รวมนิยายรักฯ...บทที่ 7 นางฟ้าในอ้อมรักมาร...
คุณมาตย์เมืองชวนลูกสะใภ้เดินเข้าบ้าน พอเข้าประตูก็เห็นชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่แล้ว หนุ่มหนึ่งรูปร่างสูงเพรียวอีกคนหนึ่งรูปร่างสูงล่ำสัน ยืนคู่กันอยู่ในห้องโถงกว้าง ความต่างความเหมือนของชายสองคนนี้ คนสูงล่ำสันกลับมีหน้าตาคล้ายคุณมาตย์เมืองมากกว่า แต่คนที่หน้าตาเป็นลูกครึ่งกลับเป็นคนที่พิมพ์รัมภามั่นใจว่าเป็นมาทิศหรือมาร์ส เพราะข้อมูลที่ได้มาก็น่าจะเป็นคนนี้ ที่จะว่าเหมือนลูกครึ่งทั่วไปก็ไม่ใช่ เพราะโครงหน้ากว้างคางเหลี่ยมผิวสีคล้ำออกแดงและผมที่ดำสนิทบอกเชื้อสายอินเดียนแดงชนเผ่าเก่าแก่ของอเมริกาเด่นชัด แต่ที่สำคัญ คือ ดวงตาของคนทั้งสองต่างมองมาเหมือนคนมองปกติทั่วไป
“หนูฟ้า ตามาร์สหรือมาทิศสามีของหนู”
“ตามาร์ส หนูฟ้าหรือพิมพ์รัมภาภรรยาของลูก” คุณมาตย์เมืองแนะนำคนทั้งสองโดยจับมือพิมพ์รัมภาส่งให้ลูกชายที่ยื่นมือออกมา
“ส่วนนี่เมธีหรือตาเมธเป็นหลานชายของพ่อ”
“ยินดีต้อนรับครับ พี่สะใภ้”
“สวัสดีค่ะ” พิมพ์รัมภาทำได้เพียงกล่าวคำว่า...สวัสดี...เพราะมือของเธอถูกสามีจับยึดไว้ไม่ยอมปล่อย
“...เป็นไง...นายเมธ...เมียพี่สวยไหม”
พิมพ์รัมภามองหน้าคนถาม และมองตามสายตาเขาไปที่เมธี ชายหนุ่มเปิดยิ้มกว้างกับคนถามแล้วยิ้มเลยมาทางพิมพ์รัมภาตอบทีเล่นทีจริง
“สวยกว่านางอัปสรสวรรค์อีกฮะพี่มาร์ส”
คนฟังขมวดคิ้วแสดงความสงสัย คนตอบจึงหัวเราะดัง แล้วตอบใหม่เป็นคำบรรยายที่ทำให้คนถูกบรรยายต้องเขินอายจนหน้าแดงระเรื่อ
“สวยสิฮะ สวยสมชื่อเชียวละ ผิวขาวผ่องนวลเนียน ผมดำตรงยาวประบ่า หน้ารูปหัวใจ นัยน์ตาสวยหวานกลมโตสุกใส ขนตาทั้งยาวทั้งงอน จมูกโด่งสวย เอาเป็นว่า หน้าตาสวยจิ้มลิ้มแบบปากนิดจมูกหน่อย... โอย...ทั้งสวยทั้งน่ารัก...พี่มาร์สโชคดี
เป็นบ้า”
คนมองไม่เห็นใช้มือสัมผัสเบาไปตามลำแขนเรียวเล็ก ก่อนจะไล่แผ่วขึ้นมาบนไหล่บอบบางลำคอระหง แล้วหยุดสำรวจเกือบทุกจุดของใบหน้า ก่อนจะพยักหน้ายิ้มพอใจ เขาหยิบปอยผมนุ่มสลวยเข้าดอมดมแล้วเอ่ยปากชม
“คุณพ่อตาดีที่ช่วยเลือกเมียสวยๆมาให้”
พิมพ์รัมภาขัดเขินต่อการสัมผัสและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นม้าแม่พันธุ์ที่ถูกซื้อมาใหม่ เขาจะสำรวจดูฟันดูเรียวขาของเธอเหมือนการสำรวจดูม้าด้วยไหม หญิงสาวพยายามดึงข้อมือให้พ้นจากการจับยึดแน่นเอาไว้ แต่คนยึดจับกลับกระซิบแสดงอาการไม่พอใจ
“...อึ๊ม... จะดึงมือออกทำไม...”
“...เอ๊ะ...ก็จะจับไว้ทำไม...ยังสำรวจไม่พอหรือคะ” หญิงสาวกระซิบตอบเบาให้ได้ยินกันสองคน คนที่ยังไม่ยอมปล่อยก็โต้กลับเสียงกึ่งหัวเราะ
“...ยัง...”
พร้อมสายตาที่มองสำรวจไปมา ถ้าไม่ได้รับคำบอกเล่าจากทุกคนว่ามาทิศตามองไม่เห็น เธอเป็นไม่เชื่อเด็ดขาด นี่ขนาดมองไม่เห็นนะ เขายังมองสำรวจด้วยตาคมวาวไปทั่วหน้าตาเนื้อตัวราวกับจะมองให้ทะลุปรุโปร่ง
“ดิฉันไม่ใช่ม้านะคะ จะมาดูนั่นดูนี่”
หญิงสาวเผลอพูดตามความคิดออกไป แล้วก็หน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มได้ฟังคำก็เปล่งเสียงหัวเราะชอบใจแล้วยื่นหน้ามาใกล้กระซิบตอบ
“มีเมียสวยก็อยากดูทั้งตัวนั่นละ”
ไม่พูดเปล่าเขายื่นหน้ามาจุมพิตแบบจุ๊บเบาๆที่หน้าผากอย่างถือวิสาสะ คุณมาตย์เมืองสังเกตเห็นทีท่าอึดอัดและผิวหน้าแดงปลั่งเพราะความเขินอายของลูกสะใภ้จึงเอ่ยปรามลูกชาย
“พอแล้วตามาร์ส เลิกแกล้งน้องซะที หนูฟ้าเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆคงอยากพักผ่อน พ่อว่าให้น้องขึ้นไปพักล้างหน้าล้างตาก่อนลงมาทานอาหารเย็นจะดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวผมพาเมียไปที่ห้องเอง”
มาทิศพูดคำว่า เมีย เต็มปากเต็มคำ พูดไม่พูดเปล่าเขาทำท่าจับจูงคนเป็นเมียที่ตนยังกุมมือไม่ยอมปล่อยออกเดินไป คุณมาตย์เมืองรีบเดินเข้ามาขวาง แล้วแกะมือพิมพ์รัมภาออกจากมือที่จับแน่นของลูกชาย เอ่ยเสียงกึ่งหัวเราะ เพราะรู้ว่ามาทิศกำลังแกล้งภรรยาตัวเอง และกำลังทำให้พิมพ์รัมภาตื่นตกใจ
“ไม่ต้องตามาร์ส เดี๋ยวพ่อให้คุณบายศรีพาขึ้นไปเอง พ่อมีเรื่องงานจะคุยกับเราสองคนอีกหลายเรื่อง” คุณมาตย์เมืองกล่าวพร้อมกับพยักพเยิดให้หลานชายพามาทิศไปที่ห้องทำงาน
คุณบายศรียืนรอท่าอยู่แล้วรีบเข้ามาผายมือเชื้อเชิญพิมพ์รัมภาเดินตามขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้าน พาเลี้ยวเข้าทางฝั่งขวา นางเปิดประตูห้องแล้วบอกกับพิมพ์รัมภาอย่างนอบน้อมก่อนเดินตามเข้าไป
“คุณฟ้าพักห้องนี้นะคะ เป็นห้องคู่อยู่ติดกับห้องคุณมาร์ส มีประตูเชื่อมต่อถึงกัน มีห้องน้ำห้องแต่งตัวแยกออกมา เสื้อผ้าจัดใส่ตู้ไว้ให้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณบายศรี”
พิมพ์รัมภาตื่นตากับห้องนอนสวยงามดั่งภาพฝัน โดยเฉพาะเตียงนอนตกแต่งด้วยมุ้งม่านลูกไม้สีขาวสะอาดตา ตัดกับสีผ้าปูผ้าห่มสีเขียวอ่อนดูเข้ากันกับผ้าม่านหน้าต่างสีเขียวใบไม้สุกสว่างระบายด้วยสีทอง และสอดรับกับสีพื้นฝาห้องสีเขียวนวลสบายตา
พื้นห้องทุกตารางนิ้วปูลาดด้วยพรมเนื้อละเอียดหนาลวดลายตารางสีสันสดใสจากโทนสีเขียวกับฟ้า พอเข้ามาดูห้องแต่งตัว ก็สะดุดตากับกระจกกรุเป็นฝาห้องรายรอบ ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเป็นสีขาวลายทอง ส่วนห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องสีขาวลายทองและสุขภัณฑ์สีขาวสะอาดสะอ้านเช่นเดียวกัน
“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกดิฉันได้นะคะ ดิฉันเป็นแม่บ้านดูแลทุกอย่างในบ้านนี้ให้ค่ะ”
คุณบายศรียินดีอำนวยความสะดวกแก่เจ้านายคนใหม่อย่างเต็มอกเต็มใจ และชอบใจในความสวยน่ารักกับกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนของหญิงสาว และหันมาบอกก่อนจะออกจากห้องไป
“อ้อ ...เดี๋ยวจะมีเด็กยกของว่างมาให้ คุณฟ้ารับของว่างแล้วพักผ่อนสักครู่ ดิฉันจะให้เด็กมาเรียนเชิญไปรับประทานอาหาร ที่นี่ทานอาหารเย็นหกโมงครึ่งค่ะ”
“...ค่ะ...ขอบคุณค่ะ...”
เมื่อประตูปิดตามหลังคุณบายศรี พิมพ์รัมภาก็ทรุดลงนั่งบนขอบเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ยังตื่นเต้นกับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นของสามีที่ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ นั่นคือ ใจเต้นระรัวผสมผสานอาการวาบหวามผิดแปลกจนนึกกลัวใจตัวเอง เธออาจจะต้องเสี่ยงกับความพลั้งเผลอหวั่นไหวต่อการกระทำกรุ้มกริ่มทีเล่นทีจริงของสามีแรกพบคนนี้ พลางคิดอย่างตื่นเต้นว่าตำแหน่งสะใภ้มหาเศรษฐีของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป
แม้การจดทะเบียนเป็นภรรยาของมาทิศครั้งนี้ จะเป็นเพียงความตั้งใจเข้ามาดูแลเขาเท่านั้น แต่การเข้าพักอาศัยอยู่ห้องเชื่อมต่อกัน เธอคงจะไม่มีความเป็นส่วนตัวมากนัก และเป็นหน้าที่สำคัญอันเธอจะต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือ การทำให้มาทิศมีกำลังใจที่จะเข้ารับผ่าตัดครั้งใหม่ในเวลาสามเดือนนี้
แล้วสิ่งที่จะโน้มน้าวใจเขาได้เป็นอะไร?
จากการเห็นทีท่ากระตือรือร้นต้อนรับภรรยาแล้ว คงไม่มีสิ่งอื่นใดดีไปกว่าทำให้เขาพอใจในตัวเธอ
แต่จะทำให้เขาพอใจแบบไหนได้ล่ะ?
แม้ความสวยงามของรูปโฉมความเป็นผู้หญิงจะมีอิทธิพลต่อเขาอยู่บ้าง แต่ก็คงจะใช้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะผู้ชายต่างก็ชอบผู้หญิงสวยด้วยกันทุกคน เธออาจจะต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการช่างสังเกตและทำความเข้าใจต่อความชอบหรือไม่ชอบของมาทิศให้ลึกซึ้งหรือละเอียดกว่านี้ว่าเขาจะชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร