บทที่1 ตอน “ย้อนอดีต” 1
เสียงไม้ตะพดกระทบพื้นไม้ดังกุกกักๆ พร้อมทั้งเสียงร้องตะโกนเอะอะโวยวายของชายชราที่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มือเรียวใหญ่เหี่ยวย่นสีน้ำตาลคล้ำยังจับกุมมือเรียวบางของลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ พรพรรณแม่หม้ายสาวสวยเซ็กซี่ วัย22 ปี เอาแต่สะอึกสะอื้นร้องไห้ ใบหน้าของเธอนองไปด้วยน้ำตา เรียวแขนสลวยโอบกอดท้องโนกนูนเล็กน้อยวัยสามเดือนไว้
“มีไครอยู่ไหม ? บ้านหลังนี้มีคนอยู่ไหมออกมาคุยกันหน่อยสิ” กำนันปั่นตะเบ็งเสียงอันทรงพลังดังเรียกหาเจ้าของบ้าน มือที่ถือไม้ตะพดก็ยกขึ้นตอกย้ำไม้เท้าลงพื้นในห้องรับแขกเสียงดังกึกๆ
“พี่กำนันมีธุระอะไรจ๊ะ ?” นางวรรณน้องสาวของนางทองกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวได้ยินเสียงเลยวิ่งออกมารับหน้าแทน
“แม่ทองไปไหน ? บอกให้ออกมาคุยกับฉันสิ” กำนันปั่นเปล่งเสียงคู่บังคับนางวรรณ จนทำให้นางวรรณสั่นกลัว เธอรีบวิ่งเข้าไปตามนางทองออกมาตอนรับ
“พี่กำนัน !!” นางทองเดินลงบันไดมาจากชั้นบน ร่างของนางยังมีนางวรรณประคับประคองพาเดินลงมาอย่างช้าๆ
เสียงของกำนันปั่นดังพอที่จะทำให้ชายหนุ่มร่างโตที่นอนเมาค้าง ขดตัวงออยู่ภายในโรงรถข้างบ้าน สิงโตขยับตัวลุกนั่งอย่างยากลำบาก ขาข้างซ้ายยกชันขึ้น ส่วนอีกข้างเหยีดยาวออกไป แผ่นหลังอันหนาแน่นพักพิงล้อรถไถ่คันใหญ่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเจ็บปวดยามคิดถึงใบหน้าหวานของหญิงสาวในดวงใจ ยามได้เห็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดบนใบหน้านวล เขาก็อาจจะทนได้ปวดจุกหัวใจเหลือเกิน
เมื่อคืนเขากลับไปหาน้ำผึ้งที่บ้านของเธอ แต่เจ้าหล่อนไม่ยอมออกมาคุยด้วย ไม่ยอมรับรู้และฟังคำอธิบายอะไรจากเขาเอาเสียเลย มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นเสยผมที่ยาวตกลู้ปกคลุมหน้าผาก กำมือเป็นกำปั้นทุบลงบนท้ายทอยสองสามที เป็นเพราะเมื่อคืนเขาดื่มหนักจนหมดสติ สงสัยพวกไอ้ดินไอ้กล้าคงพาเขากลับมาจากท้ายไร่แน่เลย ชายหนุ่มพยายามพยุงตัวเองลุกยืนเดินโซเซเข้าไปในบ้าน แต่ก็ต้องหยุดชะงักฟังเสียงอันทรงพลังของกำนันปั่น
“แม่ทองจะเอาอย่างไรก็ว่ามา จะมาปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะ” กำนันปั่นเอ่ยเสียงอันน่ากลัว ใบหน้าของเขาจับจ้องอยู่ที่นางทอง
“พี่กำนัน เชิญนั่งก่อนจ๊ะ ใจเย็นๆ นะจ๊ะ” นางทองเปรยเสียงนุ่มนิ่มเชื้อเชิญให้สองพ่อลูกนั่งพักหายใจหายคอให้สบายใจ
“สิงโตไปไหน ? บอกให้ออกมาคุยกันสิ” กำนันปั่นพาลูกสาวเข้าไปนั่งตามคำเชื้อเชิญของนางทอง แววตาดุดันของคนมีอายุมากกว่านางทองหลายปีก็สอดส่องหาร่างคนที่ทำผิดแล้วจะหลบหนี
“ทานน้ำเย็นก่อนนะ ค่อยพูดค่อยจากันจ๊ะ” นางทองรินน้ำเย็นแช่ดอกมะลิใสแก้วสองใบ แล้วยื่นให้กำนันปั่นที่นั่งทำหน้าดำหน้าแดงทมึงทึง
“แม่ทองจะให้ฉันใจเย็นได้ไงดูลูกสาวฉันสิ ลูกชายของแม่ทองทำเลวไว้มากแค่ไหน” กำนันปั่นหันมองหน้าลูกสาว แล้วหันไปมองนางทองให้ดูลูกของตัวเอง
“ฉันเข้าใจจ๊ะ พี่กำนันรอให้สิงโตกลับมาก่อนได้ไหม” นางทองนั่งไม่ติด ไม่รู้ว่าไอ้ลูกชายตัวดีมันหายไปไหน ตั้งแต่สองพ่อลูกไปร่มงานแต่งเมื่อสามเดือนก่อน และหลังจากช่วยงานครอบครัวของน้ำผึ้งจัดงานศพนายคะนึง ลูกชายของนางก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย
“แม่ทองจะให้ฉันใจเย็นได้ไง แล้วนี่สิงโตไปไหน ?”
“สิงโตคงจะอยู่ในไร่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปตามมาให้…”
“แม่ทองจะให้ลูกสาวฉันรอจนคลอดหรือ” กำนันปั่นยกมือชี้หน้านางทอง
“พี่กำนัน...ฉันว่ารอให้สิงโตกลับมาก่อนดีไหมแล้วค่อยมาคุยกัน หรือจะให้ฉันพาพ่อโตไปคุยที่บ้านพี่กำนันก็ได้นะจ๊ะ” นางทองพยายามพูดอย่างนอบน้อม เอาน้ำเย็นเข้าลูบจิตใจของชายชรารุ่นพี่ตรงหน้า
นางก็สงสารพรพรรณอยู่เหมือนกัน ด้วยความเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน เพราะไอ้ลูกชายไม่รักดี มันชอบก่อแต่เรื่อง มันต้องรับผิดชอบและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
“แม่ทองจะให้ลูกสาวของฉันอุ้มท้องรอหรือ ?”
“ไม่ใช่อย่างที่พี่กำนันคิดเลยนะจ๊ะ...”
“ลูกฉันท้องโตขึ้นทุกวัน เห็นไมสามเดือนแล้ว ฉันไม่เห็นแม่ทองจะทำอะไรเลยสักอย่าง…”
“พี่กำนันฉันว่าจะพาพ่อโตไปคุยด้วยเหมือนกัน แต่ลูกชายฉันมันหายหัวไปไหนฉันก็ยังไม่รู้เลย” นางทองก็อ่อนใจอยู่เหมือนกัน สามเดือนแล้วที่สิงโตไม่ยอมเข้าบ้าน
“แม่ทองจะจัดการอย่างไรก็บอกมา จะยกขันหมากไปขอ หรือว่าจะให้นังหนูของฉันมาอยู่รอพ่อโตที่นี่ฮ่ะ...”
“พี่กำนัน...ฉันไม่รู้เลยว่าลูกชายของฉันมันหายไปไหน พี่กำนันรอพ่อโตก่อนได้ไหม” นางทองใจไม่อยู่กลับเนื้อกลับตัว นางหายใจติดๆ ขัดๆ ใบหน้าอันอิดโรยจับจ้อมมองร่างของพรพรรณที่เอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้
“แม่ทองจะให้ฉันใจเย็นได้ไง ลูกสาวของฉันเสียหายนะ ท้องก็โตขึ้นทุกวัน” กำนันปั่นยิ่งมีอารมณ์โมโห ใบหน้าที่ดุดันมากขึ้น
“พ่อจ๋า...กลับบ้านเราเถอะ” พรพรรณหันใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตามองบิดา เธออับอายนางทองเป็นที่สุด ไม่อยากที่จะอยู่ในสภาพแบบนี้
