รวมนิยายรักฯ...บทที่ 5 ซ่อนพิศวาส...
อินทราภานั่งเปิดนิตยสารไทม์ที่หน้าปกมักจะเป็นบุคคลสำคัญแห่งปี...เกรตา ธุนเบิร์ก...สาวน้อยวัยสิบหกนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมผู้ออกมารณรงค์ให้ผู้นำทั่วโลกช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤตโลกร้อนดูผ่านๆตาเพราะเคยอ่านมาแล้ว และหันมาสนใจกับนิตยสารที่ชอบอ่านมากอีกฉบับหนึ่ง คือ เนชั่นเนลจีโอกราฟิกฉบับภาษาไทย ที่มีเรื่องราวน่าสนใจจากทั่วโลกให้อ่านมากมาย
การออกเดินทางจากที่พักแต่เช้าเพื่อมารอขึ้นเครื่องเที่ยวบินเก้าโมงกว่าจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มาถึงเวลาประมาณสิบโมงครึ่งไม่ได้ทำให้อินทราภาอ่อนเพลีย มากมาย แต่กลับเผลอหลับหลังจากอ่านหนังสือไปได้ไม่กี่หน้า หลังจากตื่นล้างหน้าทาแป้งเตรียมตัวเพื่อเข้าพบเจ้าของคุ้มสัตตบงกชหรือเจ้านางบัวจัตนาเสร็จแล้ว อินทราภาได้ฆ่าเวลาด้วยการหยิบหนังสือที่อ่านค้างขึ้น จะอ่านต่อ แต่ไม่ทันได้เริ่มอ่านเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“คุณแม่บ้านให้มาเชิญคุณพยาบาลค่ะ” ผู้เคาะประตูเปิดกว้างรอให้เจ้าของห้องเดินออกและปิดประตูให้
“ทางนี้ค่ะ” เด็กสาวผายมือและเดินนำมายังห้องชุดที่อยู่ด้านเหนือสุดของพื้นที่บนชั้นสองที่บัดนี้ประตูสองบานใหญ่เปิดกว้าง
อินทราภาก้าวตามเข้ามาในโถงกว้างหน้าห้อง นอน ปลายสุดโถงมีร่างบอบบางของหญิงชราหน้าตาผ่องใสที่รู้มาก่อนว่านางอยู่ในวัยใกล้เจ็ดสิบนั่งอยู่ในรถเข็นไฟฟ้าที่สามารถเคลื่อนตัวได้ดังใจผู้นั่งและร่างสูงของบุรุษตัวโตสูงเกินมาตรฐานชายไทยที่ยืนทำหน้าเรียบเฉย
แวบแรกที่เห็นร่างสูงของวรุทธิรงค์ อินทราภาเกือบลืมตัวโผเข้ากอดจูบเขาตามความเคยชิน แต่สายตาคมกริบของหญิงชราที่นั่งบนรถเข็นไฟฟ้าตรงหน้าทำให้มีสติพอที่จะยืนสงบนิ่งสำรวมกิริยา
“สวัสดี ค่ะ” อินทราภายกมือไว้หญิงชรากับผู้อาวุโสมากกว่าที่ต้องทำเป็นไม่รู้จักและแนะนำตัวเองว่า “อินทราภา ศุภวัสส์ พยาบาลวิชาชีพ จากโรงพยาบาล...” และบอกชื่อที่ทำงาน
โดยเจ้านางบัวจัตนาเจ้าของคุ้มสัตตบงกชได้รับรู้ว่าผู้ว่าจ้างงานของอินทราภา คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์หม่อมหลวงรชิตราวรรธ นฤบดินทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านชานกรุงด้วยการแนะนำของวรุทธิรงค์ที่บอกความประสงค์กับพี่ชายตามตรงให้รชิตราวรรธรับอินทราภาเข้าทำงานตาม คุณวุฒิความรู้ความสามารถและช่วยส่งมาเป็นพยาบาลดูแลเจ้านางบัวจัตนาในคุ้มสัตตบงกช
“รูปร่างหน้าตาสวยงามอย่างกับดารานางแบบ จะทำงานอยู่กับคนแก่ทุพพลภาพอย่างนี้ได้หรือ” ผู้สูงวัยมองพินิจหญิงสาวตรงหน้าและชื่นชมในความงดงาม ของรูปร่างหน้าตา แต่ไม่ค่อยจะเชื่อถือในศักยภาพการทำงานมากนัก
“ถ้าเจ้ายายไม่ชอบ ผมจะให้พี่ระชิตส่งคนใหม่มาให้ก็ได้ครับ” เจ้าของร่างสูงก้มลงกล่าวน้ำเสียงเนิบนาบ ทั้งที่ใจเต้นแรงระทึกกับคำวิจารณ์
“ไม่...ไม่ใช่ไม่ชอบ เพียงแต่ยายคาดไม่ถึงว่าจะมีพยาบาลรูปร่างหน้าตาสะสวยขนาดนี้มาดูแล ระชิตส่งมาแล้วก็แล้วกัน วรุทก็รู้ว่ายายไม่ใช่คนเรื่องมาก ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยก็เพราะเขาอยากไปเอง” หญิงชรายกมือเรียวบางกวักเรียกพยาบาลใหม่
“ไหน เข้ามาใกล้ๆซิ ให้ฉันดูหน้าตาชัดๆหน่อย” เมื่อหญิงสาวสวยเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า มือเรียวบางของหญิงชราก็ยกขึ้นแตะใบหน้างามเบนมองซ้ายขวา
“อืม...สวย สวยธรรมชาติ ฉันไม่ได้อยากได้คน ดูแลสวยขนาดเธอหรอกนะ แต่สวยอย่างนี้ก็เจริญหูเจริญตาดี ว่าแต่ที่นี่เงียบเหงานะ ไม่มีสิ่งบันเทิงใจ จะอยู่ได้ไหม” ผู้สูงวัยมองสำรวจกิริยาท่าทางอย่างละเอียดและเห็นคุณลักษณะละเมียดละไมแบบผู้หญิงไทยฉายชัดในตัวหญิงสาว การจ้องลึกในดวงตากลมโตสุกใสมีแววหวานแกมเศร้าไร้เล่ห์เหลี่ยมแอบแฝงแสดงถึงความซื่อตรงจริงใจและอดชื่นชมไม่ได้...ตาสวยเหมือนตาหงส์...หางตาชี้ขึ้นพองามส่งให้ดวงตาสวยยิ่งขึ้น...ผู้หญิงลักษณะดี...นางคิดอย่างพึงพอใจ
“ดิฉันมาทำงาน เลือกไม่ได้หรอกค่ะ” อินทราภาตอบระมัดระวัง จะบอกว่าชอบอย่างที่ใจคิดก็เกรงจะถูกว่า...ประจบ...
“จริงสินะ ว่าไง วรุท พยาบาลคนใหม่ของยายเป็นไงบ้าง” ผู้ถามเงยหน้าขึ้นมองหลานชายที่สังเกตเห็นแต่แรกว่าจับจ้องพยาบาลคนสวยแทบไม่วางตา
“ต้องรอดูผลงานก่อนครับ”
“ยายไม่ได้ถามเรื่องงาน” นางหัวเราะในลำคอ ขบขันหลานชายที่ตอบเลี่ยงคำถามและวางท่าตีหน้าเคร่งเกินจำเป็น
“ไม่มีความเห็นครับ”
“อ้อ...ก็ดี มีอะไรจะสัมภาษณ์อีกไหมล่ะ”
“ไม่มีครับ”
“อึ้ม...ยายก็ไม่มี คงรู้หน้าที่แล้วนะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ประโยคหลังถามผู้ที่มาดูแล
“ทราบแล้วค่ะ” อินทราภาตอบเบาๆ ลอบสบตากับเจ้าของร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“แล้วข้อห้ามล่ะ” เสียงถามจากหญิงชราเคร่งขึ้น
“ไม่มีค่ะ” อินทราภาเบิกตามองคนตรงหน้างงๆ สงสัยในคำถาม...ข้อห้ามอะไร?...ไม่เห็นมีใครบอก
“ต้องมีสิ ระชิตไม่ได้บอกหรือ” คิ้วเรียวเลิกสูง นึกตำหนิหลานชายที่ไม่บอกสิ่งที่นางกำชับไป
“ฉันไม่ได้จะจำกัดเสรีภาพอะไรหรอกนะ แต่ทุกบ้านย่อมมีกฎ และบ้านนี้ก็มีเหมือนกัน”
“อะไรบ้างคะ”
“ที่นี่ไม่มีใครเข้าไปยุ่มย่ามตามโซนที่พักส่วนตัวของคนอื่น หรือออกจากห้องมาเดินเพ่นพ่านหลังจากสามทุ่มไปแล้ว และจะออกจากห้องหลังตื่นนอนตอนหกโมงเช้า หากคุณพยาบาลต้องการลงไปเดินเล่นในสวนหลังบ้านก็ไปได้ตามอัธยาศัย แต่จะเข้าไปในส่วนของพืชสวนพืชไร่ต้องขออนุญาตหลานชายฉันก่อน”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” อินทราภาตอบรับกับสิ่งที่พอรู้มาจากวรุทธิรงค์บ้างแล้ว
“และทุกวันคุณพยาบาลต้องพาฉันลงไปข้างล่างที่ศาลากลางสระ” เจ้านางบัวจัตนาบอกสิ่งที่ต้องการทำมานานนับเดือน
“จะดีหรือครับ โดนลมโดนแดดมากอาจจะเจ็บไข้ได้นะครับ”
“ยายแข็งแรงดีแล้ว อยู่แต่บนห้องก็เบื่อ อยากไปดูดอกไม้ใบหญ้าบ้าง ข้างล่างมีร่มไม้มากมายจะโดนแดดโดนลมอะไรมากมาย” ผู้ที่อยากลงไปว่าเสียงแข็ง
“แต่ผมว่า...”
“ไม่ต้องว่าอีกแล้ว ยายมีพยาบาลกับฟองคำคอยดูแลจะกลัวอะไร จริงไหมคุณพยาบาล” หญิงชราหันมายิ้มกับพยาบาลคนใหม่
แม้จะสงสัยว่าเหตุใดหลานชายคนโตจึงเลือกคนหน้าตาดีที่รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรอย่างนี้มาทำงานดูแลคนทุพลภาพที่ต้องนั่งรถเข็นอย่างนาง แต่ไม่อยากเกี่ยงงอนให้เป็นเรื่องวุ่นวาย และนางก็พอใจในตัวสาวสวยคนนี้แบบที่เรียกว่า...ถูกชะตา...มากกว่าพยาบาลคนก่อนๆ
“แต่พี่ระชิตเคยห้ามนะครับ” หลานชายคนรองอ้างสิ่งที่พี่ชายเคยบอก
“นั่นมันตั้งสองสามเดือนมาแล้ว ตอนนี้ยายรู้สึกสบายดีและแข็งแรงพอจะไปไหนมาไหนได้แล้ว เพียงแต่เดินไม่ถนัดเท่านั้น”
“นั่นละครับที่พวกเราต้องระวัง โดยเฉพาะข้อห้ามที่ไม่ตามใจเจ้ายายจนมากเกินไป” ผู้เป็นหลานชายหัวเราะ เพราะคำพูดของเขาทำให้ถูกค้อนควัก
“อ้อ กลัวยายจะถูกตามใจมากละสิ พ่อตัวดี ถ้าอย่างนั้นเวลายายจะลงข้างล่างก็มาช่วยคุณพยาบาล พายายไปจะได้มั่นใจว่ายายถูกตามใจอย่างปลอดภัย”
เจ้านางบัวจัตนาตัดบทด้วยการบอกหลานชายว่านางต้องการพักผ่อน และเรียกพยาบาลคนใหม่ให้มาอ่านหนังสือธรรมะให้ฟัง การได้ฟังน้ำเสียงหวานๆกับการอ่านมีทักษะที่ช่วยให้ฟังเพลิดเพลินจนนางหลับไป