บทที่1.ภาระหนักอึ้งบนสองบ่า
บทนำ
มันเป็นเรื่องเศร้า ที่แฝงความทรงจำดีๆ ไว้ ครั้งหนึ่งที่มาริสามีความรัก เธอตกหลุมรักชายผู้หนึ่งแบบไม่สามารถถอนตัวได้ เธอกับเขาพบกันแบบบังเอิญ และความเข้าใจผิดชักพาให้คนทั้งคู่ เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยคำลวง
มาร์แชล เมดิสัน เป็นผู้สืบทอดทายาทของตระกูลเมดิสัน
เขาเป็นบุตรคนรอง ที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าพี่ชาย
มาริสาเจอกับเขาที่โรงแรมเมดิสัน เธอเป็นแม่บ้าน เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ แต่เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นลูกค้า เธอไม่อยากตัดรอนความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้น เธอเลยเริ่มโกหก
เธอปิดมาร์แชลไว้หลายเรื่อง
รวมทั้งเรื่องลูกติดของเธอด้วย
บทที่1.ภาระหนักอึ้งบนสองบ่า
มาริสารีบเดินทางมาหาพี่สาวเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่เธอก็มาช้าเกินไป ลมหายใจของมะลิหลุดลอยไปก่อนที่เธอจะมาถึง เธอจมอยู่ในความเศร้า รู้สึกเคว้งคว้างอ้างว้างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลย เธอเพิ่งเหยียบดินแดนไกลบ้านเกิดได้ไม่เต็มสิบวันดี
ภาษาที่พอถูไถไปได้ แต่ยังไม่คล่องนัก เธอต้องการมาเรียนต่อ แต่ความหวังนั่นดูเหมือนจะเลือนราง มันมีความลับที่มาริสาปริปากบอกใครไม่ได้ มะลิซ่อนบางอย่างไว้ และนั่นเป็นสาเหตุที่พี่สาวของเธอคิดสั้น
เด็กชายวัยขวบเศษๆ เศษความรักของมะลิกับชายผู้หนึ่ง ใครสักคนที่มาริสาไม่เคยเห็นหน้า ช่วงที่กำลังรอที่จะไปเรียนภาษา มาริสาเลยอาสาเลี้ยงหลานชาย เกดจ์น่ารัก เป็นเด็กยิ้มง่ายและค่อนข้างเรียบร้อย คงเพราะสัญชาติญาณเตือนด้วยมั้ง เขาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่พรั่งพร้อมเหมือนเด็กคนอื่น
แววตาเศร้าของหลานชาย ทำให้มาริสาน้ำตาซึม
เธอพยายามถามหาเหตุผลในการแยกทางกันระหว่างมะลิกับแฟนของเธอ แต่มะลิเลือกที่จะปิดปาก และอมพะนำความลับนั่นไว้ มาริสาเลยจำใจสงบปาก เธอไม่มีทางช่วยแก้ไขอะไรให้มะลิได้ ตราบใดที่เธอไม่รู้ความจริง
มาริสายกหลังมือขึ้นปาดคราบน้ำตาตรงร่องแก้ม เธออ่อนแอมากไปกว่านี้ไม่ได้ เธอไม่ใช่พระเจ้าที่จะรั้งดวงวิญญาณของพี่สาวกลับมาจากขุมนรก เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่ไร้ที่พึ่งพาในเมืองใหญ่ เมืองที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทุกคนรอบตัวเธอดิ้นรนไม่ต่างกันเลย
“ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ ช่วยอธิบายให้ฉันรู้ที ฉันไม่ชินกับวัฒนธรรมของที่นี่เลยค่ะ” มาริสาถามแบบไม่กลัวอาย เธอกับมะลิเป็นพี่น้องกัน อายุห่างกันหนึ่งปีพอดี และเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาใต้ความอุปถัมภ์ของเศรษฐีใจดีคนหนึ่ง จนครบกำหนดอายุ
มะลิเรียนเก่ง มีพรสวรรค์ เธอได้รับทุนก้อนใหญ่ เลยเดินทางมาเรียนต่อ และลงหลักปักฐานที่นี่ทันทีที่เรียนจบ มาริสาไม่รู้ว่าพี่สาวผ่านอะไรมาบ้าง ในช่วงที่ห่างกัน เธอทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง และเรียนไปด้วย มะลิย้ำนักย้ำหนาให้เธอเรียนภาษาเป็นหลัก แต่ความที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เนื่องจากทำงานพาร์ทไทม์หลายที่เพื่อให้พอกับรายจ่าย มาริสาเลยพอกล้อมแกล้มพูดได้ สื่อสารรู้เรื่อง เธอไม่คิดว่าตนเองต้องระเห็จมาถึงที่นี่ เพราะไม่ค่อยชอบวัฒนธรรมต่างแดนสักเท่าไหร่
จนวันหนึ่งมะลิขอร้องแกมบังคับ ของขวัญวันเกิดของเธอคือตั๋วเครื่องบินและพลาสปอร์ตที่มะลิจัดการให้ทั้งหมด เธอออกเดินทางมาแบบงงๆ และงงมากขึ้น เมื่อเจอความลับที่มะลิซ่อนไว้
ชายตรงหน้าเธอยิ้มรับพร้อมกับส่ายหน้า
คำตอบของเขาทำให้เธออึ้งมากขึ้นไปอีก “คุณไม่ต้องทำอะไรเลยครับ มีคนจัดการเรื่องของคุณมะลิไปแล้ว คุณตามไปก็ได้นะ” ชายผู้นั้นยื่นเอกสารบางอย่างให้เธอ มาริสารีบไปตามที่อยู่นั่น เธอยืนงงอยู่พักใหญ่ สติเตลิดไปไกลสุดกู่ พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลพรู
สุสาน...ที่ฝังศพ
มีบาทหลวงกำลังสวดมนต์ ส่งร่างไร้วิญญาณของพี่สาวเธอ กับคนแปลกหน้าที่คงมาจัดการบรรจุร่างของมะลิลงโลง อุปกรณ์หลายอย่างวางอยู่ใกล้ๆ เธอเดินไปยืนสำรวมด้านข้าง ยกมือปาดน้ำตาทุกครั้งที่หยดน้ำตาไหลริน พยายามทำใจให้สงบ อย่างน้อยพี่สาวของเธอจะได้หมดห่วง