่สุด เด็กน้อยก็ยอมเอ่ยแนะนำตัวกับคนแปลกหน้า โดยพ่อหนูน้อยสุดหล่อซึ่งดูท่าว่าจะเป็นพี่ เป็นฝ่ายยื่นมือเล็กๆ มาปัดสัมผัสกับมือใหญ่ของรอสส์ราวกับไม่เต็มใจนัก ก่อนจะแนะนำตัวเองว่า
“เราชื่อราฟล์”
สาวน้อยแก้มป่อง ยื่นมือมาปัดสัมผัสกับมือของรอสส์ไม่ต่างกับที่พี่ชายตนเองได้แตะสัมผัสในก่อนหน้านี้ พร้อมกับแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก
“เราชื่อเรนนี่”
“อืม...ครอบครัวตัว รอ.”
รอสส์เอ่ยยิ้มๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่านอกจากราฟล์กับเรนนี่จะมีใบหน้าที่ละหม้ายคล้ายกับเขาแล้ว ชื่อของเด็กน้อยทั้งสองก็พ้องกับชื่อของเขาด้วย
“หนูทั้งสองเป็นฝาแฝดกันใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ผมเป็นพี่ ส่วนเรนนี่เป็นน้อง”
หนูน้อยราฟล์ ยืดอกเอ่ยตอบเสียงดังด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่ตนเองเป็นพี่ชายคอยปกป้องน้องสาวแสนสวย
รอสส์ยิ้มเอ็นดูกับท่าทีของราฟล์ แล้วเอ่ยถามต่อ “คุณพ่อ คุณแม่ของราฟล์กับเรนนี่ไปไหนครับ ทำไมถึงปล่อยให้พวกหนูมานั่งเล่นกันเพียงลำพัง”
“คุณแม่กำลังเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ เดี๋ยวคุณแม่ก็มาแล้วค่ะ” เรนนี่เอ่ยตอบหวาน เริ่มผูกมิตรกับคุณลุงตรงหน้ามากกว่าเดิม
“แล้วคุณพ่อล่ะครับ คุณพ่อไปไหน”
รอสส์เอ่ยถามต่อ พลางหันมองไปรอบๆ เพื่อมองหาผู้ปกครองของเด็กน้อยทั้งสองด้วย
“คุณพ่อตายแล้วครับ...”
ราฟล์เอ่ยตอบเสียงดัง ทว่าในน้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้น ทำให้รอสส์รู้ว่าเด็กน้อยทั้งคู่เศร้าเสียใจกับการสูญเสียบิดา
“เออ...ลุงรอสส์เสียใจด้วยนะครับ”
รอสส์เอ่ยตอบเสียงเศร้าไม่แพ้กัน อยากดึงร่างเล็กของราฟล์กับเรนนี่มาสวมกอดเพื่อปลอบใจ เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองทำตาแดงๆ เหมือนกำลังจะร้องไห้
“ลุงขอกอดเรนนี่กับราฟล์ได้ไหมครับ”
ราฟล์กับเรนนี่หันมามองสบตากันอีกครั้งกับคำถามร้องขอของคุณลุงสุดหล่อ ก่อนราฟล์จะเป็นฝ่ายปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ได้ครับ คุณแม่สั่งไว้ ห้ามให้ใครกอด และห้ามพูดกับคนแปลกหน้านานๆ ด้วย”
และเมื่อคิดว่าพวกตนขัดคำสั่งของมารดา คุยกับคนแปลกหน้านานเกินไปแล้ว ราฟล์ก็เก็บของเล่นพลางลุกขึ้นยืน จับมือน้องสาวให้ลุกขึ้นยืนด้วย
“เรนนี่ ไปหาคุณแม่กันเถอะ”
“ค่ะ พี่ราฟล์”
เรนนี่รับคำ ลุกขึ้นยืนตามแฝดพี่ ก่อนจะจูงมือกันเดินกลับไปยังโรงแรม หมดความสนใจในตัวคุณลุงสุดหล่อที่อยู่ตรงหน้า
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยวลุงไปส่งนะครับ”
รอสส์ลุกขึ้นยืน รีบวิ่งตามเด็กน้อยทั้งสองซึ่งพากันวิ่งตรงไปยังประตูทางเข้าของโรงแรมอย่างรวดเร็ว พอวิ่งตามทัน ก็ยื่นมือใหญ่ทำท่าจะจับมือเล็กของราฟล์กับเรนนี่มากุมไว้ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงกับคำสั่งที่ตวาดดังห้วนของใครคนหนึ่ง
“รอสส์ เนวิลล์ อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน”
“นาขวัญ!”