บทที่ 2 ทำตามแผน 1
“สวัสดีครับคุณครู” เสียงของเด็กชายชั้นอนุบาลสองทับหนึ่งดังขึ้น ขณะที่มือน้อยๆ พนมไหว้คุณครูอักษรา ครูสาวแสนสวยประจำโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย
“สวัสดีครับน้องป๋อง” ครูสาวทักทายกลับ ยกมือรับไหว้และระบายยิ้มให้ผู้ปกครองที่เดินทางมาส่งบุตรหลาน “สวัสดีค่ะคุณยาย วันนี้มาส่งน้องป๋องเองหรือคะ?”
“ใช่จ้ะ พอดีว่าพ่อของน้องป๋องไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดและกลับดึก วันนี้ยายเลยต้องไปรับไปส่งเอง”
“ตอนเลิกเรียนคุณยายไม่ต้องมารับน้องป๋องนะคะ เดี๋ยวน้ำหอมจะไปส่งน้องป๋องที่บ้านเองค่ะ”
อักษราขันอาสา เพราะสงสารและเห็นใจคนสูงวัยตรงหน้าที่แข้งขาไม่ค่อยดี ต้องใช้ไม้เท้าพยุงเดิน หากเธอเดินไปส่งน้องป๋องก็คงไม่ลำบากอะไร เนื่องจากบ้านของน้องป๋องอยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงแค่หนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
“เกรงใจครูน้ำหอมค่ะ ยายค่อยๆ เดินมาเองก็ได้” ยายไสวกล่าวอย่างเกรงใจ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะคุณยาย บ้านคุณยายใกล้แค่นี้เอง น้ำหอมเดินไปกลับไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจครูค่ะ” หญิงชราไม่ต้องการขัดน้ำใจของคุณครูสาว เพราะทุกครั้งที่นางมาส่งหลานชายที่โรงเรียน พอเลิกเรียกอักษราจะเป็นฝ่ายไปส่งน้องป๋องที่บ้าน
“คุณยายค่อยๆ เดินกลับบ้านนะคะ ถ้าน้ำหอมไม่ติดว่าวันนี้ต้องอยู่เวรรับนักเรียน น้ำหอมจะไปส่งคุณยายที่บ้านค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะ ยายไปก่อนนะ” ไสวกล่าวขอบใจในน้ำใจของอักษราที่สวยงามทั้งหน้าตาและจิตใจ
ระหว่างที่อักษรากำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่นั้น เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตกอยู่ในสายตาของคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถกระบะแบบสี่ประตู สายตาของคนที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย ที่จ้องเขม็งไปยังร่างของคุณครูสาวไม่วางตา
“คนนี้แน่ใช่ไหมครับนายหัว?” สมศักดิ์พลขับเอ่ยถามเจ้านายจอมโหด
“…” คนถูกถามนิ่งไม่ตอบและไม่ละสายตาจากครูสาวคนสวย
“นายหัวครับ นายหัว” เสียงของสมศักดิ์ดังมากขึ้น แล้วมากพอที่จะดึงสติของปุณณ์ให้หวนกลับมา
“แหกปากซะดังลั่นรถเลยนะมึงไอ้เข้ เรียกกูเบาๆ ก็ได้” ผู้เป็นนายตวาดกลับ
“ก็ผมเรียกนายเบาๆ นายได้ยินซะที่ไหนล่ะครับ” สมศักดิ์สวนกลับ
“แล้วมึงเรียกกูทำไม?”
“ผมจะถามนายว่า ครูคนนั้นคือเป้าหมายของเราใช่ไหมครับ?”
“เออใช่” ปุณณ์ตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“แหม สวยเชียวนะครับนายหัว มิน่าล่ะพี่พีถึงได้หัวใจท้อแท้ไปติดพันครูคนสวย”
ปากของสมศักดิ์วอนหาเรื่องเจ็บตัวเสียแล้ว และพอเขาพูดจบสายตามหาประลัยของเจ้านายหนุ่มก็หันมามองผู้พูด ที่ต้องรีบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
“วอนโดนบาทาซะแล้วไอ้เข้ มึงเอาผู้หญิงแบบนี้มาเปรียบกับน้องสาวกูได้ยังไง สวยแต่รูปจูบไม่หอมกูก็กระเดือกไม่ลงหรอกโว้ย” เสียงของปุณณ์ไม่พอใจเต็มที่
“ครับๆ ผมไม่พูด ไม่เปรียบเทียบแล้วครับ”
สมศักดิ์รู้ดีว่าเวลานี้สิ่งที่ตนเองต้องทำมากที่สุดคือหยุดพูด ไม่เช่นนั้นแล้วบนใบหน้าของตนอาจจะเขียวช้ำจากหมัดหนักๆ ของผู้เป็นนาย
“ดีมาก มึงไม่ต้องพูด เก็บปากไว้กินข้าวก็พอ พูดมากเดี๋ยวปากมึงจะกินน้ำพริกไม่ได้” เจ้านายหนุ่มไม่วายกำชับแกมข่มขู่ลูกน้องปากมาก “ไปได้แล้ว เย็นนี้ค่อยมาจัดการ”
ปุณณ์สั่งสมศักดิ์ที่ทะยานจากจุดที่จอดรถทันที ก่อนที่เจ้านายขี้โมโหจะเดือดเลือดพล่านมากกว่านี้ การที่นายหัวแห่งเกาะไข่แก้วมาจอดดูเป้าหมายของตนในครั้งนี้ เพราะต้องการมาดูความเคลื่อนไหวของอักษราหรือน้ำหอม ผู้หญิงที่ทำให้ปนัดดาต้องหลั่งน้ำตา
ราวสี่โมงเย็นรถยนต์คันหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดหน้าโรงเรียน ก่อนที่เจ้าของรถคันนั้นจะก้าวลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนอย่างคุ้นเคย เขาเดินตรงไปยังห้องอนุบาลชั้น 2/3
“พี่มารับแล้วครับคนสวย” พีรวัฒน์เอ่ยบอกอักษราที่กำลังเก็บอุปกรณ์การเรียนให้เข้าที่เข้าทาง
“รอน้ำหอมเดี๋ยวเดียวนะคะพี่พี น้ำหอมเก็บของก่อน” อักษราครูสาวแสนสวยเงยหน้าบอกคนรัก
“ครับ พี่รอได้ครับ” ผู้พูดเดินเข้ามาในห้อง หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ “วันนี้ลูกค้ายกเลิกนัด พี่ว่าเราไปดูหนังกันดีกว่านะ”
“ตามใจพี่พีค่ะ น้ำหอมได้ทั้งนั้น” เธอตอบคนรักขณะที่มือยังคงทำงานอย่างแข็งขัน
พีรวัฒน์มองคนรักด้วยความรู้สึกผิด การที่เขายังไม่เลิกคบกับอักษราทั้งที่อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เขาจะต้องแต่งงานกับปนัดดาหญิงสาวที่เขาไม่คิดว่าจะแต่งงานด้วย สาเหตุเป็นเพราะว่าครอบครัวของเขาต้องการเงินก้อนใหญ่มาจุนเจือบริษัทที่ตกอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่อง แล้วปนัดดาหญิงสาวผู้ร่ำรวยคือแหล่งเงินที่เขาต้องการ ประจวบเหมาะกับที่เธอเองก็ชอบพอในตัวเขาอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น
เขายังทำตัวปกติ ไปไหนมาไหนกับอักษรา ผู้หญิงที่เขารักและไม่คิดจะตีจาก เพราะอักษราเป็นสาวนิสัยดี เรียบร้อย อ่อนโยนและอ่อนหวาน เป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุข ต่างกับปนัดดาที่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ขี้วีน เจ้าอารมณ์ อยู่ใกล้เขารู้สึกราวกับว่าอยู่ในขุมนรก แต่ก็ต้องทนเพราะเงิน อีกประการหนึ่งคือ ปนัดดามีพี่ชายที่ดุยิ่งกว่าเสือ พานจะขย้ำหัวเขาได้ทุกเวลาหากทำให้ปนัดดาเสียใจ เขาจึงต้องทำดีกับปนัดดา ยอมเธอทุกอย่าง พีรวัฒน์ตั้งใจไว้ว่า ตนเองจะอยู่กินกับปนัดดาสักพักแล้วค่อยหย่าขาด จากนั้นก็มาแต่งงานกับอักษรา
“เราไปกินข้าวกันก่อนนะแล้วค่อยไปดูหนัง พี่หิวจนอยากจะกินน้ำหอมแทนข้าวแล้ว” เขาพูดอย่างมีความหมายซ่อนเร้น และนั่นทำให้ดวงหน้าสาวแดงเถือกด้วยความเขินอาย
“พี่พีพูดอะไรก็ไม่รู้ น้ำหอมไม่ใช่ข้าวนะคะจะกินแทนได้ไง” เธอสวนกลับแก้เขิน เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายเมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อย
“พี่พูดจริงๆ นี่น่า พี่หิวจนมองเห็นน้ำหอมเป็นอาหารจานโปรด”
ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่คบหากันเป็นคนรัก พีรวัฒน์ไม่เคยล่วงเกินอักษรามากไปกว่าจับมือ โอบกอด จุมพิตหลังมือและหอมแก้ม เขาให้เกียรติอักษราเสมอมา อดเปรี้ยวไว้กินหวานในคืนวันวิวาห์
“งั้นเรารีบไปกันดีกว่าคะ ก่อนที่พี่พีจะกินน้ำหอม”
ครูสาวเดินมาหาคนรักที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก่อนที่ฝ่ายชายจะยื่นมือมาช่วยเธอถือของ จากนั้นก็เดินเคียงกันออกไปจากห้องเรียน
ดวงตาแข็งกระด้างของปุณณ์มองร่างของว่าที่น้องเขยที่เดินเคียงคู่มากับอักษราไม่วางตา และดูเหมือนว่าดวงตาคู่นี้จะเต็มไปด้วยเปลวไฟบรรลัยกัลป์ มือใหญ่ของนายหัวหนุ่มกำแน่น สกัดกลั้นอารมณ์ของตนเองเต็มที่
“เอาไงดีครับนายหัว?” สมศักดิ์ที่พอจะรู้อารมณ์ของเจ้านาย ใจกล้าถามออกไป เพราะไม่คิดว่า
พีรวัฒน์จะมารับเป้าหมายที่พวกเขาจะลักพาตัว
“ตามไป” ปุณณ์ตอบสั้นๆ สมศักดิ์จึงเคลื่อนรถขับตามรถยนต์ยุโรปคันหรูของพีรวัฒน์ตามไปไม่ห่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงคือจุดหมายของพีรวัฒน์กับอักษรา ทั้งคู่ก้าวลงจากรถหลังจากที่ฝ่ายชายนำรถมาจอดตรงลานจอดรถ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกุมมือกันเดินเข้าไปในอาคารห้างสรรพสินค้า โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีบุคคลกลุ่มหนึ่งคอยจับตาดูตลอดเวลา
คนที่ถูกจับตามองเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้างดังกล่าว หลังจากที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานทันที
ภาพที่ปุณณ์เห็นนั้นเรียกแรงโทสะให้โหมไหม้ใจได้ทันที หัวใจของเขาเจ็บปวดแทนน้องสาวที่ถูกทรยศหักหลัง การแสดงออกของพีรวัฒน์ที่มีต่ออักษราบอกให้เขารู้ว่า ว่าที่น้องเขยของเขาต้องรักและหลงครูสาวไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการกุมมือเล็กตลอดเวลา พูดคุยและหยอกเย้าโดยไม่อายสายตาใคร ป้อนอาหารใส่ปากสาว อีกทั้งฝ่ายชายยังจุมพิตฝ่ามือเล็กเป็นครั้งคราว
คนที่เป็นว่าที่พี่เขยอยากจะเอาปืนไปจ่อหัวพีรวัฒน์แล้วกระหน่ำยิงให้หายแค้นหากทำได้ จากนั้นก็กระชากร่างของหญิงหน้าไม่อายมาชำระความให้สาสมกับหยาดน้ำตาของปนัดดาที่เสียไป
ทั้งสองทำราวกับว่ารักกันปานจะกลืนกิน แล้วน้องสาวเขาล่ะ ว่าที่น้องเขยตัวดีวางปนัดดาไว้ตรงไหนในใจ ยิ่งคิดคนที่รักน้องยิ่งกว่าตัวเองยิ่งแค้น
“กูอยากจะฆ่ามึงจริงๆ ไอ้พี”
ปุณณ์กัดกรามพูดและต้องการทำตามที่พูดออกไปจริงๆ ถ้าไม่ติดที่ว่าชายคนนั้นเป็นผู้ชายที่น้องสาวรัก อย่าหวังว่าจะลอยนวลไปได้ เพราะหากพีรวัฒน์เป็นอะไรไป คนที่เสียใจมากที่สุดคือปนัดดา คนเป็นพี่มีหรือจะทำให้น้องสาวเสียใจ
อันที่จริงแล้วปุณณ์ไม่ค่อยเห็นด้วยที่น้องสาวมีความรักกับพีรวัฒน์เพราะเขานั้นเชียร์เพื่อนรักคือภูบดินทร์ให้ปนัดดาแต่น้องสาวกลับไม่มีทีท่าว่าจะให้ความสนใจต่อเพื่อนเขาสักนิด มีแต่เพื่อนเขานั่นแหละที่แอบชอบปนัดดาอยู่เงียบๆ ทั้งที่ภูบดินทร์ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อ พ่อรวย อาชีพการงานดี เป็นที่สนใจใฝ่ปองของสาวๆ มากหน้าหลายตา
พีรวัฒน์กับครูสาวใช้เวลากับอาหารไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็พากันเดินออกจากร้านอาหาร ตรงไปยังชั้นห้าของห้างเพื่อดูภาพยนตร์เรื่องที่ทั้งคู่ตกลงกันไว้ และอีกฝ่ายก็รอคอยจังหวะและโอกาสอย่างใจเย็น
ร่วมสองชั่วโมงกว่าที่เป้าหมายจะเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ ทั้งคู่จับจูงมือกันเหมือนคู่รักทั่วๆ ไป พูดคุยหัวเราะและมอบรอยยิ้มให้กันและกัน จนคนที่คอยจับตาดูทั้งสองอยู่อย่างปุณณ์เกิดความหมั่นไส้ระคนเคียดแค้นที่ว่าที่น้องเขยกระทำเช่นนี้ต่อปนัดดา น้องสาวอันเป็นที่รักยิ่งดวงใจ
“นายหัวครับ ปล่อยเอาไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ครับ ถ้าพี่พีไปส่งครูคนสวยที่บ้านละก็ เรื่องมันจะยากนะครับ” สมศักดิ์ออกความเห็น มองจากรูปการณ์แล้วเขาคิดว่า พีรวัฒน์ต้องไปส่งอักษราที่บ้านแน่นอน
“กูก็ว่าอย่างนั้น” นายหัวหนุ่มเห็นด้วยกับคำพูดของลูกน้อง พลางขมวดคิ้วครุ่นคิด “อย่างนี้ต้องหาตัวช่วย”
ปุณณ์พูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาล้วงหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะกดหมายเลขปลายทาง
“พี่มีเรื่องอยากให้ช่วย…”
นายหัวสุดโหดขอความช่วยเหลือจากปนัดดา เพราะคิดว่าน้องสาวของเขาเป็นคนเดียวที่จะแยกพีรวัฒน์ให้ออกห่างอักษรา เขาจึงเอ่ยบอกแผนการที่ตนคิดไว้ให้อีกฝ่ายฟัง แล้วหลังจากตัดสายทิ้ง แผนการของปุณณ์ก็เริ่มขึ้นทันที
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงทำงานของพีรวัฒน์สั่นเตือนหลายครั้ง จนเจ้าของเครื่องล้วงเข้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารทันสมัยขึ้นมาดู พอรู้ว่าบุคคลใดโทรเข้ามา เขากลอกตาขึ้นข้างบนประหนึ่งว่าเหนื่อยหน่ายใจ จะไม่รับก็ไม่ได้
“พี่ขอไปคุยโทรศัพท์ตรงโน้นแป๊บนะน้ำหอม อยู่ตรงนี้เสียงดัง” พีรวัฒน์หันมาบอกคนรัก
“ค่ะพี่พี” เธอไม่ว่าอะไร เพราะตรงจุดนี้เสียงดังจริงๆ เนื่องจากทางโรงภาพยนตร์มีกิจกรรมบางอย่าง
หลังจากที่เดินห่างอักษรามาพอสมควร พีรวัฒน์จึงกดรับสาย “ว่าไงครับแต้ว” เสียงนั้นหวานหยดแต่หน้าตาบึ้งตึง
“พี่พีอยู่ไหนคะ อยู่กับน้ำหอมหรือเปล่า?” ปนัดดาเปิดฉากจับผิดทันที
“อยู่กับน้ำหอมที่ไหนกันครับ ผมมาทานข้าวกับลูกค้า” เขาแก้ตัว
“อยู่กับน้ำหอมก็บอกมาเถอะค่ะ แต้วรู้นะว่าวันนี้พี่พีไม่มีนัดลูกค้า”
มีอะไรบ้างที่เธอไม่รู้ เธอรู้แต่บางครั้งก็เลือกที่จะไม่พูดอย่างเช่นวันนี้เป็นต้น เพราะหากเธออาละวาดเหมือนครั้งก่อนๆ แผนของพี่ชายก็จะไม่สำเร็จ
“เดี๋ยวผมกลับ แค่นี้นะ” ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ พีรวัฒน์ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อ เขาตัดบททันควัน
“พี่พีต้องกลับเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปส่งมันที่บ้าน ถ้าไม่กลับมาหาแต้วภายในหนึ่งชั่วโมง เงินลงทุนงวดสุดท้ายไม่ต้องเอา แต้วจะยกเลิกให้หมดเลยคอยดู”
อีกแล้ว…เขาเจอคำขู่แบบนี้อีกแล้ว เงินคือสิ่งที่เขาต้องการจากปนัดดา หาใช่หัวใจที่เธอมอบให้จนหมดใจ แล้วเมื่อเจอคำขู่ประโยคนี้ครั้งใด คำว่ายอมและต้องทำตามก็ต้องเกิดขึ้นทุกครั้ง
“ได้ ผมจะกลับไปภายในหนึ่งชั่วโมง” เขาลดน้ำเสียงลง ถอนหายใจออกมาเบาๆ คล้ายกับระบายความหนักใจ
“ดีมากพี่พี อย่าให้เลยแม้แต่นาทีเดียวนะ ไม่อย่างนั้นคุณชวดทุกอย่างแน่” ปนัดดากำชับอีกหนก่อนจะตัดสายทิ้ง “ฉันจะยอมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะนังน้ำหอม ฉันจะให้แกมีความสุขกับพี่พีเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้แกได้ตกนรกทั้งเป็นแน่”
เธอพูดอาฆาตกับมือถือเครื่องจิ๋ว ใบหน้าสวยงามเต็มไปด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าวันนี้พีรวัฒน์มีนัดกับอักษรา ปนัดดารู้…เพียงแต่ว่าเธอไม่อาละวาดหรือห้ามปรามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากปุณณ์บอกเธอเองว่า วันนี้จะลงมือลักพาตัวอักษราไปเกาะไข่แก้ว
ปนัดดาจึงคิดว่า จะให้อักษราได้มีโอกาสไปไหนมาไหนกับพีรวัฒน์เป็นครั้งสุดท้าย เพราะนับตั้งแต่วันนี้ทั้งคู่จะไม่เจอกันอีกเลย
“น้ำหอม พอดีพี่ต้องไปรับลูกค้าที่สนามบินแทนคุณพ่อน่ะ พี่คงไปส่งน้ำหอมที่คอนโดไม่ได้แล้วนะ”
พีรวัฒน์สร้างเรื่องโกหกเหมือนทุกครั้งที่ไม่อาจไปส่งหรือไปตามนัดหมายได้ อักษรายิ้มสวยให้คนรัก เป็นรอยยิ้มแห่งความจริงใจที่คนได้รับรอยยิ้มถึงกับสะอึก
“ไม่เป็นไรค่ะพี่พี น้ำหอมกลับเองได้ค่ะ พี่พีไปทำธุระเถอะค่ะ”
จะว่าไปแล้วอักษราไม่รู้สึกเอะใจกับการเปลี่ยนแปลงของพีรวัฒน์เลย เมื่อก่อนเขาจะไปรับไปส่งเธอระหว่างคอนโดกับโรงเรียนแทบทุกวัน หากตอนเช้ามารับไม่ได้ เขาก็จะมาหาเธอในตอนเย็น ไปทานอาหาร นั่งฟังเพลงจากนั้นค่อยไปส่งเธอที่พักอาศัย
ระยะหลังมานี้ความเหินห่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้น จากที่ไปรับไปส่งเป็นครั้งคราว ก็ไม่มีเลยทั้งเช้าและเย็น วันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะไปเที่ยว ไปพักผ่อนด้วยกัน ทุกวันนี้หาเวลาเหล่านั้นได้ยากยิ่ง ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ถามถึงเหตุผล เพราะครั้งหนึ่งพีรวัฒน์บอกกับเธอว่า ช่วงนี้งานยุ่งมากมีโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ต้องดูแล อักษราจึงคิดว่าสาเหตุของการเหินห่างในครั้งนี้คือเรื่องงาน หญิงสาวจึงเลือกจะไม่ใส่ใจ เนื่องจากพีรวัฒน์ยังทำสิ่งหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลงคือ โทรศัพท์หาเธอทุกวัน