สิ้นใจ
คำพูดของนาง ทำให้ทุกคนต้องตกใจ และนิ่งงัน พร้อมกับคิด ว่าสตรีนางนี้คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเป็นแน่ จึงได้เอ่ยเช่นนั้นออกไปต่อหน้าพระพักตร์องค์ฮ่องเต้
“เจ้าจะขัดคำสั่งข้าเช่นนั้นหรือ บุตรสาวของกบฏแผ่นดิน จะโต้แย้งอันใดกับข้า เจ้ารู้ว่าไม่มีสิทธิ์นั้นให้กับเจ้าแน่ ยังจะยืนเทียบเสมอตัวเช่นนี้อีก”
“หม่อมฉันทราบดีเพคะ ว่ามิอาจขัดราชโองการขององค์ฮ่องเต้ได้ แต่หม่อมฉันก็อยากบอกกับพระองค์ว่า หม่อมฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับองค์ชายต่างแคว้น หรือแม้แต่บุรุษผู้ใดในใต้หล้านี้!”
หานซูหลินเอ่ยวาจาอันแข็งกร้าวใส่ผู้ครองแผ่นดิน จนเขาต้องตบพนักพิงดังลั่น ฮ่องเต้ทรงยืนขึ้นพร้อมชี้หน้าหญิงผู้สามหาว และไม่หวั่นเกรงต่อโทษทัณฑ์
“เจ้าบังอาจนัก!! บุตรสาวของกรมการยุติธรรม เจ้าไม่ชอบใจในการตัดสินโทษอันน้อยนิดของเจ้าเช่นนั้นหรือ ข้านึกว่านี่คือการลดโทษของพวกเจ้าลงมากแล้ว ข้าสั่งประหารบิดาเจ้าก็เพราะเขาทำผิดร้ายแรง อันหมายถึงการปองร้ายข้า ส่วนเจ้ากับมารดา ข้าลดหย่อนโทษให้โดยการที่ปล่อยมารดาเจ้าไปสู่ถิ่นฐานเดิม และห้ามกลับเข้ามาในฉางอันอีกชั่วชีวิต!
ส่วนเจ้า! บุตรีตระกูลหาน ข้ามอบความสว่างไสวให้เจ้าได้ดิบได้ดีในแคว้นอื่น แล้วเช่นนี้ข้ายังมิดีพออีกหรือ! หรือว่าเจ้าอยากต้องโทษสิ้นชีวิตตามบิดาของเจ้าไปด้วย หา!!”
ฮ่องเต้ หย่งเจิ้น ทรงพระโกรธามากมายนัก เมื่อได้ยินที่หานซูหลินยอกย้อนพระองค์
“หาเช่นนั้นไม่เพคะ หากหม่อมฉันมิได้อยากอยู่บนแผ่นดินนี้แล้ว หม่อมฉันก็ขอสิ้นชีพไปเองเสียดีกว่า แต่ก่อนที่จะจบชีวิตลง หม่อมฉันขอสาปแช่งราชวงศ์นี้ และขอให้แผ่นดินฉางอันลุกเป็นไฟ! เพราะฮ่องเต้ทรงไร้ความยุติธรรม เพราะพระองค์ทรงหูเบา และเข้าข้างคนชั่วช้าอย่าง เม่ยจือลั่ว!! เขาคนนั้นต่างหากที่คิดล้มล้างราชวงศ์ เขาเป็นกบฏ หาใช่บิดาของข้า!! บิดาของข้ามิได้ผิดอันใดเพคะ!!”
หานซูหลินร่ำร้องทั้งน้ำตา นางหันหน้าไปหาคนชั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างของฮ่องเต้ พร้อมกับชี้กราดไปหาพวกเขาเหล่านั้น เสนาบดีกรมการคลัง และพวกของเขาหลายฝ่าย ยังคงนั่งอยู่ข้างฮ่องเต้โดยไม่รู้สึกทุกข์ร้อน และยังสำราญกับงานเลี้ยงในครั้งนี้ ด้วยหน้าตาชื่นบาน
“เจ้ากล่าวโทษผู้อื่นเช่นนี้นับว่าความผิดเจ้าได้เพิ่มไปอีกหลายข้อ หานซูหลิน! นอกจากว่าเจ้าไม่ยอมรับทุกอย่าง เจ้ายังกล่าวหาว่าข้าเป็นคนไร้ความเป็นธรรมอีกด้วย เห็นทีว่าเจ้าเองคงมิอยากเป็นพระชายาต่างแคว้นแล้ว ข้าคงต้องทำโทษเจ้าเสียบ้าง!!”
“ทหาร!! จับตัวนางเอาไว้เดี๋ยวนี้!!”
เหล่าทหารวิ่งออกมาเรียงแถวกันหลายสิบคน ตอนนี้ในงานช่างโกลาหลนัก แต่หานซูหลินเตรียมใจมาแล้ว นางคว้าเอาสิ่งที่อยู่รอบกายขึ้นมาขว้าบปาใส่ผู้คน ก่อนที่จะขอความเห็นใจจากองค์ชายหลงเทียน
“องค์ชายหลงเทียน ช่วยข้าด้วย!!”
แต่อีกฝ่ายกลับปฎิเสธเยื่อใยกับนางโดยสิ้นเชิง เขาสะบัดชายผ้า พร้อมกับเดินหันหลังออกไปจากบริเวณนั้น รวมถึง เหม่ยเจียงฉี ที่ป้องปากยิ้มเยาะใส่หานซูหลิน ก่อนจะเดินตามองค์ชายหลงเทียนออกไปด้วยอีกคน
“ทะ…ท่าน องค์ชายหลงเทียน ทำไมทำกับข้าเช่นนี้ ข้ารักท่านจนสุดหัวใจ เหตุใดท่านถึงได้ทำร้ายจิตใจของข้า”
หานซูหลินหลั่งน้ำตาจนแก้มแทบอาบเป็นสีเลือด นางทุกข์ตรมต่อภาพตรงหน้านัก หญิงสาวไร้ความหวังใด ๆ หาได้รับความยุติธรรมในครั้งนี้ นางก็มิอยากมีชีวิตอยู่ หานซูหลินหยิบขวดยาพิษที่มีคนหยิบยื่นให้ ในตอนที่นางกำลังเดินเข้ามาในงานส่วนพระราชวัง คนผู้นั้นกล่าวว่า หากนางทนชีวิตหลังจากนี้ไม่ไหว ก็ให้ดื่มสิ่งที่อยู่ในขวดนี้เสีย และคราวนี้ก็เป็นเช่นนั้น
นางมิอาจทนอยู่ด้วยความปราชัยได้อีกแล้ว
หานซูหลินกรอกยาพิษใส่ปากตนเอง มันคือพิษร้ายจากแมงมุมแม่หม้ายดำ แค่เพียงหยดเล็ก ๆ ก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้นับร้อย
นางดึ่มมันเข้าไปครึ่งอึก หวังจบชีวิตลงกลางท้องพระโรงแห่งนี้ ชีวิตที่ย่ำแย่ของตนจะได้จบสิ้นลงเสียที
“หานซูหลิน!! ทำไม่เจ้าถึงเป็นเช่นนี้ ทำไม่ไม่รอข้า!!”
ในขณะที่สายตาหญิงสาวพร่ามัว เพราะฤทธิ์เดชจากพิษร้าย หานซูหลินได้ยินเสียงเพรียกหาตนจากความว่างเปล่าตรงหน้า นางเห็นเงาเลือนรางจากบุรุษคนหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถเห็นหน้าค่าตาได้ จะมีก็แค่เพียงเสียงที่เปล่งออกมาเท่านั้น
“คะ…ใคร ใครกันที่ยังคงห่วงหาข้า เจ้าเป็นใคร…”
แต่นางได้เพียงแค่นึกคิดเท่านั้น ก่อนที่ร่างกายจะอ่อนล้าไร้เรียวแรง เหมือนตัวเองได้ถูกดึงกระดูกออกไปจากตัวจนหมดสิ้น ความเจ็บปวดหลังจากดื่มยาพิษ ทำให้นางทรมานในกายอย่างยิ่งยวด แต่ก็หาได้เอ่ยถึงความเจ็บปวดนั้นออกมา จนกระทั่งโลหิตในกายกระฉูดออกมาจากทวารทั้งห้า หานซูหลินจึงสิ้นใจลง