๒.๑ ห้วงหวาม (ต่อ)
๒
ห้วงหวาม (ต่อ)
นับตั้งแต่วันนั้นก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ชัชวินไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ มาอีก แต่ยังโทร.มาพูดคุยกับอารยาบ้างเป็นบางครั้งบางครา จนกระทั่งเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา คู่หมั้นหนุ่มก็มารับอารยาเพื่อไปงานแต่งงานญาติของเขาด้วยกัน หลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาก็ขับรถตรงดิ่งมาส่งที่บ้านเหมือนเช่นทุกครั้งที่พาเธอไปเที่ยวหรือออกงาน
บรรยากาศในยามค่ำคืนที่ค่อนข้างเงียบเชียบของบ้านเดี่ยวหลังขนาดสี่ห้องนอน ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชานเมืองถูกรบกวนเพียงเล็กน้อย เมื่อรถของชัชวินสาดแสงไฟและตีวงเข้ามาจอดหน้าบ้าน เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแค่ไม่กี่เดซิเบลสวนกับราคาอันแพงลิบลิ่วของรถยังคงครางอยู่ เพราะคนขับยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์หลังจากมาส่งคู่หมั้นสาวถึงหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว ชัชวินยื่นมือขึ้นเปิดไฟที่ติดอยู่บนเพดานของรถเพื่อจะได้เห็นใบหน้าสวยหวานชัดๆ ก่อนที่เธอจะลงไป
“ถึงบ้านแล้ว” เขาบอกทั้งที่ไม่จำเป็น
“อาชัชรีบไปไหนหรือเปล่าคะ หรือว่าจะกลับเมืองกาญจน์เลย”
“เปล่า...คืนนี้อาจะค้างที่กรุงเทพฯ”
“งั้นเข้าบ้านก่อนสิคะ”
เอ่ยชวนเสร็จอารยาก็ขยับเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปยืนรอ ชัชวินจึงต้องดับเครื่องยนต์ เปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะก้าวตามคู่หมั้นลงไป
“ทำไมวันนี้บ้านดูเงียบๆ” ชัชวินชวนคุยขณะเดินเข้าไปในบ้านของคู่หมั้นสาวพร้อมกัน
“คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ค่ะ ลุงทองขับรถให้คุณพ่อคุณแม่ไปต่างจังหวัด ส่วนป้าละมุนก็คงจะหลับแล้ว”
“ไปไหนเสียล่ะ ทำไมตอนบ่ายที่อามารับเอย อายังเห็นพี่อัศพี่วิอยู่เลย”
“ไปงานแต่งลูกสาวเพื่อนคุณพ่อที่จันทบุรีค่ะ ไปเมื่อช่วงเย็นนี่เอง เห็นว่าจะไปค้างที่โน่น งานแต่งจัดตอนเช้าพรุ่งนี้ค่ะ สงสัยคุณพ่อจะลืมบอกอาชัชมั้งคะ…อาชัชอยากดื่มอะไรหรือเปล่าคะ”
“ขอกาแฟร้อนๆ สักถ้วยก็ได้”
“ค่ะ...งั้นอารอแป๊บหนึ่งนะคะ เอยจะไปชงมาให้”
อารยาวางกระเป๋าถือลงบนโซฟา ก่อนจะผละไปยังห้องครัวเพื่อชงกาแฟให้คู่หมั้น ร่างสูงในชุดสูทแบบเข้ากับบุคลิกจึงขยับไปนั่งรอที่โซฟาซึ่งวางอยู่ในห้องโถงที่ค่อนข้างกว้างนั้น
หายไปไม่ถึงห้านาทีหญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นถ้วยหนึ่ง เธอรู้ว่าชัชวินชอบดื่มกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล จึงไม่ต้องถามเขาให้ยุ่งยาก
“ได้แล้วค่ะอา” เสียงหวานบอกพลางยื่นแก้วที่อยู่ในมือให้กับเขา
ชัชวินรับไปและจิบก่อนจะวางลงบนโต๊ะตรงหน้า พลางมองไปรอบๆ บ้านเพื่อสำรวจว่ามีจุดไหนที่อาจจะไม่แน่นหนามิดชิดหรือไม่
“กลัวหรือเปล่าอยู่คนเดียวแบบนี้”
ที่ชัชวินถามเช่นนั้นก็เพราะรู้ว่า แม่บ้านชื่อละมุนพักอยู่เรือนหลังเล็กที่อยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งนั่นจึงเท่ากับว่าตอนนี้อารยาอยู่ในบ้านหลังขนาดกลางนี้คนเดียว
อารยาเกือบจะตอบออกไปว่าไม่กลัว เพราะที่หน้าหมู่บ้านมีรปภ.คอยตรวจคนเข้าออกอย่างเคร่งครัด แถมที่บ้านของเธอยังติดกล้องวงจรปิด อีกทั้งที่หมู่บ้านนี้ก็ไม่เคยมีประวัติเรื่องความไม่ปลอดภัย และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธออยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ หากแต่แทนที่หญิงสาวจะตอบไปเช่นนั้น เธอกลับตอบไปอีกอย่าง
“กลัวสิคะ เอยถึงชวนอาชัชเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน”
“งั้นอาจะนั่งอยู่ข้างล่างนี่จนกว่าเอยจะหลับ เดี๋ยวดึกๆ อาค่อยกลับก็แล้วกัน เอยขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
“อาชัชขึ้นไปส่งเอยหน่อยนะคะ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่อารยาซึ่งวางตัวเป็นสาวเรียบร้อยมาตลอดกล้าเอ่ยปากชวนผู้ชายขึ้นห้องแบบเปิดทางสุดๆ ความร้อนรุ่มของเลือดกายสาวทำให้เธอลืมความอายไปชั่วขณะ โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่าชัชวินไว้ใจได้ อีกทั้งตอนนี้เธอก็เรียนจบแล้ว แถมเขาและเธอยังเป็นคู่หมั้น จึงไม่น่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม หรือถ้าหากว่าเกิดอะไรเลยเถิดขึ้นจริงๆ มันก็เป็นความเต็มใจของเธอเอง
“แน่ใจนะว่าอยากให้อาขึ้นไปด้วย” คิ้วเข้มเลิกขึ้น พลางจ้องหน้าสวยๆ อย่างชวนสะเทิ้นและกระดากอาย แต่อารยาก็แข็งใจตอบเหมือนกับไม่ลังเลใดๆ
“แน่ใจค่ะ”
“ไม่กลัวอาเหรอ” เขาถามอย่างมีความนัยอีกหนึ่งประโยค
“ไม่ค่ะ” เจ้าของเสียงหวานตอบหนักแน่นพร้อมกับส่ายหน้า เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจของตัวเองว่าเธอต้องการให้เขาขึ้นไปส่งบนห้องจริงๆ
“งั้นโอเค อาจะขึ้นไปส่งที่ห้อง”
ชายหนุ่มขยับตามคู่หมั้นสาวไปยังบันไดไม้ปาร์เกต์ที่พาขึ้นไปยังชั้นสอง พยายามจะไม่มองรูปร่างสมส่วนในชุดราตรีสั้นสีขาวสายเดี่ยวที่เป็นกระโปรงทรงแคบที่สั้นเลยเข่าไปเกือบคืบ แม้จะมีระบายเป็นผ้าบางๆ ย้วยมาด้านหลัง แต่ก็ไม่สามารถปกปิดเอวเว้าคอดซึ่งลาดรับด้วยความโค้งงอนของบั้นท้ายที่กำลังส่ายไปส่ายมาตามจังหวะการเดินของคู่หมั้นสาวของเขาได้
ชัชวินรู้ดีอยู่แล้วว่าอารยาเป็นผู้หญิงที่รูปร่างดีคนหนึ่ง แม้เขาจะไม่เคยเปิดเปลือยเนื้อตัวของเธอดู แต่ก็มั่นใจว่าส่วนที่ซ่อนอยู่ภายใต้อาภรณ์ชิ้นงามนี้สวยและน่าหลงใหลเพียงใด เมื่อตอนหัวค่ำที่เขาเห็นเธอใส่ชุดนี้ เขาก็แอบพอใจอยู่เงียบๆ ความจริงจะว่าพอใจเฉพาะครั้งนี้ก็ไม่ถูก เพราะทุกๆ ครั้งที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน คู่หมั้นสาวของเขาก็มักจะสะกดสายตาเขาได้เสมอ หากแต่เขาก็แสดงความพึงพอใจออกไปแค่ทางสายตาเท่านั้น ไม่เคยเอ่ยชมพร่ำเพรื่อ
แม้จะพยายามเบนความสนใจและละสายตาของตัวเองไปทางอื่น แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะบรรยากาศอันเงียบเชียบท่ามกลางไฟสีส้มนวลตาที่สาดส่องมาจากเพดานด้านบน บวกกับเสียงย่ำเท้าเบาๆ ที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเขาไปหาคู่หมั้นสาวของตัวเอง
อารยาพยายามจะไม่ตื่นเต้น ทว่าตอนนี้หัวใจกลับเต้นแรงโลด พยายามจะไม่จินตนาการไปล่วงหน้า ว่าหลังจากเขาและเธอเข้าไปอยู่ในห้องด้วยกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ในสมองเต็มไปด้วยภาพต่างๆ ของเขาและเธอในหลายอิริยาบถที่ล้วนแต่ชวนให้วาบหวามรัญจวน ทำให้สมาธิที่ใช้ในการควบคุมการเดินกระเจิดกระเจิงไปหมด
สาววัยย่างยี่สิบสองพาคู่หมั้นหนุ่มวัยย่างสี่สิบเดินขึ้นบันไดจนถึงบริเวณจุดพักที่เชื่อมต่อระหว่างบันไดสองระดับ จังหวะที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่บันไดอีกระดับซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นวนกลับหลัง รองเท้าใส่อยู่บ้านก็เกิดลื่นไถลไปบนพื้นไม้ปาร์เกต์ขัดมัน ทำให้เสียหลักพร้อมกับอุทานออกมาตามสัญชาตญาณ
“อุ๊ย!”
ร่างบางเซถลาจนเกือบล้ม แต่ดีว่ามีร่างใหญ่ของคู่หมั้นช่วยประคองอยู่ด้านหลัง ทำให้อารยาตั้งหลักได้ ทว่าปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่การล้มหรือยืนเสียแล้ว เพราะมือใหญ่ซึ่งกอบกุมอยู่บนหัวไหล่ตอนที่ยื่นมาช่วยเธอนั้นทำให้ร่างกายที่กำลังรุ่มร้อนและเปราะบางต่อสัมผัสจากชายที่ตัวเองมีใจปฏิพัทธ์สั่นเทิ้มและอ่อนระทวยไปหมด
หญิงสาวเอี้ยวหน้าไปมอง ก็เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาคมคร้ามอยู่ห่างแค่ไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รวยรดลงบนข้างแก้มใสตอนนี้ยิ่งทำให้ท้องน้อยของเธอปั่นป่วนไปหมด
“เดินระวังหน่อยสิ”
เสียงนั้นเหมือนจะดุที่เธอเดินซุ่มซ่ามจนเกือบล้มหัวร้างข้างแตก หากอารยาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับวาจาของเขาสักนิด สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกก็คือตัวเองกำลังถูกร่างใหญ่โตกำยำดึงดูดให้ยิ่งอยากอยู่ใกล้มากขึ้นทุกขณะ ไออุ่นจากร่างใหญ่ของเขาห้อมล้อมรัดร้อย แต่ก็ยังไม่มากพอสำหรับร่างกายที่กำลังสะบัดร้อนสะบัดหนาวของเธอตอนนี้
เธออยากให้เขากอดและจูบแบบวันนั้น!
อารยายอมรับกับตัวเองแบบหน้าไม่อาย เธอเปิดทางมากขนาดนี้ หากชัชวินใจตรงกับเธอ เขาก็คงเป็นฝ่ายเริ่มเอง
“ขอโทษค่ะอา” เสียงหวานเอ่ยเบาๆ พร้อมกับที่ความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่นั้นเจือจางลง เพราะชัชวินละมือออกไปแล้ว
ความผิดหวังแล่นมาเกาะกินใจอย่างท่วมท้นที่คู่หมั้นหนุ่มละมือไปเฉยๆ เช่นนั้น อารยาพยายามระงับความรู้สึกตัวเองด้วยการแอบถอนหายใจเบาๆ และก้าวขาต่อไปยังบันไดขั้นแรกของระดับที่สอง