อุบัติเหตุ
รถลีมูซีนคันใหญ่สีดำมันปลาบ ขับเคลื่อนออกจากเบลีโต้คาสิโนช้า ๆ โดยมีพลขับท่าทางเอาจริงเอาจังอยู่เบื้องหน้า
ด้านหลังเบาะนั้นเป็นร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้สวมสูทสีดาร์คช็อคโกแลต ใบหน้ายาวเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถคิ้วเข้มพาดขวางอยู่บนนัยน์ตาสีน้ำตาลดุนั้นขมวดปมน้อย ๆ คล้ายกำลังเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง กระนั้นก็ยังไม่สามารถลดทอนความคมสันแห่งบุรุษเพศลงได้
ความที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขครึ่งหนึ่งของผู้เป็นแม่ที่มาจากสเปน ทำให้เขาคมเข้มสูงใหญ่มากกว่าชายไทยทั่วไป จมูกโด่งเป็นสัน ปากหยักคาบไป๊ป์ไว้ที่มุมหนึ่ง ใบหน้านั้นถูกล้อมกรอบไว้ด้วยไรเคราเขียวครึ้มที่ไม่ได้โกนมาราวหนึ่งสัปดาห์ แต่หากความรกนั้นกลับยิ่งส่งให้เขาดูหล่อเหลาคมเข้มมากขึ้น
“ คุณมาร์ตินจะกลับบ้านเลยไหมครับ ”
วิทย์ ชายร่างสันทัดแต่มีกล้ามเนื้อล่ำสัน อายุอานามพอ ๆ กับผู้เป็นนาย ผู้ควบตำแหน่งมือขวาคนสนิทและพลขับประจำตัวของมาเฟียหนุ่มใหญ่เอ่ยถามขึ้น
“ ไม่ ขับไปเรื่อย ๆ ก่อน ” เขาตอบก่อนจะวางไป๊ป์ลง แล้วรินไวน์นำเข้าราคาแพงหูฉี่ลงไปที่แก้วแชมเปญจาระไน ไม่เสียเวลาที่จะละเลียดละเล็มให้รู้รสชาติตามธรรมเนียมการดื่มไวน์ หากแต่กระดกรวดทีเดียวหมดแก้วแล้วเติมมันใหม่แก้วแล้วแก้วเล่า
“ มาร์เซโล่เป็นยังไงบ้าง ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปนาน
“ คุณหนูมาร์ซเป็นไข้หวัดใหญ่ครับ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหลังจากที่ได้รับยา หมอบอกว่าต้องนอนโรงพยาบาลราวสี่ห้าวันผมจัดการจ้างพยาบาลพิเศษสองคนดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างที่คุณมาร์ตินสั่งเรียบร้อยแล้ว ”
“ ธาริกาอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ”
“ ตอนที่ผมไป คุณธาริกาไม่อยู่ที่นั่นครับ อยู่แต่คุณนมสา ”มาร์ติเนซแสยะยิ้ม
“ มันเป็นแม่ยังไง ลูกเข้าโรงพยาบาลแต่ไม่อยู่เฝ้าลูกคงจะออกไปปาร์ตี้อย่างเคยสินะ ” เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ หากแต่มือคว้าขวดไวน์เปิดออกแล้วกระดกดื่มโดยไม่เทใส่แก้ว ดวงตาสีสนิมจ้องมองออกไปนอกกระจกรถอย่างเลื่อนลอย
อยู่ ๆ เขาก็หัวเราะลั่นรถ เล่นเอาวิทย์สะดุ้ง
“ นายคงจะคิดสินะวิทย์ ว่าพ่ออย่างฉันมันก็ไม่เอาไหน ยังจะมีหน้าไปว่าคนอื่น ” วิทย์ส่ายศีรษะ
“ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น ผมโตมากับคุณมาร์ติน ทราบดีว่าคุณเป็นคนทำอะไรมีเหตุมีผล คุณมีเมตตากับคนอื่นเสมอ ชีวิตผมถ้าไม่ได้คุณท่านและคุณมาร์ตินช่วยไว้ ป่านนี้ก็คงกลายเป็นกุ๊ยติดยาข้างถนน ”
“ ฉันรู้วิทย์ ฉันรู้ว่านายซื่อสัตย์กับฉันเสมอ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนบนโลกจะเป็นเหมือนนายนี่นา ”
ผู้เป็นนายเอ่ยเบา ๆ หัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ ทว่าดวงตามีแววปวดร้าวก่อนกระดกน้ำสีแดงเข้มราวกับเลือดที่เหลือก้นขวดสาดเข้าคอจนเกลี้ยง
พลันวิทย์ก็เหยียบห้ามล้อทันควันจนกระทั่งล้อรถบดกับถนนดังเอี๊ยด ขวดแชมเปญหลุดจากมือใหญ่ พร้อมกับที่ศีรษะของผู้เป็นนายทิ่มเข้ากับเบาะเบื้องหน้า
“ ขอโทษครับคุณมาร์ติน มีคนวิ่งตัดหน้ารถ มันกะทันหัน ผมเลยต้องเบรก คุณมาร์ตินเป็นไรไหมครับ ”
ผู้ถูกถามยันตัวลุกขึ้นมานั่งตามปกติ ก่อนโบกมือเป็นเชิงบอกว่าเขาปกติดี
“ ลงไปดูซิว่าคนเป็นอะไรหรือเปล่า ”
“ ครับ ” วิทย์รับคำพลางรีบเปิดประตูรถเดินลงไปยังถนน พบร่างบอบบางสวมชุดนักศึกษานอนหมดสติอยู่เบื้องหน้ารถ เขาใช้สายตาสำรวจตรวจตราว่ามีรอยแผลใด ๆ ที่เกิดจากรถชนหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มี และร่างนั้นอยู่ห่างจากหน้ารถราวหนึ่งเมตร จึงคาดเดาว่าเธอน่าจะตกใจจนหมดสติไปมากกว่าการโดนรถชน
ปี๊น ๆๆๆๆ !!!
เสียงรถคันหลังที่ตามมาบีบแตรสนั่นหวั่นไหว เนื่องจากไม่ทราบว่าเบื้องหน้ามีอุบัติเหตุ ผู้เป็นนายที่นั่งอยู่เบาะหลังจึงกดกระจกลงตะโกนสั่งลูกน้อง
“ อุ้มมาวางไว้บนเบาะข้างฉันก่อน ”
วิทย์จึงรีบหยิบกระเป๋าถือที่หล่นอยู่ข้างตัว พร้อมช้อนร่างบางนั้นขึ้นแล้วเปิดประตูรถเธอวางลงข้าง ๆ ผู้เป็นนาย ก่อนจะอ้อมกลับไปประจำที่นั่งคนขับแล้วออกรถ