รวมนิยายรักฯ...บทที่ 4 ซ่อนพิศวาส...
ตึกสีเทาสามชั้นตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ร่มครึ้ม บานหน้าต่างสีขาวตัดกับตัวอาคารเปิดกว้างเห็นม่านสีฟ้าอมเทาพลิ้วเบาๆจากแรงลมที่ท้องฟ้ามืดครึ้มเมฆฝนเคลื่อนตัวลอยต่ำพร้อมแสงฟ้าแลบแปลบปลาบปรากฏขึ้นก่อนเสียงครืนคำรามตามมา ร่างเพรียวบางในชุดเดินทางกางเกงผ้ายืดขายาวสีเปลือกมังคุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูแซมด้วยริ้วสีฟ้าสีเงินเส้นเล็กๆห่างๆกับแจ๊คเก็ตตัวยาวสีเดียวกับกางเกงเร่งฝีเท้าเกือบจะเป็นวิ่งเข้าใต้หลังคาหน้ามุขของตัวตึกที่ยื่นออกมาเป็นเวลาเดียวกับฝนหยาดเม็ดโปรยปรายเปลี่ยนเป็นตกพรูพร่างลงมา
หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ขึ้นบันไดเจ็ดขั้นเข้าประตูรูปโค้งบานใหญ่ที่ภายในเป็นห้องโถงกว้างปูพรมสีเทาลายใบไม้สีฟ้าและสีเงิน
“อ้าว...คุณ...คุณพยาบาลใช่ไหมคะ มายังไงกันคะ ทางเราให้คนรถไปรับที่สนามบิน ไม่เจอหรือคะ” นางคำแก้วไม่เคยเห็นหน้าพยาบาลคนใหม่ที่เจ้านายจ้างงานมา แต่ดูจากหน้าตาท่าทางและการแต่งตัวก็รู้ว่าไม่ใช่คนในท้องถิ่น และคนที่จะมาถึงวันนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไม่เจอค่ะ ฝนกำลังมามืดจึงหารถเช่า เขาส่งหน้าประตูรั้ว ฝนลงเม็ดปรอยๆพอดี ดิฉันเลยเข้ามาก่อน”
อินทราภา ศุภวัสส์ มาถึงสนามบินตอนสิบโมงครึ่ง นั่งคอยคนไปรับอยู่นานกว่าชั่วโมง เห็นท้องฟ้ามืดครึ้มมากเกรงว่าฝนจะตกหนักเกิดน้ำท่วมเสียก่อนจึงออกมาถามหารถเช่า พวกเขารู้จักคุ้มสัตตบงกชกันทุกคนจึงว่าจ้างมาส่งเพราะเส้นทางเป็นถนนใหญ่ที่สองฟากมีบ้านเรือนตลอดและอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่สองหรือสามกิโลเมตรเท่านั้น
“เชิญค่ะ เชิญข้างใน ดีค่ะ มากับสายฝน ฝนไม่ตกมาหลายเดือนแล้ว ข่าวว่าจะมีพายุเข้า ไม่รู้จะตกมากน้อยแค่ไหน แต่คุณพยาบาลไม่ต้องกลัวนะคะ ที่นี่ไม่เคยมีน้ำท่วมหรือประสบปัญหาน้ำหลาก บ้านนี้ปลูกอยู่บนเนินสูงแข็งแรง ภูเขาทางด้านหลังก็เป็นป่าทึบมีต้นไม้แน่นหนาและก็อยู่ไกลมากค่ะ” คำแก้วชวนคุยขณะเปิดตู้เย็นที่อยู่ไม่ไกลจากโซฟารับแขกมากนักรินน้ำดื่มมาส่งให้ เมื่อแขกวางแก้วก็เชื้อเชิญขึ้นบนชั้นสองของบ้านที่เปิดประตูรออยู่
“ทางด้านเหนือเป็นห้องชุดของเจ้านางบัวจัตนาที่คุณพยาบาลต้องดูแลค่ะ คุณพยาบาลพักรับเครื่องดื่มกับอาหารกลางวันก่อนนะคะ ช่วงบ่ายอิฉันจะให้เด็กมาตาม”
“ขอบคุณค่ะ”
อินทราภาล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อคอกลมแขนจีบพองกระโปรงยาวคลุมเข่าแบบที่ชอบใส่อยู่กับบ้านยืนมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่สายฝนบดบังเห็นเป็นเพียงภาพเรือนรางที่เห็นต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่รายรอบพื้นที่ด้านในกำแพงรั้วสูง ตรงกลางเป็นโรงเรือนสีขาวปลูกเป็นแถวยาวเหยียด ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นและเด็กสาวหน้ากลมแป้นทาแป้งฝุ่นหน้านวลถือถาดอาหารเดินยิ้มร่าเข้ามา
“น้าคำแก้วให้นำอาหารกลางวันกับขนมผลไม้และเครื่องดื่มมาให้ค่ะ คุณพยาบาลต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ”
“ไม่แล้วจ้ะ”
“ถ้าต้องการอะไรเพิ่ม คุณพยาบาลกดกริ่งหน้าประตูได้นะคะ” หล่อนชี้มือไปที่ข้างกรอบประตูด้านใน
“ขอบใจจ้ะ ชื่ออะไรจ๊ะ”
“ชื่อสาลีค่ะ”
สาลีเป็นคนทำงานครัวทั่วไป นอกจากช่วยเอื้อยอ้ายกับแตงอ่อนล้างจานเก็บกวาดทำความสะอาดครัวและจัดโต๊ะอาหารแล้ว จะมีหน้าที่ยกอาหารหรือของว่างมาเสิร์ฟให้เจ้านายบนชั้นสองและชั้นสามอยู่ประจำ เพราะสาลีมีความจำในการรับคำสั่งได้ดีและทำงานคล่องแคล่วกว่าคนอื่นๆ
“ขนมอร่อยมากจ้ะ” อินทราภากล่าวชมเมื่อหยิบขนมสีสันน่ากินลองชิม
“แม่ครัวเป็นคนเก่าแก่ทำงานกับเจ้านางมานานกว่าสามสิบปีแล้วค่ะ ทำกับข้าวทำขนมอร่อยทุกอย่าง ผลไม้สดก็เก็บมาจากสวนใหม่ๆเลยนะคะ คุณวรุทท่านปลูกไว้หลายอย่างเลยค่ะ”
“ที่นี่อากาศดีคงปลูกผักผลไม้ได้งาม”
“ดอกไม้ก็งาม กุหลาบดอกโต๊โตค่ะ” สาลีพูดแล้วยกมือปิดปาก นึกได้ว่าตัวเองพูดมากไป จึงกล่าวขอตัว
“ขอบใจอีกครั้งจ้ะ”
อินทราภารู้สึกว่าชอบสถานที่แห่งนี้ แม้ตัวตึกภายนอกจะมองทะมึนดูลึกลับน่าเกรงขามจากสีเทาขาว แต่เมื่อเข้ามาภายในการตกแต่งด้วยสีขาวกับสีฟ้าดูสดใสสบายตา โดยเฉพาะห้องที่จัดให้อินทราภาพักในห้องชุดทางด้านซ้ายบันไดทางขึ้นชั้นสองภายในตกแต่งด้วยเครื่องเรือนทันสมัยสีขาวกับทองพร้อมม่านพรมเป็นสีฟ้าสดใส เตียงนอนเป็นเตียงไม้สักสี่เสาสลักเสลาลวดลายดอกไม้สวยงามแบบเตียงสมัยเก่าพร้อมเครื่องนอนเป็น สีฟ้าสีทองและม่านมุ้งสีขาวเข้าชุดกันทุกอย่าง