บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 : แผนการชั่วร้าย

ตอนที่

[5]

แผนการชั่วร้าย

เสี่ยวจวนก็คือเสี่ยวจวนสงสัยแต่ก็ไม่ได้สอบถามอันใด ทั้งยังว่าง่าย บอกให้พาไปที่ใดก็ไป ที่นางอยากไปบ้านของผู้นำหมู่บ้าน นางเพียงมีลางสังหรณ์ว่านางจะได้รู้อะไรบางอย่างที่นั่น

เมื่อไปถึงจูกุ้ยหยวนก็ลอบมองอยู่ด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นว่าสวีต้าต่านและสวีอ้ายเหมยอยู่ที่นั่น นางจึงพาเสี่ยวจวน ลอบไปแอบฟังอยู่บริเวณที่ใกล้กับสองคนนั้นให้มากที่สุด

เมื่อได้ที่เหมาะ ๆ แล้ว นางจึงเอานิ้วมาจุ๊ที่ปาก เป็นสัญญาณบอกเสี่ยวจวนว่าให้เงียบที่สุด อย่าพูดอันใด อีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

ดูเหมือนว่าในห้องนี้จะไม่ได้มีแค่สองแม่ลูก ยังมีผู้นำหมู่บ้านเช่นผู้เฒ่าสวี และนางกัวซื่อ บิดามารดาของสวีต้าต่าน

“ข้าคงห้ามปรามเรื่องเจ้ากับบุรุษไม่เอาไหนผู้นั้นไม่ได้แล้ว ได้ข่าวว่าเมื่อคืน เจ้าไม่ได้นอนที่บ้านหลังนั้นหรือ” เสียงผู้เฒ่าสวีเอ่ยขึ้น

“ไม่ได้นอน ข้าวก็ไม่ได้กิน ต้องไปกินข้าวที่อื่น”

“เพราะเหตุใดกัน” ครานี้นางกัวซื่อเอ่ยถามบุตรสาว

“จะอย่างไร ก็เพราะนังเด็กเวรนั่นน่ะสิ ร้ายนัก ทำอาหารหมูมาให้ข้ากับเหมยเออร์กิน”

“เจ้าหมายถึงบุตรสาวคนเล็กของจูหมิงยู่น่ะหรือ เด็กคนนั้น มิใช่ว่าซื่อบื้อทั้งยังไม่มีปากเสียงมิใช่หรือ เหตุใดจากที่เจ้าเล่าจึงไม่เป็นเช่นนั้น”

“ไม่มีปากเสียงอันใดหรือ เถียงบิดาฉอด ๆ ๆ ๆ ไม่ยอมลงแม้แต่น้อย กับข้าก็ไม่มีมารยาทให้เลยสักนิด ทั้งสายตาเช่นนั้น ข้าเกลียดมันนักท่านแม่” สวีต้าต่านกล่าวด้วยน้ำเสียงชิงชัง ในขณะที่ผู้รับฟังอยู่ด้านนอกกลับยกยิ้มขึ้น นี่น่ะหรือสตรีอ่อนหวานที่แสดงเมื่อวานนี้ ปากคอเราะร้ายไม่น้อย

“ข้าก็ไม่ชอบมันเจ้าค่ะท่านยาย เป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านต่ำต้อย กล้าดีอย่างไรมาทำกับหลานเช่นนั้น ต่ำช้านัก” นี่ก็ปากคอเราะร้ายไม่แพ้มารดา นางคิดแล้วเชียวว่าสวีอ้ายเหมยต้องมีความร้ายกาจไม่น้อย ดูจากสายตาของอีกฝ่ายยามที่มองมาแล้ว

“ท่านแม่ ข้าอยากจะไล่พวกมันสามแม่ลูกออกจากบ้านนัก ขวางหูขวางตาเหลือเกิน” สวีต้าต่านนั้นอยากอยู่กันเพียงสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น ในอนาคตก็จะมีบุตรของตนกับจูหมิงยู่เพิ่มขึ้นมาอีก เพียงเท่านี้ครอบครัวก็สมบูรณ์แล้ว แต่ยามนี้คล้ายมีก้างขวางคอชิ้นใหญ่อยู่ ภรรยาคนแรกของสามีแม้ว่าเจ็บป่วยแต่ก็ยังมีเค้าความงาม เห็นแล้วช่างหงุดหงิดนัก ไหนจะบุตรสาวและบุตรชายของอีกฝ่ายอีก โดยเฉพาะบุตรสาวที่นางได้พบเมื่อวาน ยิ่งทำให้นางเกลียดยิ่งนัก

หากถามว่าตนชื่นชอบอันใดจูหมิงยู่ ทั้งที่ผู้ใดก็กล่าวว่าเขาไม่เอาไหน ทั้งยังขี้เกียจ เหตุผลง่าย ๆ ที่นางชอบเขานั่นก็เพราะเขามีใบหน้าที่หล่อเหลา หล่อเหลายิ่งเสียกว่าสามีเก่าของนางเสียอีก อีกอย่างที่นางชื่นชอบมากที่สุด นั่นก็คือลีลาบนเตียงอันเร่าร้อนของอีกฝ่าย ยากที่จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ ส่วนเรื่องเงินทอง ยามนี้นางยังไม่ได้ขัดสนเท่าใด ตอนที่ออกจากตระกูลนั้นก็พอได้ติดตัวมา ไหนจะบิดามารดานางก็พอมีเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นหากไม่มีสิ่งใดทั้งหมดข้างต้น จูหมิงยู่ก็ยังมีบางสิ่งที่สามารถทำให้นางและครอบครัวสบายได้อยู่ ยามนี้สิ่งที่นางต้องการคือกำจัดสามแม่ลูกออกจากชีวิตของพวกนางก่อนเท่านั้น

“พวกเจ้าสองแม่ลูกใจเย็น ๆ ข้ามีวิธีจัดการให้อยู่” ฟังจากน้ำเสียงของนางกัวซื่อช่างดูเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

“อันใดหรือท่านแม่” สวีต้าต่านเมื่อเห็นสายตามารดาก็เริ่มอยากรู้วิธีการเสียแล้ว

“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิตของบ้านเจ้าแล้ว เด็กสองคนนั้นคือกำลังหลัก ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นก่อน ปล่อยให้ทำงานกันไป พวกเจ้าก็จะได้มีข้าวกิน ไม่ต้องไปหาซื้อข้างนอก หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว ก็จะเข้าหน้าหนาว ยามนี้แหละที่เด็กคนนั้นจะได้พ้นจากสายตาของพวกเจ้า”

“อย่างไรกัน”

“ระหว่างนี้ที่เด็กสองคนนั้นไปทำงาน เจ้าก็ไปหาบุรุษมาสักคนเตรียมเอาไว้ หลังการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้น เจ้าก็ตบแต่งนังเด็กนั่นออกไปกับบุรุษผู้นั้นเสีย นอกจากพวกเจ้าจะได้กำจัดคน ทั้งยังจะได้เงินค่าสินสอดอีกด้วย ส่วนบุรุษผู้นั้นจะดีหรือเลว.... พวกเจ้าก็เลือกเอาแล้วกัน” กล่าวแล้วนางกัวซื่อก็ยิ้มให้ทั้งคู่อย่างมีเลศนัย สองแม่ลูกเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกลับไปเช่นเดียวกัน

“ส่วนบุตรชายคนโตนั้น ยังถือว่ามีประโยชน์ เห็นว่าเป็นคนเอาการเอางานทั้งยังไม่มีปากเสียง เจ้าก็จัดการหาสตรีซื่อ ๆ มาสักคนแล้วตบแต่งเข้าบ้านเสีย สินสอดก็ไม่ต้องมากมาย จากนั้น ก็สร้างกระท่อมสักหลัง ให้พวกมันไปอยู่ด้วยกัน แต่อย่าทำสัญญาแยกบ้านเด็ดขาด จากนั้นเจ้าก็ปล่อยให้พวกมันทำไร่ทำนาเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วยกันไปแล้วก็ส่งผลผลิตมาให้พวกเจ้า อย่างไรก็ถือว่าเป็นบ้านใหญ่ ส่วนเจ้ากับเหมยเออร์ ไหนจะจู

หมิงยู่ก็จะได้อยู่สบายไปตลอด ไม่ต้องไปทำงานหนักแต่ก็มีกินตลอดทั้งปี”

“ส่วนเรื่องบ้านใหญ่ตระกูลจูที่มักเอาเปรียบเรื่องผลผลิต ไหนจะที่นานั้น เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง” ครานี้ผู้เฒ่าสวีกล่าวขึ้น

ด้านจูกุ้ยหยวนได้แต่กำหมัดแน่นอยู่ด้านนอก ครอบครัวนี้คิดจะขายนางทั้งยังจะใช้แรงงานพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ในอนาคตของนางอย่างหนักอีก

ชั่วช้านัก!!

“แล้วฉินกุ้ยหลินเล่า จะจัดการอย่างไร” สวีต้าต่านหมายถึงนางฉินซื่อ

“สตรีนอนเป็นผักใกล้ตายเช่นนั้นเจ้าจะกลัวอันใด ข้าไปถามหมอในหมู่บ้านที่ไปรักษาแล้ว สตรีผู้นั้นอยู่มาได้ถึงหกเดือนขนาดนี้ถือว่าเบื้องบนเมตตามากแล้ว ด้วยตกเลือดมากเพียงนั้น ทั้งร่างกายยังไม่ค่อยดี หมอถงกล่าวว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน หลังจากที่เจ้าขายนังเด็กนั่นออกไป ทั้งจัดการบุตรชายคนโตแล้ว ก็ให้นางฉินซื่อไปอยู่กระท่อมกับบุตรชาย เจ้าก็อยู่บ้านใหญ่ไป ด้วยสภาพร่างกายเช่นนั้น ทั้งจิตใจยังย่ำแย่ที่บุตรสาวถูกขายออกไป ไหนจะหน้าหนาวที่คอยเสียดแทงเข้าไปในกระดูก สภาพเช่นนั้นคงอยู่ได้ไม่นานแน่ เพียงเท่านี้เจ้าก็ไม่มีขวากหนามอันใดแล้ว ระหว่างนี้พวกเจ้าก็ทน ๆ ไปก่อน” นางกัวซื่อกล่าวยืดยาวก่อนจะลงด้วยท้ายบทสรุป

“ท่านยายฉลาดนักเจ้าค่ะ” สวีอ้ายเหมยเอ่ยขึ้นเสียงใส

“หลานรักของยาย จากนั้นเจ้าก็จะไม่มีผู้ใดคอยอยู่ให้รกสายตาแล้ว” นางกัวซื่อกอดหลานสาวด้วยความรักใคร่ หากแต่สวีอ้ายเหมยเบือนหน้าหนีอย่างเป็นธรรมชาติ นางไม่ชอบกลิ่นกายท่านยาย เหม็นยิ่งนัก

จูกุ้ยหยวนกำหมัดแน่นไปตลอดทาง แม้แต่เสี่ยวจวนคนซื่อเมื่อได้ยินครอบครัวสวีกล่าวเช่นนั้น ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย แผนการเช่นนี้ คนดี ๆ ที่ใดจะทำกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel