7
สิบนาทีต่อมา... หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ มะลิฉัตรก็เดินตรงไปที่เตียงนอน เธอเห็นชุดเสื้อผ้าสตรีของแบรนด์ Adidas วางอยู่บนเตียงหลายชุด จึงหยิบกางเกงเลกกิ้งขายาวสีดำกับเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแถบสีดำ ตรงไปยังห้องแต่งตัว
ทันทีที่เข้าไปด้านในก็เจอชุดชั้นในวางเรียงอยู่เต็ม จึงหยิบขึ้นมาดูด้วยมือสั่นๆ เพราะขนาดบราและแพนตี้พอดีกับขนาดที่เธอใส่อยู่เป๊ะ!
“ว้าว! วิกตอเรียซีเคร็ตซะด้วย!” มะลิฉัตรเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยอารมณ์เบิกบาน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณหนูที่ฐานะทางบ้านร่ำรวย ไม่มีผิด
สาวเจ้ายืนหมุนซ้ายหมุนขวาที่หน้ากระจกบานใหญ่ สำรวจความเรียบร้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินออกไปหาอีกฝ่ายที่ด้านนอก
ขณะที่เลโอนาดท์นั่งเลือกรองเท้าให้หญิงสาวฆ่าเวลาอยู่นั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เขาก็รีบหันไปมอง
“ว้าว! อย่างกับเด็กสาวอายุ 16-17 แน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักพร้อมกับจ้องมองเรือนร่างบอบบางอย่างสำรวจ
“Adidas!” มะลิฉัตรไม่สนใจกับคำพูดของอีกฝ่าย เพราะกำลังตื่นเต้นกับรองเท้าที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะนับสิบคู่
“ใช่ ของเธอทั้งหมดเลย วันนี้ใส่คู่นี้นะ” ชายหนุ่มส่ง Adidas Stan Smith สีขาวแถบสีน้ำเงินไปให้
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรเอ่ยรับ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย เพื่อใส่รองเท้า!
“เธอชอบอาดิดาสเหรอ?” เลโอนาดท์ถามคนที่ก้มหน้าก้มตาผูกเชือกไปยิ้มไปด้วยความอยากรู้
“ค่ะ คุณรู้ได้ไงคะ?” เมดสาวเงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย
“เปล่า! พอดีว่าร้านของอาดิดาสอยู่ใกล้กับโรงแรมน่ะ”
“แล้วชุดชั้นในล่ะคะ”
“ก็โทร. ไปสั่งที่ร้านเขาก็ให้คนเอามาส่งให้”
“แล้วคุณรู้ขนาดได้ยังไง”
“เธอก็ถามแปลก! ฉันวัดมาเองกับมือจะไม่รู้ได้ยังไง”เลโอนาดท์ตอบก่อนจะทำท่าบีบคลึงบางอย่างให้สาวเจ้าดู
“บ้า!” เมดสาวใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันใด
“หึๆ ไปกันได้หรือยัง?”
“ค่ะ แล้วนี่คุณจะพาฉันไปไหนเหรอคะ?”
“ไปทานอาหาร เธออยากทานอะไร?”
“อืม... ปิ้งย่างไหมคะ” เธอรีบเสนอ
“เธอรู้จักร้านที่อร่อยๆ งั้นสิ!”
“ค่ะ ก็รู้จักอยู่ร้านหนึ่ง”
“โอเค งั้นบอกทางไปด้วยแล้วกัน” เลโอนาดท์ตอบยิ้มๆ
“ได้ค่ะ แต่มีปัญหานิดๆ คือมะลิไม่อยากให้พนักงานในโรงแรมเห็นค่ะ ว่าออกไปกับท่าน” เธอกลัวว่าจะกลายเป็นที่ครหา หากว่ามีคนเห็นเธอออกไปไหนมาไหนกับเจ้าของโรงแรม แถมการแต่งตัวก็ยังแปลกไปจากชุดของเมดที่ใส่ทำงาน ทุกอย่างมันจะดูส่อแววไปในทางที่ไม่ดีได้
“โรงแรมฉันมีทางออกลับ สำหรับเวลาที่มีแขกคนสำคัญๆ มาพัก เธอไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครเห็นเธออย่างแน่นอน!” เลโอนาดท์เอ่ยเสร็จก็เดินนำออกไป
“ค่ะ” มะลิฉัตรรีบเดินตามร่างสูงที่สวมเสื้อหนังสีดำแขนยาวทับเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้ม อย่างเงียบๆ พร้อมกับแอบวิจารณ์ชายหนุ่มในใจ ‘อีตาสิงโตนี่ ดูไปดูมาก็หล่อใช้ได้เหมือนกันแฮะ! แต่เสียอยู่อย่างเดียว หื่นไปหน่อย’
“อ้อ! อีกอย่างนะ ไม่ต้องเรียกฉันว่าท่านหรอก เรียกแค่ลีโอก็พอ!” คนที่เดินนำไปได้สองสามก้าวหันมาบอกอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“ค่ะคุณสิงโต” มะลิฉัตรยกมือขึ้นลูบหน้าอกเบาๆ เพราะตกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็หันกลับมา!
“ลีโอ!” เลโอนาดท์เอ่ยสวนขึ้นทันใด
“ค่ะ! ลีโอแปลว่าสิงโต คิกๆๆ” เธอหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่เห็นชายหนุ่มหน้าบึ้งขึ้นมานิดๆ
“แต่ฉันจะให้เรียกว่าลีโอ!”
“ก็ได้ค่ะ คุณลีโอ” เธอรีบพูดตามก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มอารมณ์เสีย!
“ถ้าเรียกฉันว่าสิงโตอีกเมื่อไหร่ เจอดีแน่!” เลโอนาดท์คาดโทษก่อนจะออกเดินต่อ
“รับทราบค่ะ คิกๆๆ” มะลิฉัตรเอ่ยพลางอดขำกับท่าทางบึ้งตึงของอีกฝ่ายไม่ได้
“ยังจะขำอีก! ไปได้แล้ว” คนถูกล้อเลียนต่อว่า แล้วดึงมือของสาวเจ้าให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“อ๊ะ! ทำไมต้องจับมือด้วยล่ะ” หญิงสาวท้วงพร้อมกับพยายามสะบัดมือหนาออก
“เงียบ! ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ!” สิงโตหนุ่มบอกก่อนจะเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของชั้น แล้วขยับกรอบรูปขนาดใหญ่ออกจากผนังห้อง เผยให้เห็นประตูลิฟต์ที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
มะลิฉัตรอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา! ‘มีลิฟต์ส่วนตัวด้วยเหรอเนี่ย’
“เข้ามาสิ!” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อสาวเจ้ายังไม่ยอมขยับเข้ามาด้านในกับตน
“ค่ะ” เธอรีบตามเข้าไปด้วยสีหน้าตื่นๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสายลับอย่างไรอย่างนั้น
“ตื่นเต้นเหรอ?” เลโอนาดท์ถามก่อนจะกดรหัสให้ลิฟต์ทำงาน
“คะ...ค่ะ” เธอบอกเสียงสั่น ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นความปลอดภัยของฉัน ห้ามบอกใครนะ!” ชายหนุ่มกำชับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ค่ะ มะลิจะไม่บอกใคร”
“ดีมาก!” เลโอนาดท์ยิ้มบางๆ หลังจากที่แอบหันไปมองบั้นท้ายที่งอนสวยได้รูปของสาวเจ้าเป็นพักๆ
ติ๊ง!
เสียงเตือนของลิฟต์ดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออก เมดสาวยืนนิ่งอยู่กับที่ ขณะกวาดตามองรถสปอร์ตยี่ห้อดัง ที่จอดเรียงกันอยู่สี่ห้าคัน อย่างรู้สึกทึ่งๆ
“เธออยากนั่งคันไหน?”
“เอ่อ...” มะลิฉัตรมองรถแต่ละคันที่โดดเด่นไปด้วยรูปลักษณ์ที่สวยต่างกันไปอย่างเลือกไม่ถูก
“มัสแตงสีดำนั่นไหม?” เขาชี้ไปยังคันที่จอดอยู่ใกล้ๆ
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับเบาๆ
เลโอนาดท์ยิ้มก่อนจะเดินไปเอากุญแจรถจาก ‘รอน’ บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“วันนี้ไม่ต้องตาม!”
รอนกับการ์ดอีกสองคนที่กำลังเตรียมตัวจะออกเดินทาง ถึงกับหยุดชะงักไปทันใด ที่ผู้เป็นนายจะพาสาวออกไปเที่ยวข้างนอกโดยไร้การคุ้มกัน
“แต่ท่านครับ!” รอนพยายามจะเอ่ยท้วง
“ไม่ต้องตาม” เขาย้ำอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งคนนั่งข้างออกให้สาวเจ้า
“ครับ!” รอนเอ่ยรับด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนใจ
“มะลิ! มาขึ้นรถ!” เลโอนาดท์หันไปบอกคนที่ยืนนิ่งอยู่ยิ้มๆ
“ค่ะ” มะลิฉัตรพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปนั่งในรถอย่างว่าง่าย เลโอนาดท์ปิดประตูรถให้ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ
“เปิดประตู! บอสกำลังจะออกไป” รอนกรอกเสียงบอกผ่านเครื่องสื่อสารราคาแพง ไม่ถึงสองนาทีประตูลับก็เลื่อนออกจากกัน
“คาดเบลต์แล้วใช่ไหม พร้อมนะ?” คนขับหันมาถาม พร้อมกับจ้องมองหน้าอกตูมๆ ของสาวเจ้ายิ้มๆ
มะลิฉัตรไม่ตอบแต่มองค้อนคนหื่น ที่ทำสายตาแวววาวใส่เธอไม่หยุด เลโอนาดท์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วขับออกไปด้วยความเร็ว
รอนมองตามรถที่แล่นออกไปอย่างรู้สึกมึนๆ ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายไปพาสาวเจ้ามาจากไหน แถมยังพาออกมาทางลิฟต์ส่วนตัวโดยไม่ห่วงความปลอดภัย ว่าเรื่องที่เป็นความลับนี้จะถูกแพร่งพรายให้คนนอกรู้
“รอน! บอสออกไปรับคุณซาเก้เหรอ?” แดนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นรถของผู้เป็นนายขับออกไป
“ไม่! นายกับฉันต่างหากที่ต้องไปรับคุณซาเก้แทน” รอนหันไปบอก
“อ้าว! แล้วบอสไปไหน ทำไมไม่มีคนคุ้มกัน” แดนถามอย่างร้อนใจ เพราะกลัวว่าเจซีที่กำลังเตรียมเอกสารการประชุมอยู่ จะรู้เรื่องนี้เข้า
“บอสพาสาวไปเที่ยว สั่งห้ามติดตาม” รอนย้ำก่อนเดินไปบอก บอดี้การ์ดอีกสองคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในห้อง ให้เตรียมตัวไปรับเพื่อนเจ้านายที่สนามบิน
“หวังว่าเรื่องคงไม่แย่นะ” แดนบอกด้วยสีหน้าหวั่นๆ
“แย่อะไรล่ะ! บอสยิ้มให้สาวคนนั้นอย่างกับคนเป็นบ้าแน่ะ ไปๆ ไปเตรียมตัวเถอะ อีกชั่วโมงหนึ่งคุณซาเก้ก็มาถึงแล้ว” รอนบอกก่อนจะดึงแขนของแดนให้ออกเดินตาม
ปรื้น! ปรื้น! ปรื้นนนนน
เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ราคาแพงดังก้องไปทั่วบริเวณที่รถแล่นผ่าน มะลิฉัตรนั่งตัวตรง จ้องมองท้องถนนอย่างรู้สึกหวาดเสียว
“กลัวเหรอมะลิ?” เลโอนาดท์ถามขึ้นเมื่อเห็นสาวเจ้าเงียบไป
“คะ... ค่ะ” มะลิฉัตรบอกเสียงสั่น ‘พระเจ้า! มันน่าจะมีเบรกให้เธอช่วยเหยียบอีกอันนะ อีตาบ้านี่ขับน่ากลัวอย่างกับ... สิบล้อตีนผีในตำนานแน่ะ’
“โอเค! ฉันจะขับช้าลง” เขาบอกพลางลดความเร็วลง
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรยิ้มเจื่อนๆ
“อืม... แล้วร้านที่เธอบอกมันอยู่ตรงไหนเหรอ?”
“ขับตรงไปอีกสองไฟแดงก็ถึงค่ะ ร้านจะอยู่ติดข้างทาง ป้ายของร้านเป็นสีออกส้มๆ ใหญ่ๆ”
“หวังว่าที่ร้านคนคงไม่เยอะนะ” คนที่ชอบความเป็นส่วนตัวถามกลับเสียงนิ่ง
“ค่ะ” ต้องบอกว่าขอให้มีโต๊ะว่างต่างหาก มะลิฉัตรกลืนประโยคหลังลงคอไปอย่างขำๆ
“มันเป็นร้านแบบไหนเหรอ?” เขาถามต่ออย่างสนใจ
“ก็ร้านปิ้งย่างไงคะ” เธอบอกก่อนจะอมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นผู้หญิง คนหนึ่งยืนอ้าปากค้าง และหันมองตามรถที่เธอนั่ง
“เช่น...”
“เนื้อ หมู ของทะเลน่ะค่ะ พอได้ไหมคะ?”
“เธอชอบเหรอ?”
“ค่ะ นานๆ จะมากับพิครั้งหนึ่งค่ะ”
“พินี่ใครเหรอ”
“พิเป็นทั้งเพื่อนและครอบครัวของมะลิค่ะ เขาทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาที่โรงแรม แล้วเราก็พักอยู่ด้วยกัน”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เลโอนาดท์ถามเสียงเข้ม
“ผู้หญิงสิคะ! ถามแปลกๆ มะลิพักอยู่หอหญิงนะคะ”
“หอพักของพนักงานโรงแรมน่ะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับมองหน้าคนขับยิ้มๆ
“แล้วทำไมเธอถึงมาสมัครเป็นแม่บ้านล่ะ?” เลโอนาดท์ถามอย่างสงสัย ‘สวยๆ แบบนี้น่าจะอยู่แผนกต้อนรับมากกว่า’
“ตอนแรกมะลิก็ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับค่ะ แต่เป็นแม่บ้านแล้วสบายใจกว่า” มะลิฉัตรบอกเลี่ยงๆ เพราะเธอไม่ได้เดือดร้อนกับตำแหน่งคนทำความสะอาดเท่าไหร่ แถมยังรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องได้ยินอะไรที่ระคายหูตอนทำงาน
“เธอโดนแกล้งเหรอ” เขาหันมาถามด้วยสีหน้าตึงๆ
“ไม่หรอกค่ะ มะลิชอบอยู่เงียบๆ ค่ะ” เมดสาวรีบปฏิเสธยิ้มๆ ก่อนจะตกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เหยียบเบรกกะทันหัน
เอี๊ยดดดดด
“พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าร้านนี้” เลโอนาดท์มองป้าย ‘ทะเลเดือด 499-’ สีส้มเข้มๆ ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ข้างทางอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
“ใช่ค่ะ!” มะลิฉัตรพยักหน้ายิ้มๆ
“นี่เธออำฉันเล่นใช่ไหม” คนที่ไม่เคยทานร้านบุฟเฟ่ต์ข้างทางมาก่อนถึงกับอึ้งไปห้าวินาทีกับคำตอบของสาวเจ้า
“ร้านนี้มีแต่ของทะเลสดๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ” มะลิฉัตรบอกพร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ‘ราคาก็ไม่ได้ถูกๆ ซะหน่อย เกือบห้าร้อยบาทแน่ะ! อีตาบ้านี่เรื่องมากชะมัดเลย’
“แต่ฉัน...”
“ถ้าเป็นร้านแพงๆ มะลิไม่เคยไปนั่งหรอกค่ะ ถ้าหากคุณนั่งไม่ได้ ก็เปลี่ยนไปทานที่ร้านอื่นเถอะค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“เฮ้อ... ฉันจะทำยังไงกับเธอดีเนี่ยมะลิ”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวพร้อมกับมองผู้คนที่ลุกเดินไปมาข้างในร้าน ด้วยความรู้สึกที่หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
‘บ้าจริง! ยัยนี่จะให้เราเดินไปหยิบจับของพวกนั้น แล้วเอามานั่งย่างกินเองเนี่ยนะ’
“งั้นก็ไปร้านที่คุณเคยไปนั่งเถอะค่ะ”
“ถ้าคืนนี้ฉันท้องเสียแล้วพรุ่งนี้เช้าเข้าประชุมไม่ได้ เธอต้องรับผิดชอบนะมะลิ” เลโอนาดท์หันมาคาดโทษคนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะตัดสินใจหักพวงมาลัยรถ เลี้ยวเข้าไปข้างในร้าน
“เปลี่ยนไปนั่งร้าน...” สาวเจ้าพยายามเอ่ยท้วงแต่ก็ไม่ทัน! เพราะอีกฝ่ายจอดรถเสร็จแล้ว
“ฉันหิวแล้ว และเธอต้องบริการฉันทุกอย่าง โอเค้!” เขาหันมาบอกคนที่ทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะเปิดประตูออกจากรถ แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้
มะลิฉัตรมองอย่างรู้สึกมึนๆ งงๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่