ตอนที่ 1อาหมอพาผู้หญิงมาบ้าน
หญิงสาวสวมแว่นดำ เปิดประตูรถยนต์คันหรู ซึ่งแล่นเข้ามาจอดอยู่ในบ้านของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ เธอเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่โต ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นรังรักของเธอกับเขา
พ่อหนุ่มรูปหล่อ สวมแว่นตาเดินออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “มาแล้วเหรอ” น้ำเสียงดีอกดีใจนี้ บ่งบอกชัดเจนว่าเขาเฝ้ารอคอยหญิงสาวมาครู่ใหญ่
“ไม่พบกันนานนะ” ใช่เธอกับเขาห่างเหินกันไปห้าปี หลังจากที่ทางบ้านประสบปัญหาทางธุรกิจ เธอจึงเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับคนหนุ่มไร้อนาคต
แต่คาดไม่ถึงว่า ตอนนี้เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ อยู่โรงพยาบาลชั้นนำ เงินเดือนสูงลิ่ว ส่วนเธอก็กลายเป็นผู้หญิงตกอับ ต้องหันกลับมาพึ่งพาอดีตคนรักในยามคับขัน
“อะไรกัน ก็เพิ่งเจอกันไปเมื่อสามวันที่แล้ว เข้ามาสิ ที่นี่ยังเหมือนเดิม” ชายหนุ่มกระตือรือร้น ต้อนรับอดีตคนรักให้เข้ามา “มันหลังไม่ใหญ่ ตกแต่งใหม่เล็กน้อยน่ะ” ใช่ เขาตกแต่งบ้านหลังนี้ รวมถึงซื้อที่ดินข้างบ้านเอาไว้ ปลูกบ้านหลังใหม่ หวังว่าจะเป็นเรือนหอให้ภรรยาในอนาคต
รอคอยแม่สาวคนงามตอบตกลงปลงใจอยู่ทุกวี่วัน แต่แม่สาวน้อยคนนี้ช่างเอายากเสียเหลือเกิน คำไม่ยอม สองคำไม่ยอม เขาละว้าวุ่นใจนัก จะทำอย่างไรให้เด็กคนนั้นตกลงเป็นเมียเขาดีล่ะ
อีกอย่างวันนี้เป็นวันหยุดของชานนท์จึงพักผ่อนอยู่บ้าน วันนี้พลอยลดาโทรหา บอกว่ามีเรื่องขอร้อง เขาก็คนใจอ่อน อดเห็นใจอดีตคนรักไม่ได้ เลยตอบตกลงยื่นมือช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่ายังมีเยื่อไยต่อเธอ เป็นเพราะสงสารที่พลอยลดาตกอยู่ในสภาพน่าอนาถแบบนี้
“นนท์คะ ที่ผ่านมา พลอยคิดผิดไปค่ะ” กิจการของเธอย่ำแย่ ซ้ำยังถูกสามีทำร้ายร่างกาย ระบบภายในแปรปรวนบอบช้ำ จึงไปตรวจภายใน แต่กลับพบเจอกับอดีตคนรัก ในเวลานี้ฐานะการเงินเขาดีมาก
เธอจึงเอ่ยถามว่าเขาย้ายบ้านแล้วหรือยัง “ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมคะ” หญิงสาวเริ่มแผนการ จ้องมองใบหน้าคมคายอย่างต้องการคำตอบ
“แน่นอนสิ เชิญครับพลอย” เขายิ้มแย้ม ไม่รังเกียจอดีตคนรักเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกเห็นใจเสียมากกว่า เห็นรอยฟกช้ำตามลำตัวก็ยิ่งสงสาร เขาเป็นหมอไม่เคยรู้สึกเกินเลยกับคนไข้ แต่กลับกันเห็นพลอยลดาเป็นแบบนี้ก็ยิ่งหดหู่และเศร้าใจ
“พลอยเก็บกระเป๋าออกจากบ้านมาค่ะ หวังว่านนท์จะไม่รังเกียจพลอยนะคะ ขอพักอยู่สักสองสามวัน” เธอกำลังทำเรื่องฟ้องหย่ากับสามี จึงหาที่หลบหนี ประจวบเหมาะพอดิบพอดี ชานนท์เป็นคนใจกว้าง เป็นตัวเลือกที่ดีในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
“ได้ครับไม่มีปัญหา ที่บ้านยังมีหลานอีกคน หวังว่าพลอยจะไม่รังเกียจนะครับ” ชานนท์บอกอย่างนุ่มนวล ซ้ำยังเข้าไปช่วยหญิงสาวหิ้วกระเป๋าสัมภาระใบโต พอเขายกขึ้นใบหน้าเหยเกเล็กน้อย “หนักเหมือนกันนะเนี่ย”
ชานนท์ขมวดคิ้ว รำพึงรำพันในใจขึ้นมาว่า กระเป๋าใบใหญ่หนักขนาดนี้ คงไม่ได้อยู่สองสามวัน ถ้าหากแม่หนูรสรินกลับมา จะวีนบ้านแตกไหมนะ เด็กคนนั้นบางครั้งก็ขี้อ้อน บางครั้งก็เอาแต่ใจ บางครั้งทำให้เขาปั่นป่วนใจไม่หาย เห็นเธอแง่งอนก็ต้องรีบง้อให้หายโกรธเดี๋ยวจะเลยเถิดกลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต
“คิดอะไรอยู่หรือคะชานนท์” หญิงสาวส่งเสียงหวานสอบถาม เห็นอดีตคนรักเหม่อลอย ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องสำคัญ จนมีใบหน้าเคร่งเครียดจนพลอยลดาสังเกตเห็น
“เปล่าหรอกครับ เชิญข้างใน ห้องไม่ได้ใหญ่มากนะ อยู่ห้องข้าง ๆ ผม” อีกห้องเป็นของแม่สาวน้อยจอมซุกซนทั้งยังแก่นแก้วไม่เหมือนใคร เขายังไม่ได้บอก หากกลับมาสงสัยบ้านแตกแน่ ๆ คิดแล้วก็กลุ้มใจนัก
ป้าชม้อยคือแม่บ้าน คนดูแลไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน แล้วยังมี แม่ชิดชนก เป็นน้องสาวของป้าชม้อย พอเห็นว่าคุณหมอชานนท์พาอดีตคนรักเข้ามา
หญิงวัยใกล้ฝั่งก็อดรนทนไม่ไหว ชักสีหน้าอย่างไม่พึงพอใจ คนที่ไม่พอใจจนห้ามใจไม่ได้ เห็นจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากจะเป็นป้าชิดชนก ล้วงโทรศัพท์ในผ้ากันเปื้อน สีหน้าบูดบึ้ง
พร้อมกับเบะปากกลอกกลิ้งตาไปมา อย่างไม่พอใจ ยังไม่ทันที่ชิดชนกจะส่งข้อความหาแม่สาวน้อย กลับถูกคุณหมอชานนท์เรียกเสียก่อน
“ป้าชิดครับ รบกวนพาคุณพลอยไปที่ห้องพักที” ชานนท์กวาดสายตามองไปด้านนอก กลัวว่าแม่สาวน้อยขี้โมโหจะโผล่มาเสียก่อน เขายังไม่บอกกับเธอว่าจะมีคนมาพักด้วย คิดว่าอีกสักครู่ค่อยโทรบอกแล้วกัน
“จะให้พักชั้นสองหรือคะ เกรงว่าคุณรสจะไม่พอใจ” น้ำเสียงกึ่งไม่พอใจของป้าชิดชนก ทำให้พลอยลดาชักสีหน้า ข้องใจนักหนา ว่าแม่บ้านคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาชักสีหน้าใส่ ออกความเห็นแทนเจ้านายอีก
หญิงสาวสวมแว่นดำอำพรางดวงตา ถอดแว่นตานั้นออก แล้วจ้องเขม็งมายังคนรับใช้ปากไม่มีหูรูดคนนี้ “ใครกันหรือคะ” ทว่าหล่อนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่แสดงกิริยาท่าทางปั้นปึ่ง
“หลานสาวครับ เธอมาเรียนที่นี่ พี่ปริญก็เลยฝากฝังให้ผมดูแล” พูดถึงพี่ชายคนนี้ทีไร เขาปวดหัวทุกครั้งไป ฝากใครไม่ฝาก ดันมาฝากเขาให้ดูแลแม่รสรินขาโวยวาย
“รุ่นพี่นะหรือคะ” พลอยลดาพอจำได้ ดูเหมือนว่าสองคนนี้คงสนิทสนมกันกว่าที่เธอคิดเอาไว้
“ใช่ครับ พี่ปริญฝากหนูรสรินเอาไว้ แล้วก็พากันไปเที่ยวสองคน ผมก็เลยรับหนูรสมาดูแล” ไม่ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะโตเป็นสาวแล้ว แต่ก็ถึงเนื้อถึงตัวอยู่เป็นบางครั้งบางคราเวลาที่สบโอกาส
อีกอย่างเขามักกำชับบอกหลานสาวนอกไส้ว่า ให้ระมัดระวังเพื่อนร่วมห้อง หรือรุ่นพี่ หากมีอะไรให้รีบโทรหา ก็เพราะว่าอดีตของบิดารสรินไม่ธรรมดา กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
เป็นเพราะปริญดันทำผู้หญิงท้อง เลยเป็นคุณพ่อตั้งแต่ยังหนุ่ม แล้วก็เลิกรากับมารดาของรสริน ส่วนมารดาผู้ให้กำเนิดแต่งงานใหม่ไปนานแล้ว พอ ๆ กับปริญที่แต่งงานเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่เช่นเดียวกัน
และตอนนี้รสรินอายุยี่สิบ ถือว่าบรรลุนิติภาวะ แต่เธอเป็นคนหัวอ่อนและอ่อนต่อโลก ติดนิสัยเอาแต่ใจ เพราะมีบิดาและมารดาเลี้ยงตามใจเสียจนเคยตัว
อีกอย่างคนแก่ก็ย่อมหวงก้าง หลานสาวคนนี้น่ารักน่าฟัดนักเชียว
“เธอยังเด็กอยู่หรือคะ” พลอยลดาสงสัย เวลาที่ชานนท์พูดถึงเด็กคนนั้น แววตามักอ่อนโยน แสดงความเป็นห่วง ก็คงจะใช่ คงอายุไม่ถึงสิบสี่สิบห้ากระมัง เพิ่งแตกเนื้อสาวคงเป็นห่วงกันก็เป็นเรื่องธรรมดา
“ค่ะ เด็กมากค่ะ” ป้าชม้อยสวนกลับ พร้อมกับปาค้อนวงใหญ่ใส่เจ้านาย ที่จริงแล้วประชดต่างหาก โตเป็นสาวสวยสะพรั่ง พ่วงตำแหน่งดาวคณะ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ขายขนมจีบเป็นว่าเล่น
ชานนท์ไม่รู้สึกผิด แต่กลับส่งยิ้มให้หญิงสูงวัยทั้งสอง “ป้าชิดครับ พาคุณพลอยไปห้องก่อน เดี๋ยวผมโทรหารสริน” กลับมาเจอคนอื่นอยู่ในบ้าน รสรินคงโวยวายใหญ่โต
เมื่อครู่ชิดชนกน้องสาว กำลังจะส่งข้อความหาแม่หนูน้อยคนงาม แต่ไม่ทันการณ์ถูกเรียกใช้เสียก่อน ชม้อยพี่สาวจึงรีบส่งข้อความให้รู้ตัว
ปลายทางคนรับคือรสริน ได้ยินเสียงข้อความดังขึ้น พอเปิดดูใบหน้าสวยถึงกับบิดเบี้ยว รีบบึ่งรถคันโปรดกลับบ้านอย่างว่องไว ดีนะที่ตอนนี้รถติดไฟแดงอยู่ เลยเลี้ยวขวากลับบ้านมาได้
ชม้อยยกยิ้ม บอกกล่าวคุณหมอชานนท์ “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูรสบอกว่าถึงหน้าบ้านแล้ว”
“อานนท์พาผู้หญิงมาบ้านหรือคะ” น้ำเสียงไม่พอใจดังมาก่อนจะถึงตัวคุณหมอเสียอีก
พลอยลดามองไปยังต้นเสียง อุทานขึ้นมาทันที “ไหนบอกว่าเป็นเด็กยังไงละคะ” โตขนาดนี้ไม่ดงไม่เด็กแล้ว ดูทรวดทรงองเอวของหล่อนช่างยั่วยวนสายตาผู้ชายนัก หน้าอกหน้าใจก็ดูเหมือนจะโตเกินตัว เอวคอดกิ่วนั่นอีก ไม่ริษยาตั้งแต่แรกพบได้อย่างไร
“อานนท์คะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร รสไม่ยอมนะคะ” หญิงสาวอายุน้อยสุด ยืนเท้าเอว น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนัก
“รสมีเหตุผลหน่อยได้ไหม” ชานนท์ปวดศีรษะ ไม่คิดว่าจะแผลงฤทธิ์เร็วขนาดนี้ เขาจะอธิบายกับเธออย่างไรดี คิดไปคิดมา เป็นเขาเองที่ไม่น่าชักศึกเข้าบ้าน
เด็กสาวไม่ยินยอมพูดจาน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก “รสจะมีเหตุผลอะไรละคะ ผู้หญิงคนนี้สำคัญกับอานนท์มากเลยหรือไง ถึงได้กล้าพาเข้าบ้านแบบนี้”
พลอยลดาไม่ชอบใจนัก จู่ ๆ ก็ถูกเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้ามายืนต่อว่าต่อขาน หน้างาม ๆ ของเด็กคนนี้หากถูกตบสักทีสองที คงจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยทันใด “ฉันขอแนะนำตัวนะคะ ฉันชื่อพลอยลดา เคยเป็นคนรู้ใจกับชานนท์ บ้านหลังนี้ฉันก็เคยมาค้างอ้างแรมอยู่บ่อย ๆ”
แต่เธอก็ต้องหยุดความคิดนั้นหากทำร้ายเด็กคนนี้ เกรงว่าชานนท์คงไล่เธอออกไป ไม่มีโอกาสเริ่มต้นกันใหม่ ดังนั้นจึงกัดฟันข่มใจตนเองเอาไว้ และพูดจาแดกดันหวังยั่วโมโหเด็กคนนี้
รสรินหรือจะเป็นฝ่ายยอม เห็นสายตานางมารร้ายคนนี้พอเดาออก นางป้าคนนี้คิดจะมางาบอาหมอของเธอ ไม่มีทางเสียหรอก แม่สาวขี้โวยวายรีบสวนกลับทันควัน “ก็แค่อดีตคนเคยรู้จัก แต่ไหงกลับเสนอหน้ามาค้างบ้านคนอื่นแบบนี้”
“รสริน อาว่าเราขึ้นไปพักดีกว่า” ชานนท์เห็นว่าเรื่องบานปลาย จับไม้จับมือหลานสาว หวังว่าจะใจเย็นลงบ้าง
ทว่ารสรินหรือจะเป็นฝ่ายถอย เธอข่มขู่อาหมอขึ้นมาอย่างทันท่วงที วินาทีนี้ต้องอาศัยใบบุญคุณพ่อบังเกิดเกล้าแล้ว “ไม่ค่ะ วันนี้รสต้องการคำตอบที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้น รสจะฟ้องพ่อ”
ชานนท์รีบห้ามปราม ส่งสายตาวิงวอน “อานนท์ว่าเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”