บทที่3.ปมปัญหาที่เพิ่มขึ้นจนนับไม่ถ้วน
มาริสากะพริบเปลือกตาปริบๆ มะลิไม่มีทางซื้ออพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ได้ อพาร์ทเม้นท์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจ มีแหล่งชุมชนอยู่ใกล้ๆ สะดวกในการเดินทาง มีสวนสาธารณะไกลไม่เกินครึ่งกิโลเมตร ราคาอพาร์ทเม้นท์คงไม่ใช่น้อยๆ แล้วผู้หญิงที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แถมยังเจือจานค่าใช้จ่ายบางส่วนให้กับเธอที่เป็นน้องสาวด้วย เงินเก็บของมะลิก็คงไม่เหลือ และเท่าที่ผ่านตากับซองจดหมายเหล่านั้น นอกเหนือจากรายจ่ายบัตรเครดิต ไม่มีสักรายการที่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้ออพาร์ทเม้นท์
เธอถอนใจแรงๆ ปมปัญหาเรื่องพี่สาวโถมใส่เธอไม่หยุด
และไม่มีสักปมที่เธอคลี่คลายได้เลย ความลับที่มะลิซุกไว้คืออะไรกันนะ? เธออยากรู้เหลือเกิน
เอาสิ อยากปิดไม่ให้เธอรู้ใช่มั้ย มาริสายิ้มเครียด เธอปล่อยวางไม่ลง เธอต้องรู้ให้ได้ ใครกันนะที่อยู่เบื้องหลังความลึกลับเหล่านี้
“เคยเห็นผู้ชายที่เป็นคู่รักพี่สาวของฉันมั้ยคะ?”
เริ่มที่คนสนิทสุดๆ ของมะลิแล้วกัน จากนั้นก็ค่อยๆ สาวไปจนถึงต้นตอ
แคโรไลท์ส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ฉันไม่เคยเห็นนะ นอกจากเมอร์รี่ ก็ไม่มีใครมาหาพี่สาวของเธอที่นี่เลย”
เมอร์รี่ ชื่อแรกที่มาริสารีบจดไว้ในสมอง เธอต้องควานหาตัวผู้หญิงคนนี้ให้เจอ อย่างน้อยความคืบหน้าเรื่องของพี่สาวก็เปิดเผยออกมาหนึ่งเรื่องแล้ว
“ขอบคุณนะคะ หากมีอะไรที่คุณนึกออกทีหลัง ช่วยบอกฉันหน่อย ฉันมึนไปหมดเลยค่ะ ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ตัวเองสักเรื่อง” มาริสาบ่นพึมพำ สีหน้าและแววตาหนักใจจนปิดไม่มิด
แคโรไลท์ยิ้มให้กำลังใจ เธอแค่พนักงานที่ถูกว่าจ้าง ปากมากไป ตนเองจะเดือดร้อน แต่ก็อดเวทนาหญิงตรงหน้า และเด็กน้อยตาดำๆ คนนั้นไม่ได้
“ฉันจะพยายามนึกนะคะ คุณไปที่โรงแรมเมดิสันหรือยังละ”
มาริสาขมวดคิ้ว มะลิเกี่ยวอะไรกับโรงแรมแห่งนั้นหรือไง
“พี่ฉันเคยทำงานที่นั่นเหรอคะ?”
แคโรไลท์ส่ายหน้า ถอนใจแรงๆ “ฉันบอกอะไรคุณมากกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ หากอยากรู้ ตีสนิทกับคริสติน่านะคะ เธอสามารถบอกคุณได้ทุกอย่าง ถ้าเธอไม่ถูกปิดปากเสียก่อน”
ข้อมูลที่รู้ทำให้มาริสาใจเต้น
เธอจวนจะได้รู้ความลับที่พี่สาวของเธอปกปิดไว้แล้ว
“ขอบคุณนะคะ” เธอพึมพำขอบคุณแล้วจากมา
ทุกอย่างรอบตัวพี่สาวเหมือนมีมือลึกลับพยายามปิด และซ่อนทุกสิ่งที่เธออยากรู้ไว้ เธอพยายามทำความเข้าใจเหตุผลนั้น แต่ก็ไม่เคยขบแตก ใครบางคนที่เป็นบิดาของหลานชาย เขาอำพรางเรื่องของตัวเองหลบสายตาคนอื่นหรือเปล่า เหตุผลนั้นต้องยิ่งใหญ่ แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น
ในเมื่อบุตรชายกำพร้าของเขาต้องการที่พึ่ง
และที่พึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลับทอดทิ้งเขา
แต่เธอเองก็ไม่สบายนักกับการดิ้นรนมีชีวิตรอดในพื้นที่แปลกตา เธอยังไม่คุ้นเคยกับวัฒธรรมและภาษา ดังนั้นมาริสาเลยต้องขวนขวายมากกว่าคนอื่น ทำงานหนักเหนื่อยสายตัวแทบขาด และยังมีเด็กชายวัยขวบเศษให้ดูแล เวลาของเธอจึงหมดลงแบบไม่รู้ตัว แถมซ้ำ ความคืบหน้าเรื่องพี่สาวก็ไม่มี
ทุกวันนี้การเอาตัวรอดไปวันๆ ก็น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มาริสารู้ เธอยังมีชีวิตรอดอยู่
เกดจ์คือกำลังใจ รอยยิ้มของหลานชาย ช่วยให้ความเหนื่อยของเธอบรรเทาลง
“สู้ๆ” เธอให้กำลังใจตัวเองทุกเช้า
ในขณะที่เธอลำบาก คนบนโลกนี้หลายล้านคนลำบากกว่าเธอ หากอยากเดินหน้า ให้มองตรงไป อยากประสบความสำเร็จได้ก็ต้องตั้งเป้าหมาย อย่ามองคนที่ต่ำกว่า ให้มองไปที่จุดสูงสุด และไปให้ถึง
บทที่4.วันหยุดแสนสบายกับหลานชายสุดรัก
ล่วงเข้าเดือนที่สามที่เธอทำหน้าที่เลี้ยงดูหลานชายเต็มตัว เกดจ์เริ่มยืนตั้งไข่ หลายครั้งที่เขาพยายามทรงตัวเดิน แต่ยังทำได้ไม่ดีนัก พอถึงวันหยุดมาริสาเลยตั้งใจพาหลานชายไปเดินบนพื้นหญ้าที่มีไอน้ำค้างหลงเหลืออยู่ สมัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์ พี่เลี้ยงชอบทำแบบนั้นกับเด็กกำพร้าที่กำลังหัดเดิน มันอาจช่วยได้หรือไม่มีผลอะไรเลย ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อ
มันเป็นเรื่องของความเชื่อของคนยุคเก่า มาริสาไม่ได้คิดมาก อย่างน้อยการอาบแดดยามเช้าก็ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เธอเลยตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน พอถึงวันหยุดเธอตื่นมาเตรียมมื้อเช้าใส่กระเป๋าเก็บความร้อน และของใช้ส่วนตัวของหลานชาย เพื่อไปปิกนิกที่สวนสาธารณะตามประสาแม่ลูก