รวมนิยายรักฯ...บทที่ 1 นางฟ้าในอ้อมรักมาร...
พิมพ์รัมภานั่งมองหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินออกจากห้องสัมภาษณ์งานด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะเหลือผู้เข้าสัมภาษณ์อีกเพียงสองคนเท่านั้นก็จะถึงคิวเธอ โดยสตรีที่แนะนำตัวว่าเป็นผู้ช่วยเลขาท่านประธานฯแจ้งว่า เธอต้องรอให้การสัมภาษณ์งานของหญิงสาวห้าหกคนเสร็จสิ้นก่อนจึงจะเข้าพบท่านประธานของบริษัทฯได้
เมื่อสองสามวันก่อน คุณอิทธิพลผู้เป็นลุงของเธอโทรศัพท์มาถามทุกข์สุขอย่างเคยทำเสมอมา แต่คราวนี้คุณลุงของเธอมีเรื่องสำคัญของเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือด่วนมาบอกกล่าว และขอให้เธอมาพบเพื่อพูดคุยกับเขาภายในสัปดาห์นี้
โรงแรมบางกอกไทยแอนด์สตาร์ดัสท์ เป็นโรงแรมหรูเกินระดับห้าดาวอีกแห่งหนึ่งในกลางกรุง สร้างเป็นตึกยี่สิบชั้นด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและยุโรปได้ลงตัวอย่างงดงามโอฬาร
นอกจากธุรกิจโรงแรมหรูแล้ว บริษัทบางกอกไทยฯยังมีบริษัทขนาดใหญ่อีกสองแห่ง คือ บริษัทนำเข้าและผลิตน้ำหอมชั้นนำกับบริษัทผลิตเครื่องดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศอีกด้วย
พิมพ์รัมภาทราบจากผู้ช่วยเลขาของท่านประธานบริษัทว่าวันนี้มีนัดสัมภาษณ์เลขานุการประจำแผนกในโรงแรมและบริษัทในเครืออีกห้าตำแหน่ง มีผู้มารอสัมภาษณ์วันนี้เป็นวันที่สองอีกหกคน โดยบุคคลเหล่านี้จะต้องผ่านการคัดกรองตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดและผ่านการสัมภาษณ์ขั้นแรกมาครั้งหนึ่งแล้ว และจะได้รับคำตอบกับการเข้าสัมภาษณ์ในวันนี้
พิมพ์รัมภามาขอพบท่านประธานโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า แต่ก็ได้รับการยืนยันจากผู้ช่วยเลขาท่านประธานว่า ท่านยินดีจะให้เธอเข้าพบในวันนี้ แต่ขอเวลาสัมภาษณ์งานก่อน พิมพ์รัมภามาแล้วก็ไม่อยากเสียเวลาและเต็มใจรอ
หญิงสาวถูกเชิญให้เข้ามานั่งรอในห้องรับรองแขก เป็นห้องกระจกใสมองทะลุเห็นการเคลื่อนไหวของบุคคลภายนอกได้ถนัดตา เธอนั่งมองผู้เดินเข้าเดินออกจากห้องสัมภาษณ์อย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้ เพราะในห้องไม่มีทีวีหรือหนังสือให้ดูหรือหยิบอ่านเหมือนกับห้องรับแขกอื่นๆ
พิมพ์รัมภานึกเสียดายบ้างเหมือนกันว่าเธอไม่ได้มาสมัครเข้าทำงานที่นี่ ตำแหน่งเลขาแผนกของโรงแรมใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเป็นงานที่ดีและมั่นคงเหมือนกัน แต่ปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้านโภชนาการความรู้พิเศษด้านภาษาอื่นอีกสองสามภาษา คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และจีนอีกเล็กน้อยของเธอ คงจะเหมาะกับตำแหน่งอื่นมากกว่า
“คุณพิมพ์รัมภาคะ เชิญพบท่านประธานได้แล้วค่ะ”
เสียงใสกังวานของคุณผู้ช่วยเลขาท่านประธานฯดังแทรกเข้าขัดจังหวะความคิดของพิมพ์รัมภาไว้เพียงแค่นั้น เธอเดินตามคุณผู้ช่วยเลขาผ่านประตูห้องด้านในที่ต้องเดินผ่านอีกห้องหนึ่งเข้าไป และได้รับคำบอกให้รอสักครู่ เพียงไม่ถึงห้านาทีก็มีชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานแต่งสูทชั้นดีสองคนเข้ามา
พิมพ์รัมภารีบลุกขึ้นต้อนรับตามมารยาท เมื่อมองรู้ว่า คนไหนเป็นหนึ่งคนไหนเป็นรอง เธอจึงยกมือไหว้คนที่เป็นหนึ่งก่อนแล้วจึงไหว้คนที่เป็นรองตาม เขายิ้มรับไหว้ตาพราวระยับอย่างแปลกตาและผายมือให้เธอนั่งลงพร้อมกัน แล้วชายคนที่เป็นหนึ่งก็เริ่มต้นคำถามทันที
“หนูชื่อ พิมพ์รัมภา พรหมมินทร์ ใช่ไหมลูก”
“...ใช่ค่ะ...”
พิมพ์รัมภาเผลอยิ้มรับกับคำลงท้ายว่า...ลูก...ที่เขาใช้พูดกับเธอเหมือนผู้ใหญ่ใช้พูดกับลูกหลานที่ปกติจะมีคุณอิทธิพลเพียงคนเดียวที่ใช้คำนี้พูดกับเธออยู่บ่อยๆ
“ลุงดีใจนะ ที่หนูมาพบลุงในวันนี้”
“...เอ้อ...ค่ะ...”
พิมพ์รัมภารับคำอย่างเขินๆ จากดวงตาคมจับจ้องของผู้ใหญ่ตรงหน้า เหมือนท่านประธานฯกำลังมองพิจารณาเธออย่างถี่ถ้วน แต่พิมพ์รัมภาไม่นึกโกรธเคืองอะไร กลับรู้สึกปีติใจกับแววเต้นระยับแสดงความตื่นเต้นดีใจในดวงตาคู่นั้น